บทที่ 204 ได้รับเงินโดยไม่ต้องเอ่ยคำใดสักคำ
“ไม่ใช่ ไม่ใช่” วังหลานโบกมือหลายครั้ง “ตอนนี้ทุกคนในหมู่บ้านบอกว่าเจ้าใจร้าย บอกว่าเพราะเจ้ามาจากต่างถิ่น เจ้าจึงไม่ได้จริงใจกับคนในหมู่บ้าน บางคนถึงกับไปบอกหัวหน้าหมู่บ้าน ให้ไล่เจ้าออกจากหมู่บ้าน ข้าคิดว่าเจ้าโดนรังแกเช่นนี้เพราะข้า ก็เลย…”
“น่าทึ่งมาก พวกเขากล้าแทงข้างหลังกันเช่นนี้” หลี่เยว่หานไม่ได้เลี่ยงคำเลย ทั้งยังพูดด้วยเสียงดัง “เดิมทีข้าคิดว่า ข้าจะไม่ช่วยขายตัวอย่างงานปักของเจ้าแล้ว แต่สุดท้าย ข้าก็ต้องให้ใจคนในหมู่บ้าน ฉะนั้นเจ้าก็แค่ไปทำตัวอย่างงานปักมา แล้วข้าจะช่วยเจ้าขายมันในครั้งต่อไปที่ไปตลาด!”
มีคนสองสามคนแอบฟังอยู่ที่ประตู เพราะคิดว่าวังหลานแอบมาหาหลี่เยว่หาน เพื่อหารือเรื่องอื้อฉาว แต่คาดไม่ถึงเลยว่าจะได้ยินบทสนทนาเช่นนี้
“ทำอันใดกันอยู่! พวกที่ดึกดื่นแล้วยังไม่ยอมนอน แต่แอบมาบ้านคนอื่น ต่างก็เป็นพวกสารเลวที่มีพ่อแต่ไม่มีแม่ทั้งนั้น! ออกไปเดี๋ยวนี้!” เสียงด่าของสะใภ้โจวดังขึ้น แล้วเสียงฝีเท้านอกประตูก็วิ่งหนีกระจายกันไป จากนั้นสะใภ้โจวก็เดินเข้าประตูมา
“น้องหานเยว่ ไม่ต้องกลัว แค่ทำในสิ่งที่เจ้าต้องทำก็พอ คนเหล่านั้นไม่มีสมอง หากมารบกวนเจ้าในครั้งต่อไป ข้าจะด่าแทนเจ้าเอง!” สะใภ้โจวขึ้นชื่อว่าเป็นหญิงปากจัดในหมู่บ้าน นางได้ใช้เวลาร่วมกับหลี่เยว่หานมานาน ในที่สุดก็รู้นิสัยของหลี่เยว่หานดี ทันทีที่เดินเข้าประตูมา ความคิดของนางก็ชัดเจน
“พี่สะใภ้โจว ท่านไม่ได้ลากตัวเองลงไปในน้ำด้วยหรอกหรือ?” วังหลานกำลังจะหลั่งน้ำตา “ข้ารู้สึกผิดกับน้องหานเยว่มากพออยู่แล้ว ไม่อาจปล่อยให้ท่านถูกด่าไปอีกคนได้!”
“เจ้าเคยเห็นข้ากลัวใครบ้างหรือไม่เวลามีเรื่องทะเลาะกัน?” สะใภ้โจวพูดด้วยความมั่นใจ “ข้าขอบอกเจ้าเลยนะวังหลาน ข้าไม่ได้ช่วยเจ้า ข้ากำลังช่วยหานเยว่น้องสาวของข้า นางต้องการช่วยเจ้าขายตัวอย่างงานปัก นั่นเป็นเพราะครอบครัวของเจ้าน่าสงสาร แต่อย่าคาดหวังให้นางช่วยเจ้าขายตลอดเวลา ควรจะได้งานปักโดยเร็วที่สุด แล้วย้ายซูเจี๋ยของเจ้าไปอยู่ที่อำเภอกับเจ้า!”
สะใภ้โจวพูดถูก
ตราบใดที่เจ้าของร้านขายผ้าอวี้เยว่ เต็มใจที่จะจ้างวังหลานเป็นช่างปัก นางก็ย้ายไปอยู่ที่อำเภอได้ ร้านขายผ้าอวี้เยว่มีเรือนซิ่วเหนียง ซึ่งเป็นที่พักให้ช่างปักอาศัยอยู่
อีกทั้งข่งซูเจี๋ยก็ยังเรียนอยู่ในอำเภอด้วย วังหลานจะได้คอยดูแลเขาได้ง่ายขึ้น
“ข้าเข้าใจแล้ว ข้าเข้าใจแล้ว” วังหลานพูดขณะกลั้นน้ำตา แล้วคุกเข่าให้หลี่เยว่หานและสะใภ้โจว “ข้า วังหลาน คิดว่าทั้งชีวิตของข้า จะต้องหลงทางและเต็มไปด้วยความโสมม ข้าเอาแต่คิดว่าหากซูเจี๋ยเรียนจบ ข้าจะฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดลงทะเลสาบ แต่วันนี้น้องหานเยว่และพี่สะใภ้โจวเป็นคนปลุกข้าขึ้นมา ข้า วังหลานจะจดจำความเมตตาอันยิ่งใหญ่นี้ไว้ในหัวใจตลอดไป!”
เมื่อพูดจบ นางก็คำนับหลี่เยว่หานและสะใภ้โจวสามครั้ง จากนั้นจึงยืนขึ้นและจากไป
หลี่เยว่หานถอนหายใจ “พี่สะใภ้โจว ท่านจะให้ข้ายอมรับความนอบน้อมของวังหลานอย่างสนิทใจได้อย่างไร? นี่ไม่ทำให้ข้าดูไม่เหมาะสมหรือ!”
“อันใดกัน เจ้าช่วยนาง นางก็ควรก้มหัวขอบคุณเท่านั้น” สะใภ้โจวพูดพร้อมตบไหล่หลี่เยว่หาน “ข้าได้ยินเรื่องในหมู่บ้านมาทุกอย่างแล้ว ไม่ต้องห่วงว่าพวกผู้หญิงปากมากเหล่านั้นจะพูดจาอย่างไร แค่ทำในสิ่งที่อยากทำ ไม่อยากทำก็แค่ปฏิเสธ!”
“ได้เลย!” หลี่เยว่หานตอบชัดเจน
วันรุ่งขึ้น มีอีกคนมาขอให้หลี่เยว่หานช่วยขายตัวอย่างงานปักให้ แต่กลับถูกหลี่เยว่หานด่ากลับจนวิ่งร้องไห้ออกไป
ในเวลาเพียงวันเดียว หลี่เยว่หานก็มีชื่อเสียงพอ ๆ กับสะใภ้โจวแห่งหมู่บ้านจางหนิง…
พริบตาเดียวก็ถึงวันไปตลาดอีกครั้ง คราวนี้หลี่เยว่หานทำกระบุงสามใบ และตะกร้าสองใบ โดนคิดว่าท่านกวนน่าจะอยากได้ของเหล่านี้ เธอหยิบไม้ท่อนหนึ่งมาทำคานหาม หยิบสินค้าใส่ทั้งสองข้าง เพื่อไปขึ้นเกวียนวัว
ครั้งนี้เธอนำของมามากกว่าครั้งที่แล้ว และลูกอีกสองคน เธอจึงให้ท่านอาหรงหกอีแปะ ท่านอาหรงรู้นิสัยตนดีจึงไม่ปฏิเสธ ทั้งยังช่วยมัดสินค้าให้ดีอีกด้วยจะได้ไม่เกิดปัญหาหากถูกชนกลางทางด้วย
“น้องหานเยว่ ไปตลาดหรือ?” มีคนทักทายหานเยว่ นางเป็นผู้หญิงใจดี
“โอ้! ข้าทำของใช้เอาไว้ เลยวางแผนจะเอาไปแลกเปลี่ยนเป็นเงิน เพื่อนำไปซื้อเสื้อผ้าให้มู่โทวของข้า!” หลี่เยว่หานตอบอย่างเป็นมิตร
ตั้งแต่มู่ชวนมาถึง หลี่เยว่หานก็เรียกเขาว่ามู่โทว มู่โทว จนบางครั้งมู่ชวนก็รู้สึกเหมือนเขาชื่อว่ามู่โทวจริง ๆ…
“มู่โทวของเจ้าหล่อเหลา ใส่อันใดก็ดูดีไปหมด!” ท่านป้าด้านข้างเอ่ยชมมู่ชวนโดยไม่ลังเล
“ใช่แล้ว ลูกชายข้าหน้าเหมือนพ่อของเขา ข้าแต่งงานกับพ่อของลูกก็เพราะเขาหน้าตาดี!” หลี่เยว่หานไม่ลังเลที่จะยกย่อง “ฉีต้าจ้วง” ที่ไม่มีอยู่จริง
อย่างไรเสีย คนผู้นี้ก็ไม่มีตัวตนอยู่จริง ว่ากันว่าเขาเสียชีวิตด้วยอาการป่วย จึงไม่อาจกล่าวคำชมเชยเกินจริงได้
เกวียนวัวเต็มอย่างรวดเร็ว เมื่อปราศจากการคุกคามจากแม่ม่ายฉาง หลี่เยว่หานก็รู้สึกว่าท่านอาหรงดูมีความสุขมากขึ้นมากเมื่อเขาขับเกวียน
เมื่อมาถึงอำเภอ หลี่เยว่หานเห็นผู้คนมากมายเดินกันขวักไขว่ จึงเป็นห่วงเด็กทั้งสอง เธอจึงผูกชายกระโปรงกับข้อมือของพวกเขา แล้วเธอก็ถือพวกตะกร้าเดินไปที่ท่าเรือ
ทางแถมนี้เป็นหลุมเป็นบ่อเกินไป ไม่รู้ว่าไม้ท่อนยาวที่เธอจะนำมาแขวนสินค้า หล่นหายไปตั้งแต่เมื่อใด
บนท่าเรือ
หลี่เยว่หานสะกิดพี่ใหญ่คนหนึ่งที่กำลังขนของ “พี่ใหญ่ ท่านรู้หรือไม่ว่าท่านกวนอยู่ที่ไหน? คราวก่อนเขาบอกข้าว่าเขาอยากซื้อของของข้า แล้วบอกให้ข้ามาตามหาเขาที่ท่าเรือ”
หลังจากได้ยินดังนั้น ชายคนนั้นก็มองหลี่เยว่หาน แล้วพูดว่า “เจ้ารออยู่ตรงนี้ก่อน ข้าจะแบกกระสอบข้าวนี้ไปเก็บก่อน แล้วจะเรียกท่านกวนให้”
“ได้เลย ขอบคุณนะพี่ใหญ่!” พูดจบหลี่เยว่หานก็ยัดเหรียญทองแดงสองเหรียญไว้ในมือเขา
ชายคนนั้นไม่ปฏิเสธ เพียงแบกกระสอบข้าวจากไป
“ท่านแม่ นี่คือท่าเรือหรือขอรับ?” มู่ชวนมองฝูงชนด้วยความประหลาดใจ “นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้มาเห็น นั่นเรือหรือเปล่า? เรือที่สามารถว่ายบนผิวน้ำได้หรือขอรับ?”
“เรือเรียกว่าแล่นบนน้ำ ไม่ใช่ว่ายน้ำ เจ้าเรียนมาเสียเปล่าแล้ว!” หลี่เยว่หานพูดติดตลก
มู่ชวนอับอาย เขาหน้าแดงทันที “นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เห็น จึงรู้สึกแปลกมาก!”
“พี่ชายอับอายมาก!” หลิงซียืนเขย่งเท้า แล้วแหย่หน้ามู่ชวนด้วยรอยยิ้ม มู่ชวนทำสีหน้าจริงจังทันที
“ข้าไม่ได้อับอาย! เสี่ยวหลิงตังพูดเหลวไหลไม่ได้นะ!”
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว หน้าของพี่ชายแดงไปหมดแล้ว~” หลิงซีรู้สึกตื่นเต้นมาก ที่ได้เห็นท่าเรือเป็นครั้งแรก แต่สุดท้ายด้วยความที่ยังเป็นเด็กอยู่ คำเดียวที่พูดเมื่อเห็นสิ่งแปลกใหม่ก็คือ “ว้าว! ว้าว!”
หลี่เยว่หานไม่ได้รอนานเกินไป ท่านกวนก็ออกมาพอเธอ
“ท่านกวน ครั้งล่าสุดที่ท่านบอกว่า…” หลี่เยว่หานพูดด้วยรอยยิ้มยังไม่ทันพูดจบ ท่านกวนก็คุกเข่าลง แล้ววางเหรียญสองเหรียญไว้ในมือของหลิงซี
จากนั้นเขาก็ยืนขึ้น ท่ามกลางสายตางุนงงของหลี่เยว่หาน แล้วพูดว่า “เจ้าไม่จำเป็นต้องให้เงินเล็ก ๆ น้อย ๆ แก่ผู้อื่นเมื่อมาหาข้า เจ้าเป็นผู้หญิง แทบจะไม่สามารถอยู่รอดได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว ดังนั้นอย่าทำเช่นนี้อีก”
“เจ้าค่ะ… เจ้าค่ะ…” หลี่เยว่หานพยักหน้าด้วยความสับสน
“ครั้งนี้เป็นสินค้าใหม่ที่เจ้าทำหรือ?” ท่านกวนจ้องมองตะกร้าและกระบุงที่หลี่เยว่หานวางไว้ข้าง ๆ เขานั่งยอง ๆ ตรวจดูแต่ละชิ้น แล้วฟาดมันลงบนพื้นอย่างแรงสองสามครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่ามันทนทาน จากนั้นก็หยิบตำลึงเงินออกมา แล้วโยนเข้าไปในอ้อมแขนของหลี่เยว่หาน
เขาหันหลังเดินจากไป โดยไม่เอ่ยคำใดสักคำ
MANGA DISCUSSION