– โอโตเมะ อามายะ –
การประชุมของพวกเรา 4 สาวดำเนินไปนานกว่า 2 ชั่วโมงจึงยุติลงเนื่องจากเซริต้องไปเข้ากะงานพิเศษตอนเที่ยงตรง ส่วนข้อสรุปที่ได้ก็คือทำตัวไปตามปกติ เรื่องพวกนี้เดี๋ยวอาจารย์ก็จัดการเอง พวกเราไม่ต้องไปกังวล
– “อามายะงดการสกินชิพกับอาคิยามะในที่สาธารณะไปก่อน ถึงจะพาไปเปิดตัวกับครอบครัวแล้วก็ห้าม” –
ในเมื่อที่ประชุมว่างั้นก็ต้องทำตามล่ะนะ เฮ้ออ…
ถอนหายใจเบาๆ ในขณะที่เดินกลับพร้อมเซริ ในขณะที่อีกสองคนยังอยู่ประชุมกันต่อเพราะเมกุมิยังขอลอกการบ้านอาโอะจังไม่ได้
“กังวลใจงั้นเหรอ?”
เซริที่เดินข้างๆ กันเอ่ยถาม เธอคงจะสังเกตได้กระมังว่าฉันพูดน้อย แถมเมื่อกี้ยังถอนหายใจอีก
“ก็นิดนึง”
“เรื่องอาคิยามะ?”
“ก็หลายๆ เรื่อง ถึงจะบอกว่าชินแล้วที่มีข่าวลือแปลกๆ ก็เหอะ แต่เรื่องครั้งนี้ส่งผลกระทบกับหลายฝ่ายอยู่”
“ก็เล่นใหญ่ซะขนาดนั้นนินะ”
“ฉันก็เพิ่งรู้นี่เองว่าหมอนั่นเก่งขนาดนั้น เคยได้ยินแต่คำบอกเล่า เพิ่งจะเคยเห็นของจริงนี่แหละ”
“ในมุมมองฉันนะ อย่างกับในหนังที่พระเอกสู้กับพวกตัวประกอบปลายแถวเลยล่ะ”
“จริงอ่ะ?”
“อะไร นั่นแฟนเธอนะ เธอไม่รู้จริงอ่ะ?”
“บอกแล้วไงว่าเคยได้ยินแค่คำบอกเล่า อีกอย่างยังไม่ใช่แฟนนะ”
“แต่พาไปแนะนำตัวกับพ่อแม่แล้ว?”
“นั่นมันบังเอิญ”
“หรอออ…”
ถกเถียงกันไปมาพอให้หอมปากหอมคอ เซริเองก็คงไม่ได้ตั้งใจเถียงอะไรมากมาย ถ้าเดาไม่ผิดเธอคงแค่อยากให้ฉันคลายความกังวลลง
“จริงซิ ช่วงนี้เธอทำงานพิเศษเพิ่มขึ้นหรือเปล่า?”
“ก็นิดหน่อย พอดีแม่ไม่ค่อยสบายน่ะ รายได้เลยลดลง”
“ลำบากแย่ ให้ฉันช่วยอะไรก็บอกนะ”
“ไม่ต้องห่วง ตอนนี้เริ่มปรับตัวได้แล้ว สบายมาก”
“อืมมม หักโหมไปก็ไม่ดีนะ”
“ว่าแต่ฉัน เธอเองก็พักซะบ้างล่ะ”
“ฉันไม่ได้ทำงานพิเศษแบบเธอซะหน่อย”
“เธอคิดว่าฉันไม่รู้หรือไงว่าเธอฝืนมาตลอดน่ะ”
“ก็…”
“ตอนนี้หมอนั่นก็กลับมาแล้ว เธอก็พักบ้างก็ได้นิ แล้วนี่ยังเจอเรื่องชวนปวดหัวอีก ได้คุยกับคุณทาเคโนะอุจิบ้างหรือยัง”
“คุยแล้ว เธอบอกว่าไปคุยรายละเอียดกันที่โรงเรียน”
“ที่โรงเรียนเหรอ? วันจันทร์นี้ห้องเราคงบันเทิงไม่น้อย”
“ฉันก็ว่างั้น”
“แล้วทางอาคิยามะคุงล่ะ ได้คุยกันหรือยัง?”
“คุยกันนิดหน่อย เมื่อคืนเขาเสียงแหบๆ เลยไม่ได้คุยอะไรกันเท่าไร”
“กลับมาโทรคุยกันได้แล้วเหรอ?”
“เพิ่งกลับมาโทรคุยกันเมื่อคืนน่ะ แต่เห็นว่าอาการเขาไม่ดีเลยไม่ได้คุยนาน”
“ไม่ไปเยี่ยมเขาล่ะ?”
“ก็อยากไปอยู่ แต่อาคิยามะไปค้างบ้านคุณนาคาจิมะ ฉันกลัวว่าจะไปรบกวนเขา”
“คุณนาคาจิมะนี่แฟนรุ่นพี่คาวากุจิใช่มั้ย?”
“อือ ทำไมเหรอ?”
“เปล่าหรอก แค่รู้สึกว่าอาคิยามะสนิทกับเขาดี”
“สนิทกันแหละ ยิ่งตอนนี้พ่อแม่ของคุณนาคาจิมะรับอาคิยามะเป็นลูกบุญธรรมแล้วด้วย พวกเขาก็เลยเป็นพี่น้องกันตามกฎหมายแล้วน่ะ”
“เห… แบบนี้ก็เท่ากับว่าถ้าเธอไปบ้านคุณนาคาจิมะตอนนี้ก็อาจจะได้เจอพ่อแม่แฟนน่ะสิ”
“ยังไม่ใช่แฟนย่ะ”
“ชิชะ ปากแข็ง เดี๋ยวก็โดนอันนะจังแย่งไปซะหรอก”
“อาคิยามะบอกว่าอันนะจังเป็นแค่น้องสาว”
“น้ำหยดลงหินทุกวันหินมันยังเปียกเลยนะ”
“หินมันกร่อนหรือเปล่า?”
“นั่นแหละ ถ้าเธอไม่รีบรุกใส่เขา เขาอาจจะโดนคนอื่นรุกใส่จนเผลอตอบรับไปก่อนนะ ยิ่งมีข่าวลือนั่นด้วย ถึงจะโดนบรรดาแฟนคลับปัดตกไปทันทีแต่คนที่ออกมาพูดเหมือนจะไม่ได้พูดเล่นนะ”
“เธอทำให้ฉันกลัวนะเซริ”
“งั้นก็ไปหาเขาซะสิเนี่ย แค่ไปให้เขาเห็นหน้าก็พอ”
“มันจะไปรบกวนเขา…”
“ไปเยี่ยมไง ไปเยี่ยม คนไปเยี่ยมเขาไม่นับว่าเป็นการรบกวนหรอก”
“แต่ว่า…”
“ถ้าเห็นว่ารบกวนเธอก็ขอตัวกลับซะก็สิ้นเรื่อง ไม่เห็นจะมีอะไรยากเลย”
“แต่… โอ้ยย ตีฉันทำไมเนี่ย?”
“ก็เธอน่ะชอบกังวลอะไรไม่เข้าเรื่องนิ ยิ่งเป็นเรื่องของคนที่ตัวเองใส่ใจก็ยิ่งกังวล”
“มันก็เป็นกันทุกคนมั้ย? โอ้ยย…”
“ยังจะเถียง ไอ้เรื่องที่เป็นกันทุกคนน่ะอาจจะใช่ แต่บางเรื่องไม่ต้องไปกังวลมันก็ได้ บางเรื่องยิ่งกังวลยิ่งแย่ ดังนั้นแค่คิดพิจารณาดูก็พอว่าจะทำอะไรยังไง ถ้าเห็นว่าทำแล้วไม่ส่งผลเสียกับใครก็ไม่ต้องไปกังวลหรอก หรือถ้าทำแบบนั้นแล้วยังไม่หายกังวลก็พูดมันออกไป พูดไปตรงๆ นั่นแหละว่าเรากังวลอะไรอยู่ อีกฝ่ายจะได้รู้ว่าเรากังวล จะได้มาพูดคุยกันเพื่อคลายความกังวลนั้น”
“อาคิยามะก็เคยพูดอะไรคล้ายๆ แบบนี้อยู่เหมือนกัน”
“เห็นมั้ยล่ะ? ทางนั้นก็คงอยากคุยกันเหมือนกันนั่นแหละ ไปเยี่ยมเขาเถอะ”
– —
ความร้อนแรงของแสงอาทิตย์ยามใกล้เที่ยงนั้นยังไม่นับว่าเป็นช่วงที่ร้อนแรงที่สุดของวัน แต่ถึงกระนั้นฉันก็ไม่แนะนำให้เดินเล่นตากแดดในช่วงเวลานี้
ฉันเดินมาถึงบ้านของคุณนาคาจิมะในเวลาเกือบๆ จะเที่ยงตรงพอดี กดกริ่งหน้าประตูแล้วยืนรอด้วยสภาพร่างกายที่มีเหงื่อออกนิดหน่อย
กำลังกังวลอยู่ว่าใครจะเป็นคนเปิดประตูออกมา ประตูมันก็แง้มออกมาทันที คนที่โผล่ออกมาจากประตูไม่ใช่คุณนาคาจิมะ คุณพ่อ หรือคุณแม่ แต่เป็นเด็กสาวร่างเล็ก
มานามิ อันนะ
การที่คนที่เปิดประตูออกมาเป็นอันนะทำให้สมองของฉันช็อตไปนิดหน่อย คำพูดที่เตรียมไว้พูดกับคนที่เป็นผู้ใหญ่กว่าก่อนหน้านี้ถูกเบรกเอาไว้กะทันหันทำให้คลังคำพูดของฉันเกิดรวนจนตัวเองเป็นใบ้ไปครู่หนึ่ง
สีหน้าอันนะเองก็ดูเหมือนจะตกใจ แต่เธอกลับมาเป็นปกติเร็วกว่าฉัน โดยไม่รอให้ฉันพูดความประสงค์ที่มา อันนะเปิดเผยความประสงค์ของฉันออกมาเอง
“มาเยี่ยมพี่สินะ เข้ามาซิ”
อันนะเชิญให้ฉันเข้าบ้านโดยไม่รอฉันพูดอะไรสักคำ ฉันเดินตามเธอเข้าไปในบ้านแล้วก็เหมือนจะได้ยินเธอพึมพำอะไรสักอย่างแต่ฉันไม่ได้ใส่ใจ
“วันนี้มันวันอะไรถึงได้มากันไม่หยุดไม่หย่อน”
ฉันคิดว่าภายในบ้านเดี่ยวแต่ละหลังนั้นมีโครงสร้างที่คล้ายๆ กันหมด
บ้านฉันกับบ้านอาคิยามะเหมือนกันทั้งชั้นบนชั้นล่าง แตกต่างกันแค่ตำแหน่งของห้องต่างๆ ในบ้าน ส่วนบ้านของคุณนาคาจิมะนี่ชั้นล่างก็ดูแล้วไม่ต่างอะไรกับบ้านฉันและอาคิยามะเลย
เริ่มตั้งแต่ทางเดินหน้าประตูเข้าสู่ตัวบ้านที่ทอดยาวไปจนสุดทางเดินหลังบ้านที่น่าจะเป็นพื้นที่ซักล้างหรือห้องอาบน้ำ ข้างๆ นั้นเป็นบันไดทางขึ้นชั้นสอง ฝั่งตรงข้ามบันไดเป็นประตูแบบบ้านเลื่อนขนาดใหญ่ที่เมื่อเดินเข้าไปจะเจอกับห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่
ตรงข้ามกับห้องนั่งเล่นเป็นห้องครัวขนาดกะทัดรัดที่ดูแล้วเหมือนจะเล็กไปนิดแต่มีโต๊ะขนาดใหญ่สำหรับกินข้าวตั้งอยู่ตรงหน้าครัว
อันนะพาฉันไปนั่งที่โซฟาขนาดใหญ่ จากนั้นเดินเข้าไปในครัวโดยไม่พูดไม่จา ไม่นานนักเธอก็กลับมาพร้อมน้ำและขนมจานหนึ่ง
[‘รู้สึกเหมือนมาบ้านเธอมากกว่าบ้านคุณนาคาจิมะแฮะ’]
ฉันขอบคุณอันนะแล้วจึงถามหาคนอื่นๆ ในบ้าน เพราะตั้งแต่เข้ามาฉันไม่เห็นใครเลย ไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของคนอื่นๆ ด้วยซ้ำ
“ไม่มีใครอยู่หรอกค่ะ”
“เอ๋??”
อันนะบอกว่าท่านพ่อออกไปทำงานแต่เช้าแล้ว ส่วนท่านแม่ไปพบอาจารย์ที่โรงเรียนเพราะอาคิยามะถูกเรียกผู้ปกครองจากเรื่องเมื่อวาน ส่วนพี่ใหญ่ออกไปไหนไม่รู้เหมือนกัน
[‘สรรพนามที่ใช้เรียกนั่นมันอะไรล่ะเนี่ย’]
ถึงจะสงสัยแต่ก็ไม่กล้าถาม ฉันเลยเลือกที่จะถามถึงคนที่เป็นเป้าหมายให้ฉันมาวันนี้แทน แต่ก็ไม่ทันอันนะ
“ส่วนพี่ชายนอนหลับอยู่…”
[‘หลับ? เจ้าตัวหลับอยู่ งั้นวันนี้ก็คงไม่ได้เจอกันน่ะซิ อ๊าาา… มาผิดเวลาสุดๆ เลย’]
เพราะไม่ได้นัดล่วงหน้าเลยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะสะดวกมั้ย แบบนี้คงทำได้แค่กลับไปก่อน
ฉันเอาของเยี่ยมออกมา ตั้งใจว่าจะฝากอันนะไว้แล้วก็จะกลับบ้านเลย แต่เหมือนอันนะจะรู้ว่าฉันกำลังคร่ำครวญกับตัวเองว่ายังไง เธอทำหน้านิ่งพูดกับฉันแต่ก็เหมือนพูดกับตัวเอง
“ไหนๆ มาแล้ว ไม่อยู่รอหน่อยเหรอ?”
ไม่ใช่คำพูดที่คิดว่าจะได้ยิน ฉันเลยตอบสนองช้าไปเล็กน้อย
“แบบนั้นมันจะไม่รบกวนเหรอ?”
“ไม่เป็นไรหรอก ยังไงนี่ก็ไม่ใช่บ้านฉัน แล้วตอนนี้ก็ไม่มีใครอยู่ด้วย”
“แบบนั้นมันออกจะ…”
“ตามใจรุ่นพี่เถอะ ฉันก็แค่พูดเผื่อไว้ อีกอย่างพี่ชายก็นอนไปนานแล้ว อีกเดี๋ยวก็คงจะตื่นแล้วล่ะ”
จากนั้นอันนะก็ไม่ได้สนใจฉันที่นิ่งเงียบไป เธอหยิบแก้วน้ำขึ้นมาแล้วดื่ม หยิบขนมขึ้นมากิน แล้วก็ดื่มน้ำลงไปอีก
[‘หิวหรือเปล่านะ’]
“เรื่องเมื่อวานนี้…”
“เอ๊ะ?”
อยู่ๆ ก็โดนอันนะขัดความคิดขึ้นมา เลยเผลอสะดุ้งนิดหน่อย แต่อันนะก็ไม่ได้ว่าอะไร เธอพูดต่อโดยที่สายตายังจ้องมองไปที่จานขนม
“เรื่องพี่ชายเมื่อวานน่ะ ขอบคุณรุ่นพี่มากนะ”
“อ่ออ… เอ่ออ… แต่ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยนะ”
“ไม่หรอก ฉันเห็นหมดแล้วทั้งรูป ทั้งคลิปที่ส่งต่อกันน่ะ แล้วเมื่อวานถามจากพี่ชายมาแล้วด้วย ที่รุ่นพี่ทำน่ะช่วยได้มากเลย”
“งะ… งั้นเหรอ…”
[‘ที่ฉันทำนั่นช่วยอาคิยามะได้งั้นเหรอ อาคิยามะบอกแบบนั้นเหรอ คิกๆๆ งั้นเหรอๆ’]
“แต่แค่นั้นไม่ทำให้รุ่นพี่เป็นคนที่สนิทที่สุดของพี่ชายได้หรอกนะ”
โดนอันนะขัดจังหวะความคิดอีกครั้ง แต่ฉันก็ไม่ได้ไม่พอใจอะไรเธอหรอกนะ แล้วก็เข้าใจว่าทำไมเธอถึงพูดแบบนั้น
[‘นั่นซินะ’]
ก็อย่างที่อันนะว่า ระยะเวลากว่าสี่เดือนที่ไม่ได้เจอไม่ได้คุยกันเลยย่อมทำให้ตำแหน่งนั้นห่างไกลจากฉันออกไปอีก แตกต่างจากอันนะที่คอยอยู่เคียงข้างอาคิยามะมาโดยตลอด
ฉันแอบถอนหายใจเล็กน้อย แล้วจึงจ้องมองอันนะตรงๆ เด็กสาวตรงหน้ายังคงตัวเล็กน่ารัก ดูน่าทะนุถนอม แต่กลับไม่มีบรรยากาศของความร่าเริงเป็นกันเองเหมือนอย่างเมื่อก่อน
“เธอยังเกลียดหน้าฉันอยู่เหรอ?”
ฉันถามเธอไปตรงๆ อันนะที่ได้ยินแบบนั้นก็ไม่ได้มีท่าทีอาการแปลกใจแต่อย่างใด เธอจ้องมองฉันเช่นเดียวกัน
“ฉันไม่ได้เกลียดรุ่นพี่หรอกนะ แต่ว่าก็ไม่ได้ชอบ อีกอย่างพี่ชายก็ขอไว้ เพราะงั้นแทนที่จะบอกว่าเกลียด สู้บอกว่ารู้สึกเฉยๆ น่าจะถูกกว่า”
“อาคิยามะขอไว้?”
“ใช่ พี่ชายขอไม่ให้เกลียดรุ่นพี่น่ะ เป็นหนึ่งในคำขอจริงจังไม่กี่อย่างที่เขาเคยเอ่ยปากขอเลย ฉันล่ะอิจฉารุ่นพี่จริงๆ”
“ฉันเองก็อิจฉาเธอเหมือนกัน”
“อิจฉาฉัน? หึๆ ทำไมล่ะ?”
“ก็เธอได้อยู่ข้างเขาตลอดเลยนิ”
“ในฐานะน้องสาวน่ะเหรอ รุ่นพี่ก็อยากจะเป็นน้องสาวของพี่ชายด้วยงั้นเหรอ?”
อันนะถามฉันด้วยน้ำเสียงที่ติดประชดประชันเล็กน้อย หากเป็นคนที่ไม่คิดอะไรก็คงจะฟังแบบผ่านๆ แต่คนที่มีความคิดเช่นเดียวกันแบบฉันฟังแล้วรู้สึกว่ามันคงมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นระหว่างเธอกับอาคิยามะแน่ๆ
“รุ่นพี่ไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก ตอนนี้ฉันมีความสุขดี ตำแหน่งน้องสาวของเขาตอนนี้ก็เป็นตัวเองที่พยายามไขว่คว้าจนสุดความสามารถแล้วจึงได้มา เพราะงั้นจะคิดจะมาแทนที่กันก็คงจะยกให้ง่ายๆ ไม่ได้หรอก”
“ฉันไม่ได้คิดอะไรแบบนั้น…”
“ถึงจะเป็นแบบนั้น คนที่น่าเป็นห่วงก็ยังคงเป็นรุ่นพี่มากกว่า”
“เอ๊ะ? หมายความว่ายังไง?”
“รุ่นพี่ไม่รู้เหรอคะว่าพี่ชายน่ะมีเสน่ห์ขนาดไหน?”
[‘เสน่ห์ของอาคิยามะ?’]
“ฉันจะแนะนำในฐานะคนที่รู้จักพี่ชายมาก่อนนะคะ พี่ชายน่ะฮอตมาตั้งแต่สมัย ม.ต้นแล้ว เด็กผู้หญิงมากมายพยายามเข้าหาเขาตลอด แต่พี่ชายน่ะเป็นพวกที่มีความรักแล้วตาบอดเลยมองไม่เห็นสิ่งที่คนพวกนั้นทำ มันก็เป็นข้อดีของพี่ชายละนะ แต่เพราะแบบนั้นก็เลยโดนหลอก”
[‘แฟนเก่าของเขาน่ะเหรอ?’]
“เพราะงั้นรุ่นพี่ก็อย่าชะล่าใจเสียล่ะ ฉันยังไม่ยอมแพ้ คนอื่นๆ ก็ยังไม่ยอมเหมือนกัน นี่ยังไม่นับคนใหม่ๆ ที่จะเข้ามาอีก ยิ่งถ้าหลังจากนี้พี่ชายแสดงความสุดยอดออกมา รุ่นพี่เชื่อเถอะว่าคนที่จะลำบากน่ะไม่ใช่ฉันหรอกแต่จะเป็นรุ่นพี่เอง”
อันนะยิ้มให้ฉันเล็กน้อยแล้วจึงดื่มน้ำในแก้วตัวเองจนหมด เธอลุกขึ้นเดินหายเข้าไปในครัว ทิ้งฉันไว้ให้จมกับคำพูดที่เธอเพิ่งพูดออกมา
[‘นอกจากอันนะแล้วยังมีคนอื่นๆ อีกเหรอ แบบนี้มันก็ยุ่งวุ่นวายเลยไม่ใช่หรือไง… จะว่าไปเมื่อวานก็มีผู้หญิงในห้องบอกว่าเขาหล่อนินา อ๊าาา… แบบนี้ท่าจะไม่ดีแล้ว’]
ฉันสับสนวุ่นวายอยู่ในหัวของตัวเองคนเดียวเงียบๆ เลยไม่ทันได้สนใจว่ามีคนเดินเข้ามาในห้อง
“นึกว่ากลับไปแล้วซะอีก ขอบคุณมากนะที่ช่วยดูแลฉันตั้งแต่เช้าเลย จริงซิ เธอกินอะไรหรือยัง ถ้ายังไง… เอ๊ะ!?”
ฉันสะดุ้งแล้วหันไปมองตามเสียงของผู้มาใหม่ เห็นเขาเดินตรงไปทางครัวพร้อมกับพูดไปเรื่อยโดยไม่ได้หันมามองทางนี้ แล้วจู่ๆ เขาก็เงียบไป
“เธออยู่นี่ แล้วใครนั่งอยู่นั่น…”
MANGA DISCUSSION