บทที่ 207 ข่าวลือเกี่ยวกับราชสำนัก
เจ้าของร้านขายผ้าอวี้เยว่บอกว่าหอสุรามัจฉาขึ้นชื่อเรื่องสุรามากที่สุด รองลงมาคืออาหารจานปลา
หลี่เยว่หานไม่เข้าใจว่าอาหารจานปลาเป็นอย่างไร แต่เธอรู้เรื่องสุรา!
เธอถามตวนอู่และจงชิว แม้ว่าหอสุรามัจฉาจะขายหลายอย่าง แต่ก็มีชื่อเสียงเรื่องสุราเป็นเลิศ สุราของพวกเขากลั่นด้วยสูตรลับเฉพาะซึ่งมีเฉพาะที่นี่เท่านั้น ไม่มีที่อื่นอีก
หลี่เยว่หานขอให้พวกเขานำสุราสองไหกลับมาให้ชิม มันมีกลิ่นหอมในปาก และรสชาติค้างอยู่ในคอเป็นเวลานาน สุรานั้นแรงกว่าสุราจางที่เธอเคยดื่มในหมู่บ้านไป๋อวิ๋นมาก
ที่สำคัญคือสุรานี้มีรสหวาน เหมือนกับเหล้าองุ่นมาก!
“เจ้าคิดว่าท่านแม่กำลังทำอะไรอยู่?” มู่ชวนนั่งอยู่บนคันนาในทุ่ง มองดูหลี่เยว่หานทำงานในทุ่ง แล้วอดไม่ได้ที่จะถามหลิงซีด้วยเสียงแผ่วเบา
“ท่านอาหญิงบอกว่าเราจะปลูกผลไม้ แล้วเก็บผลไม้นั้นมากิน!” ในหัวของหลิงซีเต็มไปด้วยเรื่องอาหาร นางจึงไม่รู้ว่าหลี่เยว่หานกำลังจะทำอะไร
“เหตุใดข้าถึงคิดว่าไม้เลื้อยเหล่านี้ ดูเหมือนผลไม้รสเปรี้ยวที่ท่านแม่ปลูกไว้ก่อนหน้านี้เลย? มันคือองุ่นหรือเปล่า?” มู่ชวนพึมพำ
“อืม… พี่ชายพูดถูก!” หลิงซีพูดพร้อมหยิบซานจาเข้าปาก รสชาติของมันทำให้ต้องเบิกตาโตและจมูกเล็ก ๆ ของนางย่นเข้าหากัน
ซานจาในฤดูใบไม้ผลิมีรสเปรี้ยวและฝาด หลิงซีขอให้มู่ชวนเก็บมาให้นางหนึ่งกำมือ และตอนนี้นางก็กำลังกินมัน
หลี่เยว่หานพรวนดินใต้ต้นองุ่นอีกครั้ง
แม้ว่าครั้งนี้จะไม่ได้ใส่ปุ๋ย แต่โชคดีที่ดินมีความอุดมสมบูรณ์เพียงพอ หลังจากการเพาะปลูกในฤดูหนาว เถาองุ่นยังคงเหี่ยวเฉา เมื่อถูกย้ายปลูกลงดินครั้งแรก แต่หลังจากดูแลอย่างดีไม่กี่วัน เถาองุ่นก็เริ่มเลื้อยขึ้นไป
หลี่เยว่หานทำงานอย่างหนัก เพื่อตั้งซุ้มบังแดดให้องุ่นเลื้อยขึ้นไป ในชั่วพริบตา เถาองุ่นก็ปกคลุมทั่วทั้งซุ้มบังแดด แล้วแตกใบใหม่ออกมาอย่างสวยงาม
เพื่อป้องกันไม่ให้ชาวบ้านสงสัย ว่าครอบครัวของเธอมีเงินหรือไม่ นอกเหนือจากการทำงานในทุ่ง หลี่เยว่หานจึงทำตะกร้าสองใบทุกวัน จากนั้นจึงไปขายให้กับท่านกวนเมื่อจะไปตลาดในอำเภอ
บางคนอิจฉาที่สินค้าของเธอขายดี และอยากมาเรียนรู้วิธีทำงานฝีมือนี้จากเธอ หลี่เยว่หานก็เป็นคนชัดเจน สามารถมาเรียนรู้งานฝีมือได้ แต่ต้องจ่ายเงิน หลังจากจ่ายเงินแล้ว จึงจะเต็มใจสอนวิธีทำให้
ในตอนแรก บางคนด่าว่าหลี่เยว่หานฉวยโอกาสขูดรีดเงิน ซึ่งทำให้หลี่เยว่หานด่ากลับ ต่อมาพวกเขาจึงยอมจ่ายเงินอย่างจริงใจ เพื่อเรียนรู้งานฝีมือนี้ หลี่เยว่หานก็ไม่ได้ปิดบังความรู้เลย ซึ่งทำให้ทุกคนต่างมองด้วยความชื่นชม
สมัยนี้หากคนมีฝีมือต้องการรับเด็กฝึกหัด ใครบ้างจะไม่รับค่าตอบแทน ไม่เช่นนั้นศิษย์อาจทำให้อาจารย์อดตายได้
“ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าเจ้าทำตะกร้าได้ดีเพียงใด ทุกคนมาที่นี่เพื่อเรียนรู้จากเจ้า ตอนนี้ชื่อเสียงของหมู่บ้านจางหนิงจากภายข้างนอกคงเปลี่ยนไปแล้ว” หลังจากกลับจากทำงานในทุ่งวันนั้น หลี่เยว่หานก็กำลังสานตะกร้าอยู่ในลานบ้าน โดยมีสะใภ้โจวตามมาเรียนรู้ด้วย ส่วนเด็กน้อยสองคนก็ไปช่วยทำอาหารที่บ้านสกุลโจว สะใภ้โจวอดไม่ได้ที่จะพูดติดตลก
“นั่นไม่ใช่ความผิดของข้า ทุกคนยินดีจ่ายเงินให้ข้า เพื่อเรียนรู้งานฝีมือ ข้าไม่อาจปฏิเสธได้หรอก” หลี่เยว่หานยกยิ้ม ขณะที่มือยังคงขยับทำงานอย่างรวดเร็ว “แต่ข้าก็แปลกใจว่า คนแถวนี้ไม่ใช่ว่าไม่มีใครรู้วิธีสาน แล้วเหตุใดสินค้าไม้ไผ่สานเหล่านี้ถึงขายง่ายนัก”
“เพราะโครงตะกร้าที่เราทำทั้งหมดไม่ได้ทำมาจากหวาย เมื่อฝนตก หวายสานจะดูดซับน้ำจึงทำให้หนัก” สะใภ้โจวพูด ขณะเลียนแบบการเคลื่อนไหวมือของหลี่เยว่หาน “อีกทั้งแม้ว่าเครื่องจักสานนี้จะแข็งแรงกว่าไม้ไผ่ แต่หนักไม่เท่าไม้ไผ่ พูดง่าย ๆ คือไม่ใช่ว่าไม่มีคนเคยนำไม้ไผ่มาสาน แต่หากฝีมือไม่ดีก็ไม่อาจสานได้ ซ้ำนิ้วทั้งสิบก็ยังแทบดูไม่ได้เลย”
“แล้วพวกเขาไม่คิดจะขัดเสี้ยนไผ่ออกก่อน แบบที่ข้าทำหรือ?” หลี่เยว่หานสงสัย ตะกร้าไม้ไผ่เป็นของใช้ธรรมดาในหมู่บ้านไป๋อวิ๋น แต่หาได้ยากในหมู่บ้านจางหนิง
“นั่นจะไม่ยุ่งยากหรือ พวกเขาบอกว่าการทำตะกร้าไม้ไผ่หนึ่งใบ ใช้เวลานานกว่าตะกร้าหวายสามใบ” สะใภ้โจวพูด พร้อมกับถอนหายใจ “มีสงครามเกิดขึ้นที่ทางใต้ แม้ว่าทุกคนจะอยู่ใกล้กับเมืองหลวงก็ตาม แต่ก็ยังหวาดกลัวมากจริง ๆ สงครามเริ่มต้นเมื่อสิบปีที่แล้ว หากเจ้ามาจากทางใต้ เจ้าน่าจะรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่น ทุกคนต่างก็อยากหาเงินได้เยอะขึ้น ทำเงินให้เร็วขึ้น เพราะเมื่ออันตรายมาถึง หากมีเงินก็ยังสามารถย้ายไปลี้ภัยที่เมืองหลวงได้”
“ข้าได้เห็นเรื่องร้ายแรงถึงเพียงนั้นในทางใต้จริง ที่นั่นมีโจรอยู่ไม่น้อย” หลี่เยว่หานพึมพำ “แต่การเกณฑ์ทหารของทางใต้นั้นดุเดือดมาก หากมีลูกชายสองคนที่บ้าน ต้องสละลูกชายไปหนึ่งคน หากแต่งงานแล้วมีลูกชาย สามีก็ต้องถูกพาตัวไปด้วย ไม่เช่นนั้นจะถูกดาบฟันให้ตายทันที มันน่ากลัวจริง ๆ”
“ขอบอกเลยว่าข้าได้ยินมาว่า เมื่อหลายปีก่อนรัชทายาทองค์ปัจจุบันเป็นผู้ออกคำสั่งเกณฑ์ทหารนี้เอง!” สะใภ้โจวป้องปากกระซิบ “แม้จะอ้างว่ามาจากความคิดของฮ่องเต้องค์ก่อนก็ตาม แต่น้องชายของข้าไปทำธุระในเมืองหลวง แล้วมาบอกข้า”
“รัชทายาทหรือ?” หลี่เยว่หานขมวดคิ้ว “รัชทายาทไม่ได้จากไปตั้งแต่สองสามปีก่อนแล้วหรอกหรือ?”
“หลายปีก่อนฮ่องเต้องค์เก่าล้มป่วยหนัก น้องชายของข้าบอกว่ามีเสียงเรียกร้องในราชสำนักขอให้ฮ่องเต้องค์ก่อนสถาปนารัชทายาทมากขึ้นเรื่อย ๆ องค์ชายสามเป็นผู้มีอำนาจยิ่งใหญ่ในเมืองหลวง ในที่สุดฮ่องเต้องค์ก่อนก็ยอมจำนนเพราะถูกกดดัน ก่อนปีใหม่ จึงมีราชโองการแต่งตั้งองค์ชายสามเป็นรัชทายาท”
“รัชทายาทองค์ใหม่เสด็จขึ้นครองบัลลังก์ และยกเว้นภาษีอาหารสำหรับปีนั้นให้เราทันที ไม่มีการโกหก!”
หลังจากได้ยินดังนั้น มือของหลี่เยว่หานก็ขยับช้าลง “ท่านคิดว่าองค์ชายสามองค์นี้ฉลาดจริงหรือ?”
“ไม่เป็นเช่นนั้นเลย จะยกเว้นภาษีทันทีที่ขึ้นครองบัลลังก์ได้อย่างไร!” สะใภ้โจวกล่าวและรีบโบกมือ “อยากยกเว้นก็ยกเว้นเลย สามัญชนอย่างพวกเราสามารถคุยเรื่องทางการได้ แต่ถ้าพูดถึงเรื่องราชสำนัก แล้วข่าวแพร่ออกไปก็จะถูกตัดหัว!”
“โอ้ ข้าไม่ใช่คนทางใต้ จึงไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย” หลี่เยว่หานพูดด้วยรอยยิ้ม “อีกทั้งข้าก็เป็นผู้หญิงที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว ข้าแค่อยากพาสามีของข้าหนีมาทางเหนือเพื่อลี้ภัย แล้วข้าจะมีเวลาสอบถามเรื่องเหล่านี้ได้อย่างไร”
“น่าเสียดายที่แม้ว่าสามีเจ้าจะไม่ได้เข้ากองทัพ แต่สุดท้ายก็ดันมาจากไประหว่างทาง สวรรค์ช่างไม่เมตตาเลยเสียจริง” สะใภ้โจวถอนหายใจ เพียงชั่วครู่ ตะกร้าในมือของหลี่เยว่หานก็เกือบจะเสร็จแล้ว นางกังวล “เดี๋ยวก่อน ทำช้าลงหน่อย ข้ายังไม่เห็นเลยว่าต้องปิดขอบอย่างไร!”
หลี่เยว่หานชะลอความเร็วมือลงด้วยความขบขัน จากนั้นเริ่มสอนวิธีปิดขอบให้สะใภ้โจว
หลังอาหารเย็นที่บ้านสกุลโจว หลี่เยว่หานพามู่ชวนและหลิงซีไปอาบน้ำ แล้วเฝ้าดูพวกเขาผล็อยหลับไป จากนั้นก็ออกไปเดินเล่นที่ลานบ้าน
ขณะมองดวงดาวบนท้องฟ้า หลี่เยว่หานรู้สึกถึงเรื่องที่ซับซ้อนมากขึ้น
ตอนอยู่ในหมู่บ้านไป๋อวิ๋น เมิ่งฉีฮ่วนเล่าเรื่องกิจการในราชสำนักให้หลี่เยว่หานฟัง เธอจึงรู้เรื่ององค์ชายสามด้วย
เมื่อตำหนักองค์รัชทายาทถูกทำลาย องค์ชายสามน่าจะเป็นคนที่อยู่เบื้องหลัง ตอนนี้องค์ชายสามได้เป็นรัชทายาทแล้ว และฮ่องเต้มีสุขภาพไม่ดี หลี่เยว่หานคิดว่าแคว้นตงฮั่น คงจะอยู่อย่างสงบสุขไปได้อีกราวสองสามปี
“เฮ้อ…” หลี่เยว่หานอดถอนหายใจไม่ได้ หลังอาบน้ำเสร็จแล้ว ก็กลับเข้าห้องดับไฟนอน
สิ่งที่เธอไม่เคยสังเกตเห็นก็คือตรงเงามืดที่กำแพง มีเงาดำคอยเฝ้าดูเธออยู่ เมื่อแสงไฟในห้องของหลี่เยว่หานดับลง เงานั้นก็กระโดดลงจากกำแพง แล้วเดินหายเข้าไปในความมืดยามราตรี
MANGA DISCUSSION