บทที่ 209 ข้าจะไปส่งเจ้ากลับบ้าน
ใช่แล้ว นอกจากเวินเทียนเหล่ยแล้วจะมีใครนำผลไม้รสเปรี้ยวมาให้อีก อย่างไรเสียก็มีเพียงไม่กี่คนที่รู้ซึ้งถึงคุณค่าของผลไม้รสเปรี้ยวชนิดนี้ หากหลี่เยว่หานไม่ตัดเถาองุ่นจากสวนหลังบ้านของเวินเทียนเหล่ยมาตอนกิ่ง เกรงว่าพวกเขาจะเก็บเกี่ยวองุ่นมาตากแห้งแล้วใช้มันเป็นลูกเกดมาทำขนมแทน
เคยได้ยินเมิ่งฉีฮ่วนกล่าวว่าเวินเทียนเหล่ยมักจะส่งลูกเกดไปเป็นของกำนัลให้ฟูเหรินคนสำคัญในเมืองหลวงทุกปี ตอนนี้เธอน่าจะคิดได้ตั้งแต่ท่านกวนบอกว่าพ่อค้ารายหนึ่งขนองุ่นสองร้อยจินจากอำเภอหวาซีไปแจกจ่ายยังเมืองหลวง!
พ่อค้าคนไหนจะโง่เขลานำส่วนผสมของว่างและผลไม้ไปแจกจ่ายให้คนร่ำรวยมากอำนาจ!
ยิ่งไปกว่านั้นตวนอู่กับจงชิวก็ยังเป็นคนของเวินเทียนเหล่ย! ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขารู้ข่าวคราวเกี่ยวกับเธอ เพราะสุดท้ายแล้วเวินเทียนเหล่ยคือผู้ที่ส่งหลี่เยว่หานและคนอื่น ๆ มายังหมู่บ้านจางหนิง
เมื่อเห็นว่าหลี่เยว่หานยืนตกใจอยู่ ท่านกวนก็เลิกคิ้วขึ้น “ทำไมหรือ พวกเจ้าสองคนรู้จัดกันหรืออย่างไร?”
“ข้าไม่รู้” หลี่เยว่หานกลัวว่าเวินเทียนเหล่ยจะสร้างปัญหาจึงพูดดักและยิ้มประจบสอพลอ “ก็ท่านบอกว่าเขาเป็นพ่อค้า ข้าคิดว่าพ่อค้าส่วนใหญ่ล้วนมีใบหน้าเคร่งขรึม แต่พ่อค้าหนุ่มผู้นี้ช่างหล่อเหลา ดูเหมือนผู้มั่งคั่งที่ชอบเสพสุขไปวัน ๆ ไม่นึกเลยว่าจะเป็นพ่อค้าลงเรือไปฝ่าฝันอุปสรรค”
หลี่เยวห่านแสร้งทำเป็นยกแก้วขึ้นมาดื่มเมื่อกล่าวเช่นนั้น จากนั้นจึงเหลือบมองพี่น้องทั้งสองโดยบอกว่าอย่าไปทำความรู้จักกับเวินเทียนเหล่ย
โชคดีที่สองพี่น้องนั้นฉลาดหลักแหลม เมื่อหลี่เยว่หานบอกว่าไม่รู้จักเวินเทียนเหล่ย พวกเขาจึงหันกลับมาสนใจอาหารอีกครั้ง
“ท่านกวนนี่คือแม่นางที่ต้องการซื้อผลไม้รสเปรี้ยวหรือ?” เวินเทียนเหล่ยดูจองหองนัก “ข้าว่านางไม่รู้จักกฎระเบียบ มองเห็นข้าแล้วแต่ยังก้มหน้าก้มตากินอาหาร ไม่รู้จักลุกขึ้นมาทักทายได้อย่างไร สมแล้วที่เป็นคนชนบท”
หลังจากได้ยินเช่นนั้น หลี่เยว่หานก็เกือบจะลุกขึ้นมาชกหน้าเวินเทียนเหล่ย โชคดีที่ความอดทนยังมีเหลือจึงแสร้งทำเป็นตกใจลุกพรวดพราด โค้งคำนับเวินเทียนเหล่ยและยิ้มเบา ๆ “ข้ามาจากชนบท และเป็นครั้งแรกที่ได้เข้ามาภัตตาคารแห่งนี้ ปลาดองเหล้ามีรสชาติอร่อยมากจนเผลอละเลยเรื่องมารยาทไปเสียสนิท ท่านผู้สูงศักดิ์อย่างโกรธเคืองกันเลย”
เมื่อเวินเทียนเหล่ยเห็นว่าหลี่เยว่หานอ่อนน้อมถ่อมตนต่อหน้า จึงรู้สึกสบายใจขึ้น “รู้แล้ว นั่งลงแล้วกินอาหารต่อเถอะ ข้าจะไปเอาผลไม้รสเปรี้ยวที่เจ้าต้องการไปส่งที่บ้านเจ้าให้ อีกอย่างข้าไปเยี่ยมเยียนหมู่บ้านมาหมดแล้วและได้สัมผัสประสบการณ์มามากมาย”
เวินเทียนเหล่ยกล่าวและเดินจากไป
ท่านกวนกำลังแสดงสีหน้าสงสัยขณะเดินออกไปส่งเวินเทียนเหล่ย แต่จู่ ๆ อีกฝ่ายก็หยุดเขาไว้กลางคัน “แม่นางที่ไม่รู้จักกาลเทศะนางนั้นบังเอิญมาเจอข้า ข้าก็ไม่ได้มีความสุขนักหรอกแต่เพื่อเห็นแก่หน้าเจ้า ข้าจึงตอบตกลงว่าจะขายผลไม้รสเปรี้ยวให้นาง เจ้าอยู่ที่นี่แล้วก็สอนกฎระเบียบให้นางหน่อย อย่าให้นางทำตัวโง่เขลาอีก ถ้าเกิดทีหลังนางไปเจอใครที่ไม่ได้ใจดีเหมือนข้าเข้า เกรงว่าชีวิตนางจะหาไม่เสียก่อน”
จากนั้นเวินเทียนเหล่ยจึงโบกพัดและเดินจากไป
ท่านกวนถอนหายใจและรู้สึกโล่งอกที่เห็นร่างของเวินเทียนเหล่ยหายลับไปจากสายตา
เมื่อเดินเข้าประตูมาและเห็นว่าหลี่เยว่หานยังก้มหน้ากินอาหารอยู่ จึงถึงกับทำตัวไม่ถูก “น้องหานเยว่ เจ้ารู้มั้ยว่าเกือบจะมีคนตีเจ้าแล้ว?”
หลี่เยว่หานวางตะเกียบลง “อา? เพราะเหตุใดหรือ?”
“ไม่มีใครที่เห็นผู้สูงศักดิ์แล้วไม่คุกเข่าหรอก เจ้าก็ด้วย นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตข้าเลยนะที่เห็นคนอย่างเจ้า เจ้าไม่เกรงกลัวข้า หัวขโมย ไม่เกรงกลัวผู้สูงศักดิ์แล้วยังกินเอร็ดอร่อยอยู่อีก”
ท่านกวนกล่าวและนั่งลงตรงข้ามหลี่เยว่หาน หยิบถ้วยเปล่าขึ้นมารินสุราให้ตัวเองหนึ่งจอก “แต่เจ้าโชคดีนักที่พ่อค้าใจดีและไม่ได้ถือความอะไรเจ้ามาก หนำซ้ำยังขอให้ข้ามาสอนเรื่องกฎระเบียบแก่เจ้า เอาล่ะ ข้าจะบอกให้ว่าทีหลังอย่าทำตัวโง่เขลาอีก ถ้าครั้งต่อไปเจ้าเจอคนที่ไม่ควรจะไปยุ่งด้วย ลูกสองคนของเจ้าจะไร้แม่เอาได้”
หลี่เยว่หานรีบกลืนเนื้อปลาในปากและหวนนึกถึงเวินเทียนเหล่ยในใจ สีหน้าของเธอดูหวาดผวา “ข้า… ข้าไม่เข้าใจกฎระเบียบการเป็นผู้หญิงเลยจริง ๆ แต่ถ้าหากไม่ใช่เพราะท่านกวนคอยดูแลช่วยเหลือข้ามาตั้งแต่ต้น ข้า… ข้าก็เกรงว่าคงจะไม่ได้มานั่งกินอาหารอยู่อย่างนี้ ข้าจะไปโค้งคำนับน้อมรับความผิดต่อชายผู้นั้น ได้โปรดท่านกวนอย่าโกรธเคืองกันไปเลย”
หลี่เยว่หานกล่าว เช็ดริมฝีปากและดึงเด็กทั้งสองคนออกไป
“กลับมา กลับมา” ท่านกวนทำอะไรไม่ถูก “ในเมื่อผู้สูงศักดิ์ไม่ต้องการพบเจ้าก็อย่าไป วันนี้เจ้าจงจำเอาไว้ว่าอย่าประพฤติตนเช่นนี้อีก แม้หวาซีจะเป็นแค่อำเภอ แต่ผู้สูงศักดิ์ก็มักจะแวะเวียนไปมา ดังนั้นจงอย่าลืมมารยาทอีก เข้าใจหรือไม่?”
“ข้าจดจำไว้แล้ว ขอบคุณท่านกวน!” หลี่เยว่หานกล่าวแสร้งทำเป็นยิ้มไร้เดียงสา
ท่านกวนพยายามยับยั้งชั่งใจเมื่อเห็นรอยยิ้มของนาง เขาหันกลับมาดื่มสุราในแก้ว แล้วลุกขึ้นยืนโบกมือ พร้อมกล่าวว่า “ไปกันเถอะ ข้าจะพาพวกเจ้ากลับไปที่หมู่บ้านจางหนิง”
“อา?” หลี่เยว่หานตกตะลึง “ท่านกวนว่าอันใดหรือ?”
“ข้าบอกว่าข้าจะไปส่งพวกเจ้า” ท่านกวนกล่าวพร้อมกับเดินไปเปิดประตู “ท่านผู้สูงศักดิ์บอกว่าจะส่งผลไม้รสเปรี้ยวไปยังบ้านของเจ้า เจ้าคิดว่ามันเพียงพอแล้วหรือไม่?”
หลี่เยว่หานขอบคุณเขาเมื่อได้ยินเช่นนั้น “ขอบคุณท่านกวน!”
ต้องกล่าวว่าหลี่เยว่หานรู้สึกว่าตนเองนั้นโชคดีมากจริง ๆ
เดิมทีเธอคิดว่าการเริ่มต้นชีวิตใหม่ในอำเภอหวาซีจะเป็นเรื่องที่ยากลำบาก เพราะอย่างไรเสียตัวตนของเธอในเวลานี้ก็คือหญิงม่าย และหญิงม่ายมักจะถูกขับไสไล่ส่งมาตั้งแต่โบราณกาล ในสมัยโบราณนั้นชื่อเสียงเรียงนามค่อนข้างสำคัญ หากไม่ระมัดระวังอาจจะจมกองน้ำลายตายได้
แต่หลังจากที่เธอมาตั้งถิ่นฐานในหมู่บ้านจางหนิง หัวหน้าหมู่บ้านทั้งใจกว้างและสะใภ้โจวเพื่อนบ้านก็มีนิสัยที่เข้ากับเธอได้ดี เธอออกมาซื้อของเล็ก ๆ น้อย ๆ ในตัวอำเภอเป็นครั้งแรกและบังเอิญได้พบกับท่านกวน เดินพูดคุยกันมาสักระยะจึงพบว่าพวกเขาทั้งสองเข้ากันได้ดี
ตอนนี้เธอต้องการทำเหล้าองุ่น เวินเทียนเหล่ยก็ยังนำเอาผลไม้ไปส่งให้ถึงหน้าประตูบ้านของเธออีก หลี่เยว่หาน… ได้รับการปรนนิบัติอย่างดีจริง ๆ ช่างสะดวกสบายเหลือเกิน!
แม่ลูกสามคนเดินทางมายังหมู่บ้านจางหนิงพร้อมรถบรรทุกองุ่นห้าสิบจินของท่านกวน แต่ก่อนจะเดินทางไปถึงหน้าบ้าน เธอก็เหลือบเห็นรถบรรทุกม้าตั้งเด่นสง่าอยู่ตรงนั้นมาจากระยะไกล หลี่เยว่หานรับรู้ได้ในทันทีว่านั่นคือเวินเทียนเหล่ย
“ท่านกวน ข้าต้องคุกเข่ายอมรับความผิดพลาดต่อหน้าท่านผู้สูงศักดิ์หรือไม่?” หลี่เยว่หานแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ
“ลองดูสิว่าท่านผู้สูงศักดิ์หมายความว่าอย่างไร” ท่านกวนมีความประทับใจที่ดีต่อหลี่เยว่หาน คราวเมื่อเขาพบผู้หญิงคนนี้ครั้งแรก เขารู้สึกว่านางเป็นคนเรียบง่ายและมีดวงตาคู่สวย แต่หลังจากทำความรู้จักมักจี่กับนางแล้ว เขาพบว่านางเป็นคนทำงานตามหลักการ ไม่ใช่คนชอบฉวยโอกาส
แม่นางผู้หนึ่งพาลูกทั้งสองหลบหนีสงครามมาจากทางใต้ หวั่นเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่องานแต่งของพี่ชายจึงตั้งถิ่นฐานอยู่ในหมู่บ้าน มีนิสัยใจกว้างต้องการช่วยเหลือหญิงม่ายในหมู่บ้านให้มีการมีงานทำ เหตุการณ์แต่ละอย่างทำให้ท่านกวนพบว่าหลี่เยว่หานนั้นไม่ธรรมดา
เขาคอยดูแลครอบครัวของหลี่หานเยว่มากขึ้นโดยที่ไม่รู้ตัว ไม่ว่าตะกร้าโครงแบบใดที่หลี่เย่หานทำขึ้นมา เขาก็จะช่วยซื้อมันในราคาตลาด การช่วยเหลือดังกล่าวเป็นไปอย่างเรียบง่ายจนทำให้หลี่เยว่หานเริ่มได้ใจ
เมื่อมาถึงหน้าประตูบ้าน หลี่เยว่หานกับท่านกวนก็กระโดดลงมาจากรถพร้อมกัน จากนั้นหลี่เยว่หานจึงอุ้มหลิงซี ขณะที่ท่านกวนอุ้มมู่ชวนแล้วจึงพาเด็กทั้งสองคนลงมาจากรถ
“สวัสดีอีกครั้งท่านผู้สูงศักดิ์!” คราวนี้หลี่เยว่หานทำตัวฉลาดขึ้นมาก เธอวางหลิงซีลง หันหลังกลับและโค้งคำนับเวินเทียนเหล่ยทันที จนทำให้เวินเทียนเหล่ยตกตะลึง
หากเขายอมรับการโค้งคำนับของหลี่เยว่หาน เมิ่งฉีฮ่วนจะไม่ทุบตีเขาเอาหรือ!
MANGA DISCUSSION