บทที่ 217 ข้าไม่ถูกใจเจ้า!
“ไม่ เป็นไปไม่ได้” นางเฉานึกไม่ถึงว่าวันนี้จะเกิดเรื่องราวใหญ่โต นางนั่งลงกับพื้นด้วยใบหน้าซีดเซียว ดวงตาทั้งสองเริ่มพร่ามัว
“เหตุใดจะเป็นไปไม่ได้! ท่านหมอฟางฝึกฝนวิชาแพทย์มาหลายปีแล้ว หรือคิดว่าท่านจะกล่าวหาเจ้าแบบผิด ๆ ล่ะ!” สะใภ้โจวเป็นคนแรกที่เริ่มด่าทอ “เหตุใด เมื่อกี้เจ้ายังจิกเป็นแม่ไก่อยู่เลย ไฉนตอนนี้ถึงตระหนักได้แล้วว่าไม่ควรทุบตีคนอื่น! หากน้องหานเยว่ไม่เข้าไปปกป้องหลิงตังตั้งแต่ต้น วันนี้เจ้าก็คงจะลงมือสังหารครอบครัวของนางทั้งสามคนไปแล้ว!”
“ข้าเองก็เห็นเช่นนั้น ทุกคนบนเกวียนนั่งกันอยู่อย่างสงบ ๆ แต่นางเฉา เจ้ากลับพูดจาประชดประชันต่อว่าซี้ซั้วเละเทะไปหมดแทนที่จะสงบปากสงบคำ หนำซ้ำยังคิดลงมือทำร้ายเด็กสี่ขวบ หากเป็นข้า ข้าก็จะเสี่ยงชีวิตทุบตีเจ้าจนตายไปข้างหนึ่งเหมือนกัน!”
“น้องหานเยว่ช่างน่าสงสาร นางมีลูกตั้งสองคน ชีวิตคงจะไม่ง่าย ยังมาถูกคนชั่วอย่างนางเฉาทำร้ายอีก แล้วต่อจากนี้ไปครอบครัวของนางจะใช้ชีวิตอย่างไร!”
หัวหน้าหมู่บ้านอวี๋คาดการณ์ไม่ถึงว่าหลี่เยว่หานจะได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้ และมันยากเกินกว่าที่เขาจะสามารถทำอะไรได้
หากได้รับบาดเจ็บทางผิวหนังเล็กน้อย เขาคงจะให้นางเฉาจ่ายเงินเพื่อเป็นค่ารักษา ทว่าตอนนี้คนตัวโตกลับหมดสติไป แถมคนตัวเล็กยังบาดเจ็บสาหัส มีเพียงคนสุดท้องที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าอ้อนวอนขอให้ตนจัดการอย่างยุติธรรม
หลังจากเป็นหัวหน้ามู่บ้านมาหลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่หัวหน้าหมู่บ้านอวี๋รู้สึกว่าตนกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายที่ไม่เคยมีมาก่อน
ทันใดนั้นเสียงกีบม้า ‘กรุบกรับ ๆ’ ก็ดังขึ้น ทุกคนเงยหน้ามองและเห็นรถม้าอันหรูหราเกินจริงวิ่งเข้ามาหยุดลงช้า ๆ ชาวหนุ่มรูปงามเห็นชาวบ้านมารวมตัวกันจึงตะโกนถามเสียงดังลั่น “ขออภัย ข้าจะไปบ้านตระกูลหานได้อย่างไร? บ้านน้องสะใภ้ที่มีลูกสองคนน่ะ!”
ทุกคนเงียบและจำใจเคลื่อนตัวออกไป เผยให้เห็นหลี่เยว่หานกับมู่ชวนที่กำลังนอนกองอยู่บนพื้น
เวินเทียนเหล่ยนั่งอยู่ในรถม้าและเห็นว่าไม่มีใครตอบรับ จึงก้าวลงมาดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่แล้วใบหน้ากลับต้องซีดเผือดด้วยความหวาดกลัว
เวินเทียนเหล่ยรีบกระโดดลงจากรถม้าโดยไม่รีรอให้ผู้ใดพูดตอบ ก้าวเข้าไปหาหลี่เยว่หานภายในสองสามก้าวแล้วตรวจดูว่านางยังหายใจอยู่หรือไม่ มองดูมู่ชวนจนชัดเจน จากนั้นจึงเดินเข้าไปหาหลิงตังที่กำลังร้องไห้คุกเข่าอยู่ตรงหน้าหัวหน้าหมู่บ้านด้วยท่าทางโกรธจัด เขาอุ้มเด็กหญิงตัวน้อยขึ้นมา จ้องมองไปทางหัวหน้าหมู่บ้านและตะคอกว่า “ใครบังอาจมาทำร้ายพี่สะใภ้ข้า”
ชาวบ้านยังคงสงสัยเกี่ยวกับการปรากฏตัวของเวินเทียนเหล่ย ทว่าพวกเขากลับเงียบกริบเมื่อได้ยินว่าชายที่นั่งรถม้าสุดหรูผู้นี้เป็นน้องเขยของหลี่เยว่หาน
การต่อสู้ของหญิงสาวในหมู่บ้านไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอันใด หากแต่ใครกล้าต่อสู้ถวายหัวก็สามารถต่อสู้ได้ทุกรูปแบบ ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครเป็นฝ่ายริเริ่มต่อสู้ก่อน
และไม่เคยทุบตีกันจนกลายเป็นเหมือนวันนี้มาก่อน
ชายที่กำลังอุ้มหลิงตังอยู่ตรงหน้าดูสูงส่งมาก เพียงแวบเดียวก็สามาถบอกได้เลยว่าเป็นคนที่ไม่สามารถเข้าไปยุ่งวุ่นวายด้วยได้ นางเฉาจากตระกูลจ้าวคงจะถึงคราวโชคร้ายเข้าแล้ว
“คุกเข่าอยู่ตรงนั้นน่ะ” หัวหน้าหมู่บ้านอวี๋ถอนหายใจและตัดสินใจทำตามหน้าที่ “หลังจากทุบตีน้องหานเยว่จนเป็นเยี่ยงนี้แล้ว ยังไปลงไม้ลงมือกับเด็กอีก เดิมทีข้าจะจับนางเฉามามัดไว้และส่งตัวนางไปให้ทางการ แต่ข้าสงสัยว่าท่านเป็นอะไรกับน้องหานเยว่หรือ? เป็นญาตินางหรือเปล่า?”
“ฉีต้าจ้วงเป็นผู้ช่วยชีวิตข้า มอบหมายให้ข้าดูแลภรรยาและลูก ๆ ของเขาก่อนจะจากไป” เวินเทียนเหล่ยรู้ดีว่าเขาไม่สามารถป่าวประกาศตัวตนของตนเองได้ จึงพยายามกล่าวอย่างคลุมเครือ “ข้าคิดว่าชาวบ้านในหมู่บ้านจางหนิงจะเรียบง่ายและเป็นมิตร นึกไม่ถึงว่ามีคนโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้”
“หมอเข้ามาตรวจดูแล้วพบว่าหูของน้องหานเยว่ที่ถูกนางเฉาทุบตีได้รับความกระทบกระเทือน นางล้มลงและไม่รู้ว่าจะฟื้นขึ้นมาหรือไม่ นอกจากนี้มู่โทวยังถูกนางเฉาถีบจนซี่โครงหักสามซี่ ได้รับบาดเจ็บสาหัส” หัวหน้าหมู่บ้านอวี๋ถอนหายใจ “นายท่าน ดูจากเสื้อผ้าที่งดงามของท่านแล้ว ท่านคงไม่ใช่คนที่ขัดสนเรื่องเงินทอง ถึงแม้ว่าสิ่งที่ข้ากล่าวจะฟังดูไม่เหมาะสม แต่ข้าก็อยากให้ท่านช่วยออกเงินก่อน เพื่อที่น้องหานเยว่จะได้ไม่ตกอยู่ในอันตราย!”
เวินเทียนเหล่ยที่กำลังอุ้มหลิงตังอยู่แสดงท่าทีเย็นชาขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว “ข้าควรจ่ายหรือ? ฆาตรกรไม่ใช่คนที่ควรรับผิดชอบหรือไร? นางเฉาใช่ไหม ฉงหยางพาพวกเด็ก ๆ ออกไปค้นบ้านนางเฉา ค้นหาของมีค่าทุกอย่างแล้วดูว่าอะไรสามารถเปลี่ยนเป็นเงินทองได้บ้าง!”
“ขอรับนายท่าน!” ฉงหยางเด็กขับรถม้าตอบรับมาจากระยะไกล
โดยปกติเวินเทียนเหล่ยไม่ค่อยพาทาสรับใช้เด็กผู้ชายออกมาด้วยมากนัก เพียงแต่วันนี้เป็นเรื่องบังเอิญ เขาตั้งใจจะพาเด็กผู้ชายสี่ห้าคนออกมาเพื่อทำให้ตนเองโดดเด่นเหนือคนอื่น แต่หลังจากรออยู่ที่หอสุรามัจฉานานกว่าครึ่งวันก็ยังไม่พบหลี่เยว่หานสักที จึงนั่งรถม้ามาที่หมู่บ้านจางหนิง
คาดไม่ถึงว่าจะต้องมาพบเจอเหตุการณ์เช่นนี้ และมันทำให้เขาโกรธมาก!
“ท่านเป็นหัวหน้าหมู่บ้านใช่หรือไม่” หลังจากที่ฉงหยางพาพวกเด็ก ๆ ออกไปแล้ว เวินเทียนเหล่ยก็เหลือบมองหัวหน้าหมู่บ้านอวี๋ “ถ้าอย่างนั้นได้โปรดท่านหัวหน้าหมู่บ้านส่งตัวฆาตรกรไปยังศาลาว่าการ และรับปากกับข้าว่าจะขอให้ทางอำเภอลงโทษอย่างรุนแรง ไม่เช่นนั้นคุณชายใหญ่เวิน ผู้นี้จะเป็นคนแรกที่ไม่เห็นด้วย”
หลังจากกล่าวเช่นนั้น เวินเทียนเหล่ยก็อุ้มหลิงตังที่สงบลงมากแล้วมานั่งข้าง ๆ หลี่เยว่หานที่หมดสติลง
ชาวบ้านในหมู่บ้านจางหนิงไม่รู้ว่า ‘คุณชายใหญ่เวิน’ หมายความว่าอะไร แต่เจ้าหน้าที่ข้าราชการทุกคนรู้ดีว่าตระกูลเวินคือตระกูลของพ่อค้าหลวงขั้นหนึ่ง ในบรรดานายน้อยทั้งสามของตระกูลเวิน ซึ่งประกอบไปด้วยคุณชายใหญ่เวิน คุณชายรองเวิน และคุณชายสามเวิน ท่ามกลางหมู่พวกเขา คุณชายใหญ่เวินเป็นคนอารมณ์ร้ายมากที่สุด
นางเฉาถูกชาวบ้านเข้ามารุมมัดตัวเอาไว้อย่างรวดเร็ว จ้าวต้าเป่ารีบวิ่งเข้ามาหลังจากได้ยินข่าวว่าภรรยาของตนถูกมัดเอาไว้ นอกจากนี้ห้องหับในบ้านยังถูกชายหลายคนบุกเข้ามาค้นของระเนระนาด เขาโมโหจนตาแดงรีบวิ่งเข้ามาหาหัวหน้าหมู่บ้านราวกับวัวคลั่ง
จ้าวต้าเป่าทำให้หัวหน้าหมู่บ้านตกใจ ถึงอย่างนั้นกลับทำให้เขาไม่พอใจมากยิ่งขึ้น “ใช่ ถึงน้องหานเยว่จะยังไม่ตาย แต่เจ้าก็บอกไม่ได้ว่านางจะฟื้นขึ้นมาหรือไม่ ไหนภรรยาเจ้าจะเตะมู่โทวจนซี่โครงหักสามซี่อีก ในฐานะที่ข้าเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน ข้าก็มีสิทธิ์จะส่งตัวนางไปให้ทางอำเภอ!”
“แต่ว่าพวกโจรบุกเข้ามาค้นของในบ้านข้า ท่านที่เป็นหัวหน้าหมู่บ้านจะไม่ดูดำดูดีหน่อยหรือ!” จ้าวต้าเป่าจอดเกวียนวัวและปฏิเสธที่จะปล่อยให้เรื่องนี้เป็นไป
“ฮึ” เวินเทียนเหล่ยที่เงียบอยู่นานพ่นลมหายใจออกมาอย่างเย็นชา ภายในมือยังคงอุ้มหลิงตังอยู่ เขาลุกขึ้นยืนและจ้องเขม็งไปทางจ้าวต้าเป่า “คนที่ไปค้นข้าวของบ้านเจ้าคือคนรับใช้ของข้า ภรรยาของเจ้าทำให้พี่สะใภ้ของข้าได้รับบาดเจ็บสาหัส ข้าจึงเอ่ยปากขอค่ารักษาพยาบาล หมอฟาง ไหนท่านช่วยบอกหน่อยว่าพี่สะใภ้กับหลานชายข้าตกอยู่สภาพเช่นนี้แล้วจะต้องจ่ายค่ารักษาเท่าไหร่?”
หมอฟางถอนหายใจ เขาไม่ได้กล่าวเกินจริงแต่กล่าวตามความเป็นจริง “น้องหานเยว่ได้รับบาดเจ็บบริเวณศีรษะ หากฟื้นขึ้นมาคงไม่เป็นไร หากไม่ฟื้นจะต้องดื่มยาเพื่อรักษาให้มีชีวิตรอดอยู่ต่อซึ่งราคาอยู่ที่หลายร้อยเหรียญตำลึง มู่โทวเองก็บาดเจ็บสาหัสเช่นกัน จะต้องพักฟื้นเพื่อเสริมสร้างกระดูก ใช้เงินอย่างน้อยก็ยี่สิบถึงสามสิบตำลึง”
“เจ้าได้ยินหรือยัง” เวินเทียนเหล่ยจ้องมองจ้าวต้าเป่าอย่างเย็นชา “ขายของทิ้งทั้งครอบครัวก็คงจะยังไม่พอ!”
“นายท่าน” น้ำเสียงใสที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวลดังชัดเจนท่ามกลางฝูงชน จ้าวซินเอ๋อร์เดินเข้ามาด้วยสีหน้าวิตกกังวล เหลือบมองพ่อแม่เล็กน้อย จากนั้นจึงกัดฟันคุกเข่าต่อหน้าเวินเทียนเหล่ย “หากนายท่านถูกใจข้า ได้โปรดปล่อยพ่อแม่ของข้าไปแล้วพาตัวข้าไปเป็นหญิงรับใช้ด้วยเถิด!”
“ข้าไม่ถูกใจเจ้า!” เวินเทียนเหล่ยเพียงแค่กลอกตามอง
MANGA DISCUSSION