– อาคิยามะ เออิชิ –
คลับคล้ายคลับคลาว่าปีที่แล้วโรงเรียนอาคิรุไดมีการตรวจสุขภาพประจำปีของนักเรียนพร้อมกันหมดทั้งโรงเรียน
มันเป็นอะไรที่วุ่นวายมาก ทั้งนักเรียนที่มามั่งไม่มามั่ง บางคนก็โดดไม่ยอมตรวจ แถมบางคนยังตั้งท่าเตรียมจะหาเรื่องกันเพียงเพราะว่าอีกฝ่ายสูงกว่ากัน 1 เซนติเมตร
ผมจำได้ว่าวันนั้นที่โรงเรียนไม่มีการเรียนการสอน ห้องเรียนผมตรวจเสร็จตั้งแต่ยังไม่ถึง 11 โมง หลังจากนั้นก็ว่างยาวๆ และสุดท้ายก็จบลงด้วยการหนีเรียนไปร้องคาราโอเกะ
อาาา… ช่างเป็นความทรงจำที่น่าคิดถึงแต่ไม่ควรให้น้องๆ หนูๆ เอาเป็นเยี่ยงอย่างเสียจริงๆ
“แต่ที่นี่ตรวจกันตั้งสามวันเลยเนาะ นานจัง”
ผมเดินคุยกับอันนะเกี่ยวกับเรื่องการตรวจสุขภาพนี้ระหว่างไปโรงเรียนด้วยกัน ซึ่งถือเป็นกิจกรรมที่เป็นกิจวัตรประจำวันของเราทั้งคู่ไปแล้ว
“คงเพราะแยกชั้นปีละมั้งคะ แถมตอนบ่ายเป็นทดสอบสมรรถภาพร่างกายนินา ฮืออ… แดดแบบนี้ฉันต้องโดนเผาจนละลายแน่ๆ เลย”
“เป็นไอศกรีมหรือไงน่ะเธอ”
“ชิ ไอ้พวกบ้ากีฬาอย่างพี่จะไปรู้อะไร แดดตอนบ่ายน่ะมันทำร้ายผิวของสาวน้อยอย่างฉันนะรู้มั้ย”
“จ้าๆๆ แม่สาวน้อย”
เผลอขยี้หัวเพราะความหมั่นไส้เล็กน้อย เลยโดนอันนะทุบคืนมาเบาๆ สองทีไม่เจ็บไม่คันอะไร
ผมมองเธอเดินไปบ่นไปแล้วก็จัดผมไปด้วยไม่ยอมมองทางพลางนึกถึงความสงสัยของตัวเองที่ว่าทำไมโรงเรียนต้องจัดกิจกรรมสองอย่างในวันเดียวกันแบบนี้ พร้อมกันนั้นก็ลองนึกหาเหตุผลของโรงเรียนเล่นๆ ไปด้วย ครู่เดียวก็มาถึงโรงเรียนเสียแล้ว
แม้จะล่วงเลยเข้าสู่สัปดาห์ที่สามของการเปิดเรียนแล้วแต่หากนับกันจริงๆ ผมยังมาโรงเรียนได้ไม่ครบ 10 วันเลย
สาเหตุก็เพราะสัปดาห์ที่แล้วโดนพักการเรียนไป 1 สัปดาห์เต็มๆ ทำเอาว่างซะจนคิดว่าตัวเองอาจจะตายเพราะว่างเกินไปก็ได้ พอได้มาโรงเรียนอีกครั้งจิตใจก็เลยรู้สึกปลื้มปริ่มอิ่มเอมกับบรรยากาศของเหล่าผู้กระหายใฝ่เรียนรู้
แต่ผมดูถูกความกระหายและใฝ่รู้ของนักเรียนโรงเรียนนี้มากเกินไป เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ยังไม่เคยมีครั้งไหนที่ถูกคนรุมซักถามยังกับดาราเท่าครั้งนี้มาก่อน
ทุกท่านคงจะแปลกใจว่าผมพูดเรื่องอะไร หึๆ งั้นมา ผมจะเล่าให้ฟังครับ
เรื่องมันเริ่มขึ้นในเช้าวันจันทร์ที่ผ่านมานี่แหละ ทีแรกผมก็เดินมาโรงเรียนกับอันนะตามปกติ จากนั้นก็ทักทายเพื่อนๆ ของอันนะที่หน้าประตูเล็กน้อยแล้วก็แยกย้ายกันไป ทุกอย่างดูเหมือนปกติ รอบข้างมีสายตามองมาอยู่บ้างแต่ก็ไม่คิดอะไรเพราะตอนที่เดินทัวร์ตึกเรียนกับพวกอันนะมีเยอะกว่านี้
ครั้งนั้นพอแยกตัวตัวออกมาสายตาที่จับจ้องก็หายไป แต่ครั้งนี้ไม่ใช่…
ผมเดินเข้าตึกเรียนมาเปลี่ยนรองเท้า เดินขึ้นตึก เดินมาจนถึงห้องเรียน จนกระทั่งเดินเข้าห้องเรียนไปนั่ง ตัวเองก็ยังตกเป็นเป้าสายตาอยู่ดี
ไม่ใช่แค่นั้นครับ มันมีเสียงซุบๆ ซิบๆ อยู่รอบตัวๆ ตัว พอหันไปมองทางต้นเสียงก็เงียบไป เป็นอย่างนั้นจนกระทั่งพักกลางวันก็ยังไม่หาย บอกตรงๆ เลยครับว่าหลอน
– “เดี๋ยวก็เงียบไปเอง” –
เป็นคำปลอบใจจากโอโตเมะที่มานั่งกินข้าวอยู่ใกล้ๆ เธอบอกว่าแค่นี้ยังไม่เท่าไร ตอนของเธอน่ะโดนกลั่นแกล้งหนักกว่านี้อีก
ฟังแล้วก็ได้แต่สงสัยว่านั่นนับเป็นคำปลอบได้หรือเปล่า
แต่โบราณว่าไว้ ผู้อาบน้ำร้อนมาก่อนย่อมมองเห็นได้ชัดเจนแจ่มแจ้งกว่า เพียงแค่เวลาไม่ทันพ้นพักกลางวัน คำพยากรณ์ของท่านหญิงโอโตเมะก็สำแดงผล
มันเริ่มจากเด็กผู้หญิงในห้องสองคนเดินเข้ามาทักผมที่กำลังนั่งคุยเล่นกับโซเฮย์อยู่ จากนั้นพวกเธอก็เริ่มคุยกับเราทั้งสองคน แล้วพวกเธอก็หันไปเรียกเพื่อนๆ ของพวกเธอมา เหตุการณ์มันไปเร็วมาก แค่พูดคุยไม่กี่คำ ผมกับโซเฮย์ก็โดนล้อมเสียแล้ว
อันตัวผมนั้นไม่เท่าไรหรอก แต่โซเฮย์น่ะนั่งตัวลีบไปเสียแล้ว โชคดีที่การกลายเป็นคนดังของเราสองคนนั้นดำเนินไปไม่นานเพราะโอโตเมะเข้ามาช่วยไว้ได้ทัน หลังจากบอกทุกคนว่าผมและโซเฮย์ต้องไปช่วยงานที่ห้องสภานักเรียน ทุกคนจึงแยกย้ายกันไปด้วยสีหน้าเหมือนคนยังทานไม่อิ่มแต่ทางร้านไล่ออกไปก่อนเพราะถึงเวลาปิดร้านแล้ว
ระหว่างทางที่เดินตามโอโตเมะออกมานั้นเธอก็อธิบายเรื่องราวที่มาที่ไปว่าทำไมอยู่ๆ ผมถึงกลายเป็นคนดังว่าส่วนหนึ่งมันเป็นเพราะเรื่องที่ผมก่อไว้ และอีกส่วนมันเกิดจากแผนการปั้นผมกับโซเฮย์เพื่อแก้ปัญหาเรื่องความนิยมในการเลือกตั้งประธานนักเรียนที่จะมาถึงในสัปดาห์หน้า ระหว่างนี้ก็อยากจะขอให้ช่วยแสดงตามที่ได้คุยกันไว้ให้หน่อย
สิ่งที่เธอบอกมานั้นผมก็พอจะเข้าใจได้และก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ถ้าผมทำแล้วช่วยเหลือเธอผมก็ยินดี แต่สิ่งที่ไม่เข้าใจคือไอ้คนที่เดินอยู่ข้างๆ อีกฝั่งนี่ต่างหาก
– “นายเจอแบบนี้มาตั้งอาทิตย์นึงแล้วยังไม่ชินอีกเหรอ?” –
– “ทำไงได้ล่ะครับ คนที่เข้ามาไม่ค่อยจะซ้ำหน้ากันนินา แถมยังเข้าใจผิดว่าผมเป็นคุณบ่อยๆ ด้วยครับ” –
ติดคำสุภาพมาด้วยแฮะ เชื่อแล้วว่าประหม่าจริง…
ตัดภาพมาปัจจุบัน เวลาสามสี่วันช่วยให้ผมชินกับสายตาสอดรู้สอดเห็นของนักเรียนในโรงเรียนนี้ไปเยอะ ผมเลือกที่จะไม่สนใจคนเหล่านั้นยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นฝ่ายเข้าหาผมก่อนตามที่ตกลงกับโอโตเมะและทาเคโนะอุจิไว้
หลังจากทักทายโซเฮย์ผู้ที่มาเช้าอยู่ตลอด ผมก็หันไปทักทายคุณอาโออิ คุณซากุระ คุณอาซาคุระ และโอโตเมะที่นังรวมกลุ่มกันอยู่ริมหน้าต่าง ยังไม่ทันจะได้พูดธุระกับโอโตเมะเรื่องที่เธอส่งข้อความมาขอความช่วยเหลือแต่เช้า ผมกับโซเฮย์ก็ถูกเข้าประชิดตัวอีกครั้ง
[‘แผนของโอโตเมะมันจะได้ผลดีเกินไปหรือเปล่า?’]
ผมพูดคุยโต้ตอบกับเพื่อนร่วมห้องที่เข้ามาคุยกันพลางคิดแบบนั้นในใจ ลึกๆ แล้วก็เกิดความสงสัยขึ้นมาว่าคนพวกนี้เข้ามาคุยกับผมเพราะอะไรทั้งที่ทีแรกออกจะแสดงท่าทางกลัวผมขนาดนั้น
อย่างเด็กผู้หญิงสองสามคนตรงหน้านี้คือคนแรกๆ ที่เข้ามาคุยกับผม ตอนแรกที่พวกเธอฝากฝังผมให้ดูแลโอโตเมะนั้นผมค่อนข้างงงเลยเพราะความจริงแล้วโอโตเมะต้องเป็นฝ่ายดูแลผมหรือเปล่า
พอเอาเรื่องนี้ไปบอกโอโตเมะ เธอก็บอกแค่ว่าเด็กผู้หญิงพวกนี้เป็นแฟนคลับนิโนะมิยะ และนิโนะมิยะก็มีข่าวลือกับเธอมาตลอด การที่เธอออกห่างจากนิโนะมิยะได้ไม่ว่าทางไหนพวกนั้นก็สนับสนุนทั้งนั้น
– “ไม่ต้องใส่ใจหรอก” –
นอกจากนี้ก็ยังมีแฟนคลับของทาเคโนะอุจิที่เขามาตีสนิทเพื่อดูว่าผมมีคุณสมบัติที่ดีพอจะติดตามไอดอลของตัวเองหรือไม่ ทำเอางงไปพักใหญ่เลยว่าผมไปขอติดตามเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
แล้วก็ยังมีอีกประเภทที่เข้ามาเพราะเห็นว่าผมอาจจะใช้ประโยชน์ อย่างครั้งหนึ่งจำได้ว่าเคยมีเด็กผู้ชายมาพูดทำนอง ‘นายสนิทกับคุณทาเคโนะอุจิซินะ พอจะมีเบอร์ติดต่อเธอมั้ย?’ อะไรแบบนี้
แม้จะโดนกันออกไปโดยคนอื่นๆ ทันทีแต่ก็แสดงให้เห็นชัดเจนถึงจุดประสงค์ที่เข้ามาหาผม
[‘พวกนี้เข้ามาคุยเพราะมีจุดประสงค์ในใจกันทั้งนั้นซินะ’]
แม้ว่าจะยิ้มแย้มและพูดคุยกันได้เป็นปกติ แต่ในใจผมมีอคติเล็กๆ เพราะเรื่องพวกนี้ปักตรึงไว้อยู่
ดังนั้นการแสดงของวันนี้ก็คงต้องตั้งใจให้มากอีกเหมือนเดิม เพื่อไม่ให้แผนการทั้งหมดที่วางไว้ต้องล่ม หรืออย่างน้อยๆ ถ้าล่ม ก็ขอให้เป็นหลังเสร็จสิ้นการเลือกตั้งประธานนักเรียนไปแล้ว
กว่าการแสดงจะจบลงก็ถึงช่วงเวลาของการรายงานตัวตรวจสุขภาพพอดี
—
– โอโตเมะ อามายะ –
“ไม่รู้สึกอะไรบ้างหรือไง?”
“หือ? ฉันเหรอ?”
“จะมีคนอื่นอีกหรือไง?”
เซริกับเมกุมิทำหน้าเบื่อหน่ายใส่ฉันที่ตามการสนทนาของเพื่อนๆ ไม่ทัน แต่นั่นก็โทษเพื่อนๆ ไม่ได้หรอก มันเป็นเพราะฉันมัวแต่สนใจอย่างอื่นมากกว่าบทสนทนาของเพื่อนๆ ตรงหน้าต่างหาก
“โทษที เมื่อกี้ไม่ได้ฟัง พวกเธอพูดถึงเรื่องอะไรกันน่ะ?”
ถามไปแทนที่จะได้คำตอบกลับมา ฉันกลับได้เสียงถอนหายใจกลับมาแทน แม้แต่อาโอะจังยังยิ้มเจื่อนๆ ทำเอารู้สึกผิดจนอยากจะกราบขอโทษแล้วเนี่ย
“ก็นั่นไง ที่เธอมัวแต่สนใจเมื่อกี้น่ะ เห็นแล้วไม่รู้สึกอะไรบ้างเหรอ?”
“อ่ออ… ก็… มันช่วยไม่ได้นินะ”
เห็นเมกุมิทำท่าแบบไม่ได้ดั่งใจแล้วก็อดขำไม่ได้ ต่างจากเซริที่ส่ายหน้าไปมาเหมือนยอมแพ้แล้ว
ฉันยิ้มเล็กน้อย แล้วจึงหันไปมองวงสนทนาข้างๆ อีกครั้ง
จุดศูนย์กลางความสนใจของวงสนทนานั้นเป็นเด็กชายสองคนซึ่งนั่งหันหน้าเข้าหากัน คนนึงนั่งนิ่งๆ เหมือนจะตัวเกร็งๆ หน่อยๆ ส่วนอีกคนติดกิ๊บผมรูปหมีกำลังยิ้มแย้มพูดคุยกับบรรดาเหล่านักเรียนหญิงที่เข้ามาคุยด้วย
[‘อาคิยามะกำลังทำงาน…’]
ฉันบอกตัวเองแบบนั้นเพราะรู้ดีว่าที่มันเป็นแบบนี้สาเหตุส่วนหนึ่งก็มาจากเธอกับยูบิจังเป็นต้นเหตุ
แผนการปั้นนักเรียนสายนักเลงให้เป็นนักเรียนผู้รักเพื่อนพ้องและไม่ยอมอ่อนข้อต่อความอยุติธรรมที่ผ่านการปรึกษาหารือกันอย่างแข็งขันของพวกเราสามคนกำลังเริ่มผลิดออกออกผลให้เห็นแล้วในขณะนี้ แถมยังดูจะได้ผลดีด้วย
อาคิยามะและโฮตานิช่วยเหลือฉันกับยูบิจังอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอาคิยามะที่ทั้งคิดบทเอง แสดงเอง กำกับเอง เขาใช้เวลาแค่สามวันก็สามารถพูดคุยและกลมกลืนไปกับทุกคนที่เข้ามาคุยกับเขาได้แล้ว ส่วนโฮตานินั้นยังคงเกร็งๆ อยู่ เซริบอกว่าคงเป็นเพราะโดนเข้าใจผิดว่าเป็นอาคิยามะบ่อยๆ เลยระแวงคนที่จะเข้ามาคุยก็เป็นได้ พอคิดแบบนั้นแล้ก็น่าเห็นใจเขาอยู่ไม่น้อย
ฉันยังคงสังเกตอาคิยามะต่อไป บทสนทนาเมื่อเช้าลอยวนเวียนอยู่ในหัว มันนำพาจินตนาการของฉันให้ล่องลอยย้อนลึกไปในความทรงจำที่เก่ากว่านั้น
เท่าที่เห็นและจำได้ อาคิยามะไม่เข้าไปคุยกับใครที่ไม่รู้จักก่อน…
วันแรกที่มาถึงห้องเรียนหลังจากถูกพักการเรียนไปหนึ่งสัปดาห์ คนถูกคนในห้องมองด้วยสายตาหวาดระแวง
ฉันคิดว่าเขาจะรู้สึกเครียด รำคาญ หดหู่ หรือมีอารมณ์ด้านลบอะไรสักอย่าง แต่ปรากฏว่าเขาไม่สนใจสายตาพวกนั้นเลย เขาเดินมาทักโฮตานิก่อนจะนั่งลง แล้วจึงทักทายฉันและเพื่อนๆ ทีละคน
เขาพูดคุยหยอกล้อกับเพื่อนใหม่ บางครั้งก็หันมามองทางฉันแล้วยิ้มให้กันบ้าง แต่ส่วนใหญ่แล้วเขาจะคุยกับโฮตานิ จนกระทั่งมีเด็กผู้หญิงสองคนเดินมาทักเขาที่โต๊ะ
ตอนแรกเขาเหมือนจะสับสนแต่ครู่เดียวก็สามารถจัดการกับสถานการณ์ตรงหน้าได้อย่างราบรื่น แล้วไม่นานคนรอบๆ ตัวเขาก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่ฉันจะทันรู้ตัว เขากับโฮตานิก็ถูกกลืนหายไปท่ามกลางวงล้อมเสียแล้ว
หลังจากครั้งนั้น เวลาที่อาคิยามะอยู่ว่างๆ เขามักจะโดนคนเข้ามาทัก ชวนคุย หรือซักถามอะไรสักอย่าง คนเหล่านั้นมีทั้งเพื่อนห้องเดียวกัน เด็กห้องอื่น รุ่นพี่ รุ่นน้อง บางคนเหมือนจะรู้จักคุ้นเคยกับอาคิยามะ แต่บางคนแม้แต่ฉันก็ไม่รู้จัก และนั่นทำให้เขามักจะมาถามหรือปรึกษาฉันเสมอว่าใครเป็นใครและควรจะต้องวางอย่างไรกับคนเหล่านั้น
MANGA DISCUSSION