– โอโตเมะ อามายะ –
จากมุมมองบนเวที การที่มีนักเรียนเกือบพันคนมานั่งฟังเราพูดนั้นเป็นอะไรที่สร้างความประหม่าให้เราชนิดที่ทำให้ลืมสิ่งที่จะพูดได้อย่างง่ายดาย
ตอนที่เริ่มเดินขึ้นมานั้นฉันเริ่มหายใจไม่เป็นจังหวะ ทั้งความตื่นเต้นและความกังวลว่าคนจะฟังที่เราพูดมั้ยกดดันจนฉันรู้สึกสมองมึนงง
ทว่าสิ่งเหล่านั้นหมดไปพร้อมเสียงอื้ออึงในหอประชุม ทันทีที่เทพธิดามาเยือน ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่เธอ
ความสวย ความสง่า ออร่าที่แสดงออกถึงความสูงส่งและเข้าถึงยาก ถูกปลดปล่อยออกมาจากยูบิจังที่อยู่ในโหมดเทพธิดาสุดคูล
แต่เมื่อเธอยิ้ม รอยยิ้มนั้นราวกับแสงแดดอ่อนๆ ที่ส่องลงมาต้องเกราะน้ำแข็งที่ฉาบตัวเธอไว้ ค่อยๆ ละลายมันออกจนเผยให้เห็นหญิงสาวงดงามอ่อนหวานที่ซ่อนอยู่ภายใน
เสียงสูดลมหายใจดังขึ้นในหอประชุมที่เงียบเชียบ จากนั้นทุกอย่างราวกับหยุดนิ่ง แบบนี้กระมังที่เรียกว่ารอยยิ้มหยุดโลก
“สวัสดีทุกคนอีกครั้งค่ะ…”
แค่ทักทายคู่หูของฉันก็คุมได้ทั้งหอประชุม 30 นาทีต่อจากนี้ถ้าไม่มีอะไรไม่คาดฝัน ตัวฉันคงว่างงานยาวๆ
แล้วก็เป็นไปดังที่คิดไว้
‘เอาอยู่’ กับ ‘สวยสะกด’ คงต้องเป็นสองคำนี้แหละที่เหมาะกับยูบิจังในร่างเทพธิดาเมื่อครู่นี้
อุตส่าห์วางแผนไว้ซะดิบดีว่าถ้าหากมีคนขัดหรือมีคำถามแทรกเข้ามาจะแก้ปัญหากันอย่างไร แต่ถึงเวลาจริงแล้วทุกคนกลับเงียบฟังสิ่งที่ยูบิจังนำเสนอราวกับว่าเป็นศาสนิกชนที่เข้ามาฟังศาสดาของตนเองกล่าวคำสอน
– “ฉันไม่มั่นใจเลยค่ะว่าตัวเองจะสามารถแยกแยะดีเลวได้อย่างชัดเจน เพราะสำหรับฉันแล้วเรื่องแบบนี้แบ่งแยกอย่างชัดเจนได้ยากค่ะ แต่ฉันและทีมงานมั่นใจว่าสามารถแยกแยะได้ว่าสิ่งใดจริงสิ่งใดเท็จ หากเราชนะการเลือกตั้ง การทำงานของเราจะตั้งอยู่บนหลักความเป็นจริง หลักความเป็นเหตุเป็นผล คนทำผิดย่อมได้รับโทษ คนทำดีย่อมได้รับการตอบแทน ฉันมั่นใจอย่างยิ่งว่าพวกเราจะไม่เป็นหายนะขององค์กรใดๆ แน่นอนค่ะ” –
ฮ่า… ตอกตะปูปิดฝาโลงได้อย่างดงาม
ฟังจากเสียงปรบมือกึกก้องหอประชุมแล้วรู้สึกว่าความนิยมในตัวยูบิจังไม่ได้ลดลงอย่างที่เรากังวลกันในตอนแรก กลับกันดูเหมือนจะได้รับความนิยมจากนักเรียนปี 1 เพิ่มขึ้นมาอีกไม่น้อย
“หลังจากนี้ก็เหลือแค่ทำตามแผนที่วางกันไว้ ยังไงเดี๋ยวคงต้องไปคุยกับอาคิยามะคุงอีกรอบ อามายะจังสะดวกมั้ย?”
“จะไปเมื่อไหร่ล่ะ?”
“เย็นนี้”
“เอาซิ เดี๋ยวฉันส่งข้อความบอกเขาก่อน”
“ฉันส่งไปบอกเขาแล้วล่ะ”
[‘เอ๊ะ?!’ ส่งแล้ว?!]
“แต่เขาบอกให้มาเร็วหน่อยน่ะ เห็นว่าจะกลับไปหาคุณพ่อคุณแม่”
[‘แลกเบอร์ติดต่อกันแล้วเหรอ?’]
“อามายะจัง?”
“อะ… อ่ออ เย็นนี้ซินะ เอาซิ งั้นเสร็จจากนี่ก็รีบไปเลยแล้วกัน”
เย็นนั้นท้องฟ้ามีเมฆครึ้ม บรรยากาศอึมครึมชวนให้รู้สึกอึดอัดและหนักอึ้ง ฉันคิดว่าฝนอาจจะตกลงมาได้เลยไม่ค่อยอยากจะไปหาอาคิยามะเท่าไรนัก…
…แบบนั้นใช่มั้ยนะ
—
– อาคิยามะ เออิชิ –
– “พักการเรียน 1 สัปดาห์จ้ะ~” –
โดนคุณแม่บอกมาแบบนั้นพร้อมกับรอยยิ้มพิมพ์ใจที่ไปไม่ถึงดวงตา
ตอนนั้นผมได้แต่นั่งนิ่งทำหน้าสลดสำนึกผิดต่างกับรุ่นพี่นาคาจิมะที่หัวเราะก๊ากจนสำลักข้าว ส่วนคุณพ่อยิ้มมุมปากแล้วส่ายหน้า อารมณ์ประมาณว่าชินแล้ว
ผลจากการก่อเรื่องก่อราวที่โรงเรียนนอกจากจะทำให้ผมโด่งดังขึ้นในชั่วข้ามคืนอย่างที่โอโตเมะบอกแล้ว ทางโรงเรียนได้ลงโทษผมฐานใช้กำลังในการแก้ปัญหาด้วยการพักการเรียนเป็นเวลา 1 สัปดาห์ พร้อมกับเขียนจดหมายสำนึกผิดไปส่ง
ส่วนคู่กรณีของผมทั้งหกคนนั้นโดนกันไปคนละ 2 สัปดาห์ เนื่องจากมีกระทงความผิดมากกว่า 1 กระทง โทษที่โดนเลยเยอะกว่าผม
โอโตเมะบอกว่าโทษพักการเรียนนี้ถือรุนแรงแล้วสำหรับโรงเรียนฮิบิยะ เพราะว่าเป็นโรงเรียนที่เน้นเรื่องผลการเรียน การหยุดเรียนไปสักสัปดาห์หนึ่งสามารถส่งผลต่อการเรียนของนักเรียนธรรมดาไปได้ทั้งเทอม
– “โดนไป 2 สัปดาห์ พวกนั้นตายแน่” –
โอโตเมะเหมือนจะสมน้ำหน้าเจ้าพวกนั้น ส่วนผมก็ได้แต่สงสัยว่าพวกนั้นมันจะสนใจเรื่องเรียนจริงๆ เหรอ
เอาเถอะ คนอื่นจะเป็นไงก็ช่าง ถือซะว่าใช้โอกาสนี้พักฟื้นไข้ไปในตัว คุณแม่กับคุณพ่อเองก็บ่นเรื่องนี้อยู่เหมือนกันว่าป่วยจนจะยืนไม่ไหวก็ยังอุตส่าห์ไปมีเรื่องมีราวกับคนอื่นได้ ดังนั้นถ้ายังไม่หายไข้ห้ามออกไปไหนเด็ดขาด เป็นการลงโทษกักบริเวณไปในตัว
ทว่าก็ไม่รู้เป็นเพราะการฟื้นตัวของผมมันดีเกินไป หรือเพราะได้รับการเอาใจใส่จากทุกๆ คน เพียงแค่วันแรกของการพักการเรียน ไข้ผมก็หายเสียแล้ว
หายแล้วก็ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปไหน ต้องรอดูให้ชัวร์ว่าหายสนิทจริงๆ ทำได้แค่นอนว่างอยู่ในบ้านไปวันๆ
แต่มันว่างอ่ะ ว๊าง…ว่าง… ว่างจนรู้สึกรำคาญตัวเอง แล้วในจุดที่คิดว่าคนเราจะตายเพราะว่างได้มั้ยนั้นโอโตเมะก็ทักมาบอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วย
มันแบบ… ฮ่าๆๆ นี่แหละโอกาส ผมบอกคุณแม่ทันทีว่าเพื่อนจะมาหาคุยธุระเรื่องเรียนกันที่บ้าน
แล้วก็เป็นไปดังที่คาดการณ์ไว้ ผมได้รับอิสรภาพกลับมาอีกครั้ง การถูกกักบริเวณถูกยกเลิกและเย็นนั้นผมได้กลับบ้านตัวเอง
อันนะกับเพื่อนๆ ก็มาเยี่ยมทันทีเลยเหมือนกัน การมีเจ้าตัวแสบรวมตัวกันมาเซอร์ไพรส์ที่บ้านนั้นค่อนข้างจะวุ่นวายแต่ก็ทำให้บรรยากาศครึกครื้น
ทว่าส่วนที่เซอร์ไพรส์กว่านั้นมาจากโอโตเมะ เพราะเธอไม่ได้มาคนเดียว เธอพาคู่หูที่จะลงชิงตำแหน่งประธานนักเรียนมาด้วย
ทาเคโนะอุจิ ยูบิ
สาวงามแหละ งามจนหาตัวจับได้ยากด้วย เสียอย่างเดียวคือยัยนึ่ดันเป็นแฟนเก่าที่ผมไม่รู้จะเข้าหน้ายังไง
ก็ดันจบกันไม่สวยแบบนั้นนี่นะ…
บาดแผลที่เกิดในตอนนั้นก็ใช่ว่าจะหายไป มันกลายเป็นแผลเป็นที่ถึงจะไม่เจ็บแต่ถ้าไปสะกิดก็จะออกอาการจี๊ดๆ คันๆ ให้รำคาญ
ดังนั้นผมจึงรู้สึกซับซ้อนนิดหน่อยตอนที่รู้ว่าต้องช่วยเหลือเธอในแผนการที่โอโตเมะคิดขึ้น พร้อมกันนั้นความสงสัยหนึ่งก็โผล่เข้ามาในหัว
…โอโตเมะรู้ความสัมพันธ์ของผมกับทาเคโนะอุจิหรือเปล่า?
ถ้าไม่รู้ แล้วถ้าวันหนึ่งเธอรู้ จะเกิดอะไรขึ้น
หรือถ้าเธอรู้ แบบนั้นเธอเป็นคนใจกว้างแยกแยะเรื่องงานเรื่องส่วนตัวได้ หรือเธอไม่คิดอะไรกับผมกันแน่
ช่างคับข้องใจ…
เป็นความข้องใจที่ไม่รู้จะถามยังไง สุดท้ายก็ทำได้แค่ปล่อยทิ้งไว้แบบนั้น
—
สภาพอากาศฤดูใบไม้ผลิปีนี้เป็นอะไรแปลกประหลาดและไม่มีความแน่นอน
สองสัปดาห์ก่อนอากาศยังหนาวยังกับช่วงฤดูหนาว แต่มาสัปดาห์นี้ฝนกลับตกลงมาซะอย่างงั้น
บางวันก็แดดออกซะจนคิดว่ากำลังจะเข้าหน้าร้อน แต่เมื่อวานท้องฟ้ากลับเต็มไปด้วยเมฆจนแสงแดดแทบจะส่องลงมาไม่ได้
ผมนั่งบ่นเรื่องนี้กับรุ่นพี่นาคาจิมะขณะที่นั่งรอลงเล่นอยู่ริมสนาม รุ่นพี่เองก็บ่นว่าเขาเองไม่ได้เรียนภาคสนามเลยเพราะฝนตกเหมือนกัน
“วันนี้ต้องวิ่งให้เต็มที่”
แค่คิดว่าวันนี้รุ่นพี่คึกเพราะเก็บกดไม่ได้ใช้แรงมาทั้งอาทิตย์แล้วก็รู้สึกสงสารทีมตรงข้ามที่ต้องแข่งกับรุ่นพี่ยังไงไม่รู้
ความรู้สึกสงสารของผมนั้นไม่ได้เกินจริงไปเลย ทันทีที่ทีมของรุ่นพี่ซึ่งนำโดยรุ่นพี่ริวซากิลงสนาม ความปั่นป่วนวุ่นวายก็บังเกิดกับทีมอีกฝ่ายทันที เห็นแล้วก็ได้แต่คิดว่าคงต้องแบ่งความสงสารไว้ให้ตัวเองในอนาคตอันใกล้นี้บ้าง
“ขอนั่งด้วยได้มั้ย?”
“อ๊ะ? อ่ออ… ตามสบายครับ”
จู่ๆ ก็ถูกทัก ความคิดไร้สาระของผมเลยสะดุดหยุดลงอยู่แค่การแสดงความสงสารตัวเองในอนาคต
ผู้มาใหม่นั้นเป็นชายน่าจะอยู่ในวัยสามสิบกว่า ผิวเข้มกร้านแลดูสุขภาพดีแบบผู้ที่รักในการออกกำลังกายกลางแจ้ง เขาขอบคุณและยิ้มให้ผมเล็ก เกิดเป็นความรู้สึกแปลกๆ อยู่หน่อยๆ
“จำฉันไม่ได้เหรอ?”
[‘อ้าว รู้จักกันด้วยเหรอ?’]
ผมหันกลับไปมองชายที่นั่งข้างๆ อีกครั้ง พยายามพิจารณาใบหน้านั่นแล้วแต่ก็แค่รู้สึกคลับคล้ายคลับคลา นึกไม่ออกว่าเคยไปรู้จักกันตอนไหน
“เสียใจนะเนี่ย เจอกันตั้งสองครั้งแล้วแต่จำกันไม่ได้เนี่ย”
[‘แต่ผมชักกลัวแล้วครับเล่นพูดแบบนี้เนี่ย’]
“ขอโทษด้วยครับ ผมจำไม่ได้จริงๆ”
พยายามค้นในหัวแล้วแต่สมองไม่สามารถจับคู่ชื่อกับใบหน้าคนตรงหน้าได้ ชายคนนั้นยิ้มเจื่อนแล้วจึงแนะนำตัวเองกับผม
“ฉันชื่อทาเคไซ เทรุ เป็นครูพละที่โรงเรียนไง นายเข้าเรียนกับฉันมาแล้วครั้งหนึ่งนะ แล้วเมื่อสัปดาห์ก่อนฉันก็เป็นหนึ่งในคนที่สอบสวนเรื่องที่นายไปก่อเรื่องก่อราวไว้น่ะ”
[‘อ่อออ… นึกไม่ออก’]
“เอาเถอะ เพิ่งจะเข้าเรียน จะจำฉันไม่ได้ก็แปลกหรอก”
การที่มีผู้ใหญ่มานั่งทำหน้าเศร้าให้เราดูเพราะว่าเราจำเขาไม่ได้นั้นนับเป็นประสบการณ์แปลกใหม่
ผมขอโทษเขาที่อ้างตัวว่าเป็นอาจารย์ที่โรงเรียน แต่หลังจากนั้นก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ไม่รู้ด้วยว่าเขาเข้ามาทักผมทำไม
“เธอมาเล่นบาสที่นี่บ่อยเหรอ?”
[‘ยังชวนคุยต่อแฮะ’]
ถ้าแค่คุยผมไม่มีปัญหาอะไร ยิ่งถ้าหากเขาเป็นอาจารย์ในโรงเรียนจริงๆ การละเลยไม่สนใจเขาอาจจะสร้างความประทับใจแย่ๆ และปัญหาให้ผมได้
“จะว่าบ่อยก็คงบ่อยล่ะมั้งครับ”
“งั้นเหรอ ดีจังเลยนะ ฉันล่ะอยากจะมาเล่นแบบนี้ตั้งนานแล้ว แต่ว่าหาเวลาว่างไม่ได้เลย วัยรุ่นเนี่ยดีจริงๆ นั่นแหละนะ”
คุณทาเคไซหัวเราะเหมือนคนที่ยอมแพ้อะไรสักอย่างไปแล้ว ผมสังเกตว่าเขาเองก็ยังไม่ได้แก่ขนาดนั้น หรือว่าพอเราโตเป็นผู้ใหญ่แล้วจะหาเวลามาเล่นบาสแบบนี้ไม่ได้
[‘แต่พวกคนแก่ในสนามนั่นบางคนมาเกือบทุกวันเลยนะ’]
พอพูดเรื่องนี้ขึ้นมาเขาก็หัวเราะแห้งๆ จากนั้นจึงเริ่มการบรรยายหลักสูตรการเป็นผู้ใหญ่ให้ผมฟังจนผมเริ่มเชื่อขึ้นเรื่อยๆ แล้วว่าเขาเป็นอาจารย์จริงๆ
“จริงซิ ฉันเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาชมรมบาสเกตบอลของโรงเรียนเรานะ ฉันเห็นนายเล่นเมื่อกี้แล้ว สนใจมาเล่นให้ทีมโรงเรียนเรามั้ย”
ไปๆ มาๆ ดันถูกชวนเข้าชมรมซะงั้น ผมมองหน้าคุณ… เรียกอาจารย์ละกัน เห็นอาจารย์ทำหน้ายังกับพวกแมวมองที่คอยเดินชักชวนเด็กสาวสวยๆ ไปเป็นนางแบบ ให้ความรู้สึกพิลึกและน่ากลัวนิดๆ ไปพร้อมๆ กัน
“ขอผ่านครับ”
“เห? ทำไมล่ะ? ฉันว่าเธอเล่นเก่งออกนะ เก่งกว่าพอยท์การ์ดของเราตอนนี้อีก”
“ถ้าเขามาได้ยินอาจารย์พูดแบบนั้นจะเสียใจเอาได้นะครับ”
“ก็อาจจะฟังดูแย่จริงๆ แต่มันคือเรื่องจริงล่ะนะ ว่าไงล่ะ ไม่สนใจจริงๆ เหรอ?”
“ครับ ขอผ่านดีกว่า”
“น่าเสียดายจังเลยนะ”
อาจารย์ทาเคไซพึมพำด้วยสีหน้าที่ดูแล้วคงผิดหวังจริงๆ แต่ครู่เดียวก็กลับมาชวนผมคุยต่อได้ นับว่าเป็นอาจารย์ที่แปลกหน่อยๆ ก็คงได้กระมัง
MANGA DISCUSSION