– อาคิยามะ เออิชิ –
บรรยากาศยามเลิกเรียนของโรงเรียนมัธยมปลายฮิบิยะแตกต่างจากโรงเรียนมัธยมปลายอาคิรุไดชนิดที่ให้อารมณ์เหมือนอยู่คนละโลก
ตอนที่ผมอยู่ที่อาคิรุได ทันทีที่คาบเรียนสุดท้ายจบลง ในห้องก็จะรีบลุกเฮโดยไม่สนใจว่าอาจารย์จะออกไปจากห้องหรือยัง แล้วหลังจากนั้นก็จะเป็นการปล่อยตัวปล่อยใจของตัวเองกันอย่างเต็มที่ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นการกลับบ้าน ไปเที่ยว เล่นเกม มีเรื่อง แล้วแต่ใครชอบใครใคร่ทำสิ่งไหน มีแค่จำนวนน้อยเท่านั้นที่จะทำกิจกรรมชมรมอยู่ที่โรงเรียน ดังนั้นยามเย็นของโรงเรียนอาคิรุไดจึงได้วังเวงและเงียบเชียบ ยกเว้นวันไหนที่มีเรื่องยกพวกตีกันน่ะนะ
แต่ที่โรงเรียนฮิบิยะแห่งนี้ไม่ใช่แบบนั้น ผมเห็นบรรดานักเรียนของที่นี่เดินกันอยู่ทั่วไปเต็มโรงเรียนทั้งที่มันเป็นเวลาเลิกเรียนแล้ว แม้จะมีคนที่กลับบ้านอยู่บ้างเหมือนกัน แต่กว่าครึ่งยังอยู่ทำกิจกรรมชมรมกันอย่างคึกคัก
[‘มีชีวิตชีวาดีจริงๆ’]
คิดถึงความมีชีวิตชีวาของคนอื่นแล้วก็รู้สึกสะท้อนใจในความมีชีวิตชีวาของตัวเองที่ดูเหมือนจะค่อยๆ ลดลง ความรู้สึกตอนนี้คล้ายๆ ตัวเองกำลังเดินเข้าสู่แดนประหารยังไม่รู้
รอบข้างมีสายตาจากนักเรียนที่เดินสวนไปมาทั้งรุ่นพี่ รุ่นน้อง หรือรุ่นเดียวกันมองมาเป็นระยะราวกับว่ากำลังสวดส่งนักโทษ ไม่ก็สาปแช่งให้ตายไวๆ
ด้านหน้ามีทหารคุมตัวหนึ่งนาย ด้านหลังตามมาอีกสองนาย… ซะที่ไหนเล่า ด้านหน้าเป็นสาวสวยต่างหาก สวยเป็นอันดับต้นๆ ของห้องเลยเท่าที่ดูเมื่อเช้า เธอเดินนำหน้าผมไปแบบไม่พูดไม่คุยกันเลยนับตั้งแต่ออกจากห้องมา
ด้านหลังก็มีอีกสองสาว คนหนึ่งดูแล้วเป็นสาวร่าเริงที่มีความกระตือรือร้นสูง อีกคนดูเป็นสาวขี้อาย แต่ตอนนี้ทั้งสองคนกลับจ้องมองผมเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อซะงั้น
แล้วเราก็มาถึงแดนประหารในที่สุด… เป็นบริเวณที่ร้างผู้คนชนิดที่ต่อให้ผมร้องตะโกนก็คงไม่มีใครมาช่วยแน่ๆ
เสียงปึกดังมาจากข้างหลัง เมื่อหันไปมองก็พบว่าประตูที่เดินออกมาเมื่อครู่ถูกปิดไปแล้ว และผมก็กำลังตกอยู่กลางวงล้อมไทรแองเกิลของสามสาว
[‘เมื่อพักกลางวันสี่ ตอนนี้สาม ชีวิตมันจะดีอะไรอย่างงี้ เฮ้ออ…’]
—
– โอโตเมะ อามายะ –
กิ๊ง… ก่อง…
หลังเสียงสัญญาณหมดคาบเรียนดังขึ้น อาจารย์วิชาสังคมก็หอบข้าวของของตัวเองออกไปทันทีแบบไม่รอบอกทำความเคารพเลยด้วยซ้ำ
ถึงทุกคนในห้องจะแปลกใจแต่ก็ไม่มีใครทักท้วง ดังนั้นแล้วช่วงเวลาพักกลางวันของเหล่านักเรียนจึงได้เริ่มขึ้น
“อามายะ รอเดี๋ยว…”
เมกุมิที่นั่งห่างจากฉันไปข้างหน้าเล็กน้อยพุ่งตัวมาที่โต๊ะฉันทันทีพร้อมกับขวางไม่ให้ฉันลุกไปไหนด้วย
ยังไม่ทันที่ความสงสัยจะหายไป เซริกับอาโอะจังก็เดินเข้ามาสมทบพร้อมข้าวกลางวันในมือ เห็นแบบนั้นแล้วก็เข้าใจได้ว่าจะมากินข้าวด้วยกันเหมือนทุกที แต่ที่ยังไม่เข้าใจคือวันนี้จะใช้โต๊ะฉันหรือยังไง และความสงสัยของฉันก็คลี่คลายเมื่อเมกุมิหันไปคุยเพื่อนที่นั่งรอบๆ ฉัน
“ขอโทษนะพวกเธอ พวกเราขอยืมโต๊ะหน่อยได้มั้ย?”
พวกเราสี่คนช่วยกันย้ายโต๊ะรอบๆ มาต่อเรียงกันจากนั้นก็นั่งล้อมวงกินข้าวกลางวัน เป็นภาพเหตุการณ์ที่ฉันเห็นจนชินตา แต่ทว่าวันนี้มันแปลกกว่าทุกที
[‘ประชุมทีม?’]
นั่นคือชื่อเรียกการรวมกลุ่มของพวกเราเพื่อจุดประสงค์ใดจุดประสงค์หนึ่ง แล้วทุกครั้งที่มีการประชุมทีม พวกเราคนใดคนหนึ่งก็จะเริ่มเปิดการประชุมด้วยการยื่นหน้าเข้าไปใกล้คนอื่นๆ อย่างที่เมกุมิทำอยู่ตอนนี้
เมกุมิ : “อามายะ เล่ามาให้หมดซิ”
[‘เล่า? เล่าอะไร?’]
เพราะไม่คิดว่าจู่ๆ ตัวเองจะเป็นประเด็นในการเปิดประชุม ฉันจึงไม่ได้เตรียมตัวหรือข้อมูลใดๆ มาตอบคำถาม ดังนั้นทันทีที่ถูกถาม ฉันจึงเกิดอาการจอฟ้าไปชั่วขณะ
อาโอะ : “ทำไมอาคิยามะถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะคะ?”
เมกุมิ : “นั่นน่ะซิ หมอนั่นตามมารังควานเธองั้นเหรอ?”
อามายะ : “อ๊ะ!! เปล่า… เขาก็ย้ายมาเข้าเรียนตามปกตินั่นแหละ”
อาโอะ : “ค่อยยังชั่ว ฉันนึกว่าเขาจะมาตามรังควานอามายะจังเสียอีก”
อามายะ : “พวกเธอก็เว่อร์ไป ใครเขาจะบ้าถึงขั้นย้ายโรงเรียนเพื่อไปตามรังควานคนอื่นล่ะ”
อาโอะ : “ไม่ได้นะคะ สมัยนี้ก็มีข่าวให้เห็นกันบ่อยๆ น่ากลัวออกค่ะ”
[‘เอ๊ะ? มีข่าวแบบนั้นด้วยเหรอ?’]
เซริ : “พวกเธอไม่ต้องกังวลหรอก สองคนนี้คืนดีกันแล้ว”
เมกุมิ/อาโอะ : “ห๊ะ?” / “เอ๋?”
เมกุมิ/อาโอะ : “ไหงงั้นล่ะ?” / “ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?”
เซริ : “นั่นซิ ฉันเองก็ยังไม่รู้รายละเอียดมากเท่าไร ว่าจะมาคุยกันพร้อมพวกเธอนี่แหละ… ไหนเล่าไปซิ กินไปเล่าไปแล้วกัน”
เซริหันกลับมาพูดกับฉันหลังจากบอกสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างฉันกับอาคิยามะคร่าวๆ แก่เมกุมิและอาโอะจัง
ต้องขอบคุณเธอละนะที่ช่วยยื้อเวลาให้ฉันตั้งตัวจากการจู่โจมกะทันหันของเมกุมิกับอาโอะจังได้ ฉันสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานให้เพื่อนๆ ฟัง
เมกุมิ : “พวกเธอ… คบกันแล้ว?”
อามายะ : “ยัง!! ทำไมมันเป็นแบบนั้นไปล่ะ?”
อาโอะ : “ก็อามายะจังพาเขาไปแนะนำตัวกับพ่อแม่แล้ว…?”
อามายะ : “ไม่ได้พาเขาไปบ้าน…”
เมกุมิ : “แต่เธอให้เขาไปส่ง”
อามายะ : “ก็… ใช่ แต่ฉันไม่ได้ชวนเขาเข้าบ้านนะ”
เซริ : “แต่สุดท้ายก็เข้าไปกินข้าวพร้อมหน้ากับพ่อแม่เธออยู่ดี แถมดูเหมือนพ่อแม่เธอจะไม่ได้รังเกียจเขาอย่างที่เธอกังวลในตอนแรกด้วยนิ”
อามายะ : “นั่นพ่อเป็นคนชวน พวกเราเลยต้องตามน้ำไป…”
เมกุมิ : “พวกเรา?”
อามายะ : “ฉันกับอาคิยามะน่ะ”
อาโอะ : “อามายะจังยังไม่ได้คบกับเขาจริงๆ เหรอคะ?”
อามายะ : “ยังซิ แล้วทำไมมันถึงต้องเป็นฉันคบกับเขาด้วยล่ะ?”
อาโอะ : “ก็ปกติมันต้องเป็นแฟนกันก่อนไม่ใช่เหรอคะถึงจะพาไปรู้จักพ่อกับแม่เนี่ย?”
อามายะ : “เพื่อนกันก็พาไปบ้านได้ปะ?”
อาโอะ : “เอ๊ะ? งั้นเหรอคะ… ฉันไม่เคยเลย เมกุมิจังเคยพาเพื่อนผู้ชายไปบ้านหรือเปล่าคะ?”
เมกุมิ : “ไม่เคยนะ เซริล่ะ?”
เซริ : “ฉันก็ไม่เคย”
อามายะ : “แล้วแฟนเก่าเธอล่ะ?”
เซริ : “มีแต่ฉันไปบ้านเขาน่ะ เขาไม่เคยมาบ้านฉันหรอก”
อาโอะ : “เห็นมั้ยคะ?”
อามายะ : “อะไรของพวกเธอกันเนี่ย…”
กว่าความเข้าใจของฉันจะสื่อไปถึงเพื่อนๆ ได้ก็เล่นเอาเหนื่อย โชคดีที่อาคิยามะหายออกไปจากห้องเรียนตั้งแต่แรกแล้ว ไม่งั้นฉันอาจได้เหนื่อยกว่านี้
[‘ไปโรงอาหารหรือเปล่านะ… ว่าแต่รู้ทางด้วยเหรอ?’]
ฉันถอนหายใจเบาๆ แล้วเก็บกล่องข้าวของตัวเองพลางคิดเรื่อยเปื่อยปล่อยให้เพื่อนๆ ทั้งสามที่เหมือนจะยังไม่ได้ข้อสรุปคุยกันต่อไป
เมกุมิ : “อามายะ เธอนัดอาคิยามะมาเจอกันหน่อยซิ”
อามายะ : “เอ๊ะ?”
เซริ : “พวกเราอยากเจอเขาหน่อยน่ะ”
อามายะ : “ทำไมเหรอ? มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
เซริ : “แค่อยากแน่ใจน่ะ”
อามายะ : “แน่ใจ?”
เซริ : “แค่อยากรู้ว่าเขาคิดยังไงน่ะ”
อามายะ : “ฉัน…”
[‘ใช่ ฉันก็อยากรู้ว่าเขาคิดยังไง… กับฉัน’]
เซริ : “พวกเราไม่ได้คิดจะทำอะไรเขาหรอก แค่อยากคุยด้วยนิดหน่อย นั่นแหละ… เพื่อความแน่ใจน่ะ”
ฉันมองเพื่อนๆ ที่นั่งอยู่ตรงหน้าทั้งสามและพอจะเดาได้ว่าพวกเธอคิดอะไรกันอยู่ คำว่าแน่ใจนั้นไม่ใช่เพื่อใครอื่นนอกจากฉัน
“ขอฉันถามเขาก่อนนะ”
ว่าแล้วก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาอาคิยามะ ถามเขาว่าเย็นนี้ว่างมั้ย อยู่คุยกันก่อนได้หรือเปล่า?
ไม่นานเขาก็ส่งข้อความกลับมา แน่นอนว่าเขาไม่ปฏิเสธ
“พวกเธอแค่จะคุยกับเขาใช่มั้ย? คงไม่ได้คิดจะทำอะไรแปลกๆ หรอกนะ?”
“ก็ขึ้นอยู่กับเขาละนะ”
“งั้นฉันไปกับพวกเธอด้วย”
“ไม่ต้องหรอก การเตรียมงานของสภานักเรียนเรียบร้อยแล้วหรือไง? ทางนี้เดี๋ยวฉันดูแลให้เอง รับรองว่าจะไม่ให้เมกุมิทำอะไรแปลกๆ หรอก”
“ไหงเป็นฉันที่จะทำอะไรแปลกๆ ล่ะ?”
“อามายะจังไม่ต้องเป็นห่วงนะ พวกเราแค่อยากคุยกับเขาเฉยๆ เป็นไปได้ก็อยากกลับไปเป็นเพื่อนกับเขาเหมือนเมื่อก่อนค่ะ”
“งั้นเหรอ…”
แม้ทั้งสามคนจะนั่งยันกันเป็นเสียงเดียวกันว่าจะไม่ทำอะไรแปลกๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ทำอะไรเลย แบบนี้เลิกเรียนแล้วแอบตามไปดีกว่า ยังไงคนนัดสถานที่กับเวลาก็คือตัวเอง เพราะงั้นตามไปทีหลังก็ได้ไม่มีปัญหา ห่วงก็แต่อาคิยามะ ถ้ารู้ว่าถูกฉันหลอกให้ไปเจอกับเพื่อนๆ เขาจะคิดยังไงกับฉันกันนะ
ความกังวลนั้นวนเวียนอยู่กับฉันตลอดทั้งบ่าย ต่างจากเจ้าตัวคนที่ฉันเป็นกังวลซึ่งตอนนี้กำลังแอบหลับอยู่
เพราะกังวล เลยแอบลอบมองไปทางอาคิยามะอยู่บ่อยๆ แต่สิ่งที่เห็นกลับเป็นอาคิยามะที่ดูเหมือนตั้งใจเรียนมากๆ
แค่ดูเหมือนอ่ะนะ… แต่จริงๆ แล้วหมอนี่หลับแหละค่ะ
ทีแรกที่หันไปมองฉันคิดว่าเขากำลังมองหนังสือเรียนอยู่ เพราะผมข้างหน้าที่ยาวบวกกับแว่นตาที่ดูแล้วตลกนิดหน่อยทำให้ฉันไม่สามารถมองเห็นใบหน้าครึ่งบนของเขาได้ชัดเจนนัก
ผ่านไปสักพักฉันก็หันไปมองเขาอีก ปรากฏว่าเขายังอยู่ท่าเดิม เพิ่มเติมคือเหมือนหน้าจะก้มเข้าใกล้หนังสือลงมาอีกหน่อย
ฉันคิดว่าเขาคงเพ่งมองตัวหนังสือ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาว่าเขาใส่แว่น บางที่เขาอาจจะมีปัญหาเรื่องสายตาก็ได้ เพราะส่วนใหญ่พวกหนอนหนังสือก็มีปัญหานี้กันทั้งนั้น อาคิยามะก็เป็นหนอนหนังสือ จะมีปัญหาด้วยก็ไม่แปลก
แต่ก็นะ ความคิดหาเหตุผลเข้าข้างเขาทั้งหมดต้องพังทลายเมื่อโฮตานิที่อยู่ข้างๆ ยื่นปากกามาสะกิดแขนเขาเบาๆ เท่านั้นแหละ อาคิยามะจึงเงยหน้าขึ้นมา
ตอนแรกก็เหมือนว่าจะเงยวูบขึ้นมาเลย แต่หลังกระตุกในตอนแรกแล้วเขาก็ค่อยๆ เงยขึ้นมาช้าๆ จากนั้นก็หันไปกระซิบอะไรสักอย่างกับโฮตานิ
เหตุการณ์แบบนี้ดำเนินไปตลอดทั้งบ่าย เรียกได้ว่าอย่างน้อยก็หนึ่งครั้งต่อหนึ่งคาบ จนเมื่อหมดเวลาคาบสุดท้ายฉันจึงได้ข้อสรุปว่า
อาคิยามะ หลับได้นิ่งและมีมาดมาก…
เพิ่งจะเคยเห็นคนที่แอบหลับในห้องเรียนแล้วดูเนียนตาไปกับคนตั้งใจเรียนได้ขนาดนั้น ทั้งดูดีมีมาดและน่าหมั่นไส้ในเวลาเดียวกัน
[‘อ๊ะ… ไม่ใช่เวลามามัวคิดเรื่องนี้’]
ฉันรีบเก็บข้าวของทันทีที่อาจารย์เดินออกจากห้องไป เพื่อนๆ หลายคนในห้องก็ทำอย่างเดียวกันกับฉัน เพราะหลายคนมีเรื่องต้องไปทำหลังจากนี้รวมถึงฉันด้วย
ตอนที่เก็บใกล้จะเสร็จหางตาก็เห็นแวบๆ ว่าเซริลุกจากที่นั่งแล้วไม่ได้เดินทางหน้าห้องอันเป็นที่นั่งของพวกเราอีกสามคน งั้นก็มีแค่ที่เดียวที่เธอจะไป
ไวเท่าความคิด ฉันยัดกล่องปากกาลงกระเป๋าพร้อมกับหันไปมองทางอาคิยามะทันที ทว่าก็มองเห็นเพียงช่วงไหล่และแขนที่โผล่พ้นตัวของเซริออกมา
ไม่รู้ว่าเซริไปพูดอะไรกับเขา อาคิยามะชะโงกหน้ามองมาทางฉัน เซริเองก็เหมือนกัน สายตาของเขาบ่งบอกถึงความไม่เข้าใจและสับสนอย่างชัดเจน
[‘ขอโทษนะ’]
พยายามอย่างมากที่จะส่งสายตาแบบนั้นตอบเขาไป แต่เหมือนอาคิยามะจะไม่เข้าใจ เขาขมวดคิ้วนิดนึงก่อนจะหันกลับไปคุยกับเซริต่อ
[‘เขาจะเข้าใจผิดอีกหรือเปล่านะ?’]
ฉันคิดว่าเดี๋ยวก็ตามพวกเขาไป ถึงตอนนั้นค่อยอธิบายทุกอย่างให้เขาเข้าใจอีกที
หันกลับมาเช็กความเรียบร้อยของกระเป๋าและใต้โต๊ะอีกครั้ง เมื่อมั่นใจแล้วว่าไม่ได้ลืมอะไรฉันก็ลุกขึ้นสะพายกระเป๋าหวังจะตามเพื่อนๆ กับอาคิยามะไป
แต่ก็นะ ในช่วงเวลาที่เรารีบๆ ด่วนๆ มันมักจะมีเรื่องเข้ามาทำให้เราช้าขึ้นไปอีก อย่างเช่นตอนนี้ที่มีหนุ่มหน้าหล่อ โปรไฟล์สูงชนิดติดเพดานเข้ามาทักฉันอย่างเป็นกันเอง
นิโนะมิยะ เรียว
เด็กหนุ่มที่เซริบอกว่ามีสาวๆ ในโรงเรียนโหวตให้เป็นหนุ่มที่สาวๆ อยากได้เป็นแฟนมากที่สุดในโรงเรียน
เอาเถอะ เรื่องนั้นจะเป็นยังไงก็ช่าง ฉันอยากจะตามเพื่อนๆ ออกไปแล้ว ดังนั้นมาจบธุระของเรากันเถอะ
“ว่าไงเหรอ นิโนะมิยะคุง?”
MANGA DISCUSSION