บทที่ 203 ทีละคน
“เหตุใดถึงบอกว่าลูกชายของข้าทำให้คนอื่นขายหน้า?” หลี่เยว่หานงุนง “แม่นางซินเอ๋อร์อยากให้ข้าช่วยนางขายตัวอย่างงานปัก ลูกชายของข้าก็บอกไปแล้วว่าให้แม่ของนางมากับข้าได้ เหตุใดบอกว่าเป็นการทำให้นางอับอาย? อย่าคิดว่าเจ้าจะรังแกลูกชายของข้าได้ เพียงเพราะเจ้าโตกว่าและแข็งแรงกว่า!”
“ไปถามผู้หญิงในหมู่บ้านดูสิ ว่ามีใครเก่งงานปักมากกว่าวังหลาน!” ชายหนุ่มโมโห “ข้า เนี่ยเตอเป่ารู้เรื่องที่ทุกคนต่างก็รู้ ลูกชายของท่านพูดประสมโรงด้วยเช่นนี้ ไม่ใช่การกลั่นแกล้งซินเอ๋อร์หรือ! ท่านไม่ช่วยซินเอ๋อร์ แต่กลับช่วยวังหลาน! ช่างยุติธรรมเหลือเกิน!”
“ข้าแปลกใจมาก เจ้าเป็นอันใดกับจ้าวซินเอ๋อร์ เจ้ากังวลมากจนต้องมายืนหยัดเพื่อนาง ซ้ำยังดุลูกชายของข้าที่เป็นเด็กอายุเจ็ดขวบ เจ้าไม่อับอายบ้างหรือ? เจ้าไม่รู้สึกละอายใจบ้างหรือ?” หลี่เยว่หานก็โกรธเช่นกัน “เดิมทีข้าคิดว่าหากพี่วังหลานสามารถหางานเป็นช่างปักได้ นางคงจะสามารถหาเงินค่าเล่าเรียนของซูเจี๋ยได้ จากสิ่งที่เจ้าพูด ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่อยากให้ครอบครัวข่งมีชีวิตที่ดีขึ้นใช่หรือไม่?”
หลังจากได้ยินสิ่งที่หลี่เยว่หานพูดแล้ว เนี่ยเตอเป่าก็รู้สึกว่าตนทำเช่นนี้ไม่เหมาะสม แต่เมื่อเขาคิดถึงจ้าวซินเอ๋อร์ที่ร้องไห้วิ่งหนีไปเมื่อครู่นี้ เขาก็ยังไม่ยอมแพ้ “ข้าไม่สนใจอยู่แล้ว หากท่านช่วยแม่ม่ายวังขายตัวอย่างงานปัก ก็ต้องช่วยแม่นางซินเอ๋อร์ด้วย!”
“เจ้าไม่มีเหตุผลหรือ?” หลี่เยว่หานหรี่ตาลง หลิงซีที่มองหลี่เยว่หาน ก็รู้ว่าท่านอาหญิงของนางจะต้องโกรธแน่!
“ข้ามีเหตุผล!”
หลี่เยว่หานยิ้ม “เจ้ามีเหตุผลหรือ? แล้วเจ้ามีความคิดอย่างไรกับกฎหมายของแคว้นตงหานล่ะ? หากข้าส่งเจ้า เนี่ยเตอเป่าไปศาลาว่าการท้องถิ่นจะเป็นเช่นไร? โอ้ เจ้าเป็นคนที่มีเหตุผล และเจ้าคิดว่าทำเช่นนั้นมีเหตุผลแล้วใช่หรือไม่? อีกอย่างคือ เจ้าได้ให้ความสำคัญแก่หัวหน้าหมู่บ้านบ้างหรือเปล่า ตอนที่พูดเช่นนั้นเมื่อครู่นี้? พูดให้จริงจังกว่านี้ว่าเจ้าให้ความสำคัญกับฮ่องเต้บ้างหรือไม่?”
“เจ้าคงไม่ได้คิดจะกบฏใช่หรือไม่!”
หลี่เยว่หานกล่าวโทษเกินความจริง เธอไม่เชื่อว่าเนี่ยเตอเป่าจะกล้ายอมรับจริง ๆ
แน่นอนว่าเนี่ยเตอเป่าพูดไม่ออกเพราะหลี่เยว่หาน แล้วจากไปด้วยความโกรธ
ชาวบ้านที่อยู่รอบตัว ชี้ไปที่แผ่นหลังของเขา แล้วพูดคุยกัน
“เนี่ยเตอเป่าคงรักจ้าวซินเอ๋อร์สุดหัวใจจริง ๆ เขาถึงกับกล้ากล่าววาจาแย่เช่นนั้นออกมาได้”
“นั่นน่ะสิ เนี่ยเตอเป่าอายุยี่สิบปีและยังไม่ได้แต่งงาน เพราะเขาหลงรักจ้าวซินเอ๋อร์ เขาจึงไม่ยอมให้แม่จับเขาแต่งงาน!”
“โอ้โห เนี่ยเตอเป่าคนนี้ไม่รู้ดีชั่วจริง ๆ นางหานมีความกระตือรือร้นมาก เมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มซูเจี๋ยกำลังขายตัวอย่างงานปักจึงไปช่วยเขา จนตอนนี้ดีขึ้นแล้ว แต่ในสายตาของจ้าวซินเอ๋อร์กับเนี่ยเตอเป่า กลับเห็นว่านางจำเป็นต้องช่วยจ้าวซินเอ๋อร์ด้วยอีกคน!”
“นั่นน่ะสิ นางหานไม่ต้องกลัว! เราทุกคนอยู่ร่วมหมู่บ้านเดียวกัน จึงควรมีเหตุผล ไม่ต้องไปโต้เถียงกับพวกเขาหรอก!”
หลี่เยว่หานไม่ได้คิดจะโต้เถียงกับพวกเขา แต่อารมณ์ดี ๆ ของเธอในวันนี้พังทลายลงหมดแล้ว เธอรู้สึกหงุดหงิด หลังจากขอบคุณทุกคนแล้ว เธอก็พาเด็กทั้งสองกลับบ้าน
เมื่อกลับถึงบ้าน ทันทีที่ปิดประตู ก็มีเสียงคนเคาะประตู
“พี่หาน พี่หานอยู่บ้านหรือเปล่า? ข้าชื่อเย่จิงจิง พี่หาน อยู่บ้านหรือเปล่า?”
เมื่อได้ยินเสียงของเด็กสาวข้างนอก หลี่เยว่หานก็ขมวดคิ้ว
เธอรู้จักเย่จิงจิง ลูกสาวคนเดียวของตระกูลเย่ เกิดมาพร้อมกับรูปร่างหน้าตาที่โดดเด่นมาก และทักษะการเย็บปักถักร้อยของนาง อาจกล่าวได้ว่าโดดเด่นในหมู่เพื่อนฝูงของนางในหมู่บ้าน
“ข้าเดาว่านางมาที่นี่เพื่อขอให้ท่านแม่ช่วยขายตัวอย่างงานปักอีกแล้ว” มู่ชวนขมวดคิ้ว ขณะบ่นพึมพำ แล้วมองหลี่เยว่หาน “ท่านแม่ หากเราไม่ตอบ เราก็แสร้งทำเป็นว่าเราไม่อยู่บ้านเลยสิขอรับ”
“ช่างเถิด แม่นางเย่เป็นคนสุภาพ ไปเปิดประตูดูกันเถอะ” หลี่เยว่หานพูดแล้วถอนหายใจ ก่อนเปิดประตู
เมื่อเย่จิงจิงเห็นประตูเปิด นางก็ดีใจทันที แล้วพูดว่า “พี่หานเปิดประตูแล้ว ข้าอยากจะขอให้ท่านช่วยข้านำตัวอย่างงานปักไปขายที่อำเภอให้ได้เงินมาบ้าง ไม่ต้องกังวล ข้าจะจ่ายเงินตอบแทนการทำงานหนักให้ท่าน แต่ขอแค่ให้เถ้าแก่เขียนบันทึกถึงข้าด้วย ว่าขายได้ราคาเท่าไหร่”
หลังจากได้ยินเช่นนั้น หลี่เยว่หานก็ถอนหายใจ “แม่นางจิงจิง ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากช่วยเรื่องนี้ ข้าแค่ทำไม่ได้ พวกเจ้าทุกคนก็รู้ว่าข้าเพิ่งย้ายมาที่นี่ได้ไม่นาน มีหลายเรื่องที่ข้ายังไม่เข้าใจด้วยซ้ำ ตอนนี้ข้าจึงไม่มีเวลามากพอ ที่จะช่วยเจ้าขายตัวอย่างงานปัก อีกทั้งพู่กัน หมึก กระดาษ และหินฝนหมึกเหล่านั้นก็มีราคาแพงมาก เถ้าแก่จะไปหามาเขียนข้อความง่าย ๆ ได้อย่างไร?”
คำพูดของหลี่เยว่หานนั้นสุภาพมากอยู่แล้ว หากเย่จิงจิงเป็นคนสุภาพจริง ๆ ก็คงจะไม่รบกวนตนอีกต่อไป
แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เย่จิงจิงยังคงไม่ยอม “พี่หาน ท่านก็เห็นว่าท่านได้ขายตัวอย่างงานปักให้ป้าวังไปแล้ว แล้วเหตุใดท่านไม่ช่วยข้าเล่า อีกทั้งข้าไม่ได้ขอให้ท่านช่วยข้าเปล่า ๆ ด้วย ข้าจะให้เงินท่าน ทุกครั้งที่ท่านขายตัวอย่างงานปักให้ข้าได้ ท่านไม่พอใจหรือ?”
เงินหรือ?
ให้ตายเถอะ เจ้ากำลังมองคนอื่นเป็นขอทาน!
“ไม่ได้ ไม่ได้” หลี่เยว่หานโบกมือหลายครั้ง “ในกรณีนี้ ในเมื่อพวกเจ้าทุกคนคิดว่าข้าช่วยตระกูลข่ง ข้าจึงต้องช่วยพวกเจ้าด้วย เช่นนั้นข้าจะไม่ช่วยวังหลานอีกต่อไปแล้ว เมื่อถึงเวลานั้น หากครอบครัวข่งอยู่ต่อไปไม่ไหวแล้ว และออกไปก่อกวนเพื่อนบ้าน ข้าก็จะไม่สนใจ”
พูดจบ หลี่เยว่หานก็กำลังจะปิดประตู
“พี่หาน ท่านพูดเช่นนั้นได้อย่างไร!” เย่จิงจิงพูดด้วยความกังวล “ช่วยเหลือนางก็ช่วย แต่ช่วยเหลือข้าอีกคนไม่ได้หรือ! ข้าจะให้ค่าตอบแทนที่ท่านไปทำงานอย่างยากลำบาก ท่านยังไม่พอใจอีกหรือ!”
หลี่เยว่หานเข้าใจแล้ว แต่เธอแค่ไม่พอใจ
“ข้าแค่ไม่เต็มใจจะทำ ขอบอกแม่นางทุกคนไว้เลยว่าข้าไม่อยากช่วย พวกเจ้าจะคิดอย่างไรกับแม่ม่ายเช่นข้าก็ได้ แต่หากทำให้ข้าขุ่นเคือง ข้าจะไปแจ้งทางการ!”
หลังจากพูดจบ หลี่เยว่หานก็ปิดประตูอย่างไม่พอใจ
ตอนนี้รู้สึกสบายใจขึ้นแล้ว คำพูดนั้นชัดเจนมากแล้ว จึงไม่น่าจะมีใครมาบังคับเธอ โดยอ้างศีลธรรมอีกต่อไป
หลี่เยว่หานหันหลังพิงประตู มองมู่ชวนและหลิงซีในบ้าน ที่กำลังมองมาทีเธอ แล้วหัวเราะออกมา “เหตุใดเจ้าสองคนถึงทำหน้าเหมือนคนโง่ตัวน้อยเล่า?”
“ท่านแม่สุดยอดมากเจ้าค่ะ!” หลิงซีรีบวิ่งมาหา “ต่อไปเมื่อเสี่ยวหลิงตังโตขึ้น จะพยายามแข็งแกร่งเหมือนท่านแม่!”
“หลิงตังของพวกเรา ในอนาคตจะต้องเป็นเด็กผู้หญิงที่มีการศึกษาดี นุ่มนวลและอ่อนโยน แต่ไม่อาจสุดยอดเท่าแม่ได้หรอก” หลี่เยว่หานจับจมูกหลิงซี แล้วพูดว่า “มู่โทว พาน้องสาวของเจ้าเข้าไปดื่มน้ำก่อน แล้วแม่จะไปทำอาหาร”
ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว เธอทะเลาะกับคนอื่นสองครั้งติดต่อกัน ทำให้เธอหิวมาก
หลี่เยว่หานทำผัดผักกาดขาว อุ่นเนื้อตุ๋นแล้วยกไปวางบนโต๊ะ หลังจากหุงข้าวในหม้อเสร็จ ทั้งสามคนก็กินข้าวเย็นร่วมกันอย่างเอร็ดอร่อย
ในตอนกลางคืน หลี่เยว่หานอาบน้ำให้เด็กทั้งสองคน แล้วบอกให้พวกเขาเข้านอน ตอนเย็นเธอขึ้นภูเขาไปตัดไม้ไผ่กลับมาสองต้น เธอวางแผนที่จะสานตะกร้าเพิ่มอีก แล้วนำไปที่อำเภอ เพื่อดูว่าท่านกวนจะรับซื้อหรือไม่
ทันใดนั้น มีเสียงเคาะประตูเบา ๆ
หลี่เยว่หานเริ่มตื่นตัวทันที แต่ไม่ได้เอ่ยคำใด
“น้องหานเยว่ เจ้าหลับแล้วหรือ?” เสียงที่ฟังดูขี้ขลาดของวังหลานดังขึ้น หลี่เยว่หานสบายใจขึ้น เธอไปเปิดประตูแล้วให้นางเข้าในบ้าน และยังคงเปิดประตูอ้าไว้
ไม่มีทาง ตอนนี้ชื่อเสียงของวังหลานในหมู่บ้านยังคงไม่ดี หากใครเห็นว่าวังหลานมาหาตนตอนกลางดึก แล้วทั้งสองคนก็คุยกันโดยปิดประตูไว้ พรุ่งนี้อาจมีข่าวลือว่าเธอกำลังจะเริ่มขายร่างกายด้วยอีกคน
“ข้า… ข้ามาที่นี่เพื่อบอกเจ้าว่า เจ้าไม่จำเป็นต้องช่วยข้าขายตัวอย่างงานปักอีกต่อไป ข้าอยากไปขายเอง” ท่ามกลางแสงจันทร์นวล หลี่เยว่หานเห็นได้ชัดเจนว่านัยน์ตาของวังหลานเป็นสีแดงก่ำ และหนังตาบวม มองปราดเดียวก็รู้ว่านางร้องไห้หนักมาก
“ครอบครัวของจ้าวซินเอ๋อร์ไปสร้างปัญหาให้เจ้าหรือ?” หลี่เยว่หานถามเสียงเข้ม
MANGA DISCUSSION