บทที่ 202 เจ้าไม่มีแม่หรือ?
เมื่อเห็นนางแสดงท่าทางเช่นนั้น หลี่เยว่หานก็ทั้งโกรธและขบขัน นางกล้าร้องไห้ได้อย่างไร เมื่อถูกเด็กหญิงวัยสี่ขวบผลักลงกับพื้น?
มีคนเห็นจ้าวซินเอ๋อร์ขวางหน้าหลี่เยว่หานแล้ว แต่ยังไม่มีใครกล้าเข้ามาดูความสนุกนี้ ตอนนี้เมื่อเห็นจ้าวซินเอ๋อร์นั่งร้องไห้บนพื้น หลังจากถูกหลิงซีผลัก ชาวบ้านหลายคนก็มายืนล้อมรอบตัวนาง
“จ้าวซินเอ๋อร์ เกิดอันใดขึ้นกับเจ้า?”
ครึ่งหนึ่งของคนที่มายืนรวมตัวกัน เป็นชายหนุ่มสองสามคน จ้าวซินเอ๋อร์ถือเป็นหญิงสาวหน้าตาดีในหมู่บ้าน จึงมีผู้คนมากมายมาขอแต่งงาน ทันทีที่นางถึงวัยเหมาะจะออกเรือน แต่พ่อของจ้าวซินเอ๋อร์ไม่ต้องการให้นางแต่งงานเร็วเกินไป นางจึงยังไม่ออกเรือน
แต่ชายหนุ่มเหล่านั้นก็ไม่ละทิ้งความพยายาม ด้วยการไปบ้านสกุลจ้าวเมื่อมีเวลา เพื่อแสดงถึงความเอาใจใส่
“เพราะนางนั่นแหละ!” จ้าวซินเอ๋อร์ชี้หลี่เยว่หานด้วยความโกรธ “หญิงม่ายต่ำต้อยจากต่างแดนคนนี้ผลักข้า! ฮือฮือฮือ… ข้าแค่ขอให้นางช่วยขายตัวอย่างงานปัก ในเมื่อนางสามารถช่วยคนอย่างวังหลานได้ แต่นางกลับไม่ยอมช่วยข้า ฮือฮือฮือ…”
ต้องบอกว่าในสถานที่ที่ใกล้กับเมืองหลวง แม้แต่ในชนบทนั้นมีการใช้กลอุบายกันมากกว่าในหมู่บ้านไป๋อวิ๋นและหมู่บ้านเฮยถู่มาก ความสามารถของจ้าวซินเอ๋อร์ ในการร้องไห้ทุกครั้งที่นางต้องการบางอย่าง เป็นแบบเดียวกับที่หลี่เยว่หานเคยพบในตัวจินเสวี่ยเอ๋อร์
“ป้าหานเยว่ เกิดอันใดขึ้น?” ชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งก้าวเข้ามาพูด “ท่านอยู่ในหมู่บ้านจางหนิงของเรามานานเพียงใดแล้ว เหตุใดท่านถึงสร้างปัญหา!”
หลังจากได้ยินดังนั้น หลี่เยว่หานก็รู้สึกขบขัน “เจ้าหมายความว่าอย่างไรที่ข้าก่อปัญหา? นอกจากการทำงานในทุ่งนา และไปขายของที่อำเภอแล้ว ข้าก็แทบไม่ออกมานอกบ้านด้วยซ้ำ ข้าจะสร้างปัญหาได้อย่างไร? เจ้าคิดว่าตอนที่แม่ม่ายฉางมารังแกข้า ข้าไม่ควรขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านหรือ? รู้หรือไม่ นางเป็นผู้หญิงร้ายกาจ เจ้าคิดหรือว่านางไร้เดียงสา? นี่เป็นธรรมเนียมของหมู่บ้านจางหนิงหรือ?”
พูดเพียงไม่กี่คำ หลี่เยว่หานก็ยกระดับเรื่องนี้ให้ร้ายแรงขึ้น
มันเป็นเพียงการโจมตีทีละขั้น พวกเขาทำได้ แต่หลี่เยว่หานทำได้มากกว่านี้อีก!
“นั่นไม่ใช่สิ่งที่ข้าต้องการจะสื่อ! ข้าหมายถึงเหตุใดวันนี้ท่านถึงกลั่นแกล้งแม่นางซินเอ๋อร์!” หลี่เยว่หานไม่รู้จักชายหนุ่มคนนี้ แต่ก็บอกได้ว่าเขาสนใจจ้าวซินเอ๋อร์มาก เขาเป็นคนเดียวเท่านั้นที่พูดเพื่อช่วยจ้าวซินเอ๋อร์ตั้งแต่ต้นจนจบ
“จ้าวซินเอ๋อร์ขอให้ข้าช่วยนางขายตัวอย่างงานปัก นางบอกว่านางเป็นสาวที่ยังไม่ออกเรือน จึงไม่อาจเปิดเผยตนต่อหน้าสาธารณะได้ แต่ข้าปฏิเสธ” หลี่เยว่หานพูด แล้วมองไปรอบ ๆ “แต่นี่ไม่นับว่าเป็นการเปิดเผยตนเหมือนกันหรือ?”
“จะเหมือนกันได้อย่างไร! คนหมู่บ้านเดียวกันก็เหมือนกับครอบครัวเดียวกัน ไม่นับว่าเป็นการปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณะ!” ชายหนุ่มโบกมือ “ในเมื่อแม่นางซินเอ๋อร์มอบความไว้วางใจให้ท่าน เหตุใดท่านถึงไม่ยอมเล่า?”
“เหตุใดข้าต้องยอม?” หลี่เยว่หานมองเขาด้วยความขบขัน “จ้าวซินเอ๋อร์มีทั้งพ่อแม่และพี่น้องในครอบครัว เหตุใดนางถึงไม่ขอให้ครอบครัวของนาง ช่วยขายตัวอย่างงานเย็บปักถักร้อยให้ เหตุใดต้องมาขอแม่ม่ายต่ำต้อยเช่นข้าด้วย? หรือว่าแม่ม่ายสมควรได้รับคำสั่งจากคนอื่น? หรือสมควรถูกใช้งาน? เช่นนี้ถือเป็นการกลั่นแกล้งหรือไม่?”
การกลั่นแกล้งหญิงม่ายเป็นเรื่องร้ายแรงในแคว้นตงฮั่น เพราะจะถูกทุกคนประณาม ร้ายที่สุดจะถูกจำคุก ทันทีที่คำพูดของหลี่เยว่หานออกมา ทุกคนจึงกลัวที่จะพูดแทนจ้าวซินเอ๋อร์ทันที
อีกทั้งสิ่งที่หลี่เยว่หานพูดนั้นก็ถูกต้อง พ่อแม่พี่น้องของจ้าวซินเอ๋อร์ก็ยังอยู่ที่นี่ทุกคน แม้ว่านางจะเป็นเด็กสาวที่ยังไม่ออกเรือน แต่นางก็ไม่จำเป็นต้องให้หญิงม่ายมาช่วยขายตัวอย่างงานปัก!
“แม่นางซินเอ๋อร์ หยุดร้องไห้เถิด ข้าคิดว่าป้าหานพูดถูกแล้ว หากเจ้าต้องการขายตัวอย่างงานปัก เจ้าสามารถขอให้ครอบครัวช่วยขายได้ หากไม่สามารถหาเวลาได้จริง ๆ ข้าก็สามารถไปทำธุระให้เจ้าได้เช่นกัน!” ชายหนุ่มพูดอย่างตรงไปตรงมา และรู้สึกว่าสิ่งที่หลี่เยว่หานพูดนั้นสมเหตุสมผล เขาจึงหันไปพยายามเกลี้ยกล่อมจ้าวซินเอ๋อร์ที่ยังคงร้องไห้อยู่
เมื่อจ้าวซินเอ๋อร์ได้ยินว่าตนเป็นฝ่ายผิด นางก็ยิ่งร้องไห้อย่างน่าสมเพชหนักขึ้น “ข้าแค่คิดว่าในเมื่อป้าหานสามารถช่วยคนอย่างวังหลาน ขายตัวอย่างงานปักได้ และได้ยินมาว่านางหางานช่างปักให้วังหลานได้ด้วย ข้าจึงคิดว่าป้าหานเป็นคนที่มีความสามารถ หากผู้หญิงที่อยู่แต่บ้านทำตัวอย่างงานปักแล้ว ใครจะไม่อยากขายได้ในราคาดีบ้าง? เราไม่ได้มีครอบครัวที่ร่ำรวย แล้วใครจะกลัวการมีเงินเยอะเกินไปบ้าง… ฮือฮือฮือ…”
เมื่อจ้าวซินเอ๋อร์พูดถึงวังหลาน สีหน้าของทุกคนก็อ่อนโยนลงเล็กน้อย
ต้องบอกว่าวังหลานมีรูปร่างหน้าตาดีมาก จึงมีหลายคนยอมจ่ายเงินซื้อเรือนร่างของนาง ต่อมานางฉางถูกตัดสินลงโทษ แล้ววังหลานก็เลิกทำงานโสเภณี หลายคนรู้สึกว่าน่าเสียดาย
“ข้าช่วยวังหลาน เพราะว่านางอยู่ไม่ได้ หากข้าไม่ช่วยนาง หรือว่าเจ้ายังอยากให้วังหลานทำงานเช่นนั้นต่อไป?” หลี่เยว่หานพูดอย่างใจเย็น “อีกทั้งวังหลานยังเก่งเรื่องเย็บปักถักร้อยด้วย สิ่งที่ข้านำไปเสนอขาย คือตัวอย่างงานปักของวังหลานเมื่อสองปีก่อน และทักษะการเย็บปักถักร้อยของนางได้รับการยอมรับจากเถ้าแก่ขายผ้าอวี้เยว่ หากทักษะการเย็บปักถักร้อยของเจ้าดี เถ้าแก่ย่อมไม่ปฏิเสธที่จะรับตัวอย่างงานปักของเจ้า”
ทุกคนตกตะลึง เมื่อได้ยินว่าเถ้าแก่ขายผ้าอวี้เยว่ ยอมรับฝีมือการปักผ้าของวังหลาน
“ข้าจำได้ว่าทักษะการปักของวังหลานนั้นดีมากจริง ๆ เมื่อนางแต่งงานเข้ามาในหมู่บ้านจางหนิงของเรา ชุดแต่งงานที่นางทำเองนั้นงดงามมาก จนผู้หญิงหลายคนไปขอตัวอย่างงานปักจากนาง เพื่อจะนำไปเลียนแบบบ้าง!”
“เป็นเช่นนั้น ไม่น่าแปลกใจเลยที่แม่ม่ายหานเต็มใจช่วยนางข่งขายตัวอย่างงานปัก คงจะเห็นทักษะการปักที่ดีของนาง และเป็นคนตรงไปตรงมาด้วย ในฐานะชาวบ้านด้วยกันก็คงหวังจะช่วย”
เมื่อได้ยินว่าความคิดเห็นของทุกคนดูตรงกันข้ามกับตน จ้าวซินเอ๋อร์ก็ลุกขึ้นจากพื้นอย่างน่าสมเพช ปัดฝุ่นบนตัวออก แล้วร้องไห้พลางพูดว่า “ป้าหาน ในฐานะชาวบ้านคนหนึ่ง ท่านจะช่วยข้าหน่อยไม่ได้เลยหรือ?”
“ข้าอายุน้อยกว่าพ่อของเจ้า แต่เจ้ากลับเรียกข้าว่าป้า” หลี่เยว่หานพูดด้วยสีหน้าเย็นชา “วังหลานไม่มีผู้ชายในครอบครัวอีกต่อไปแล้ว และนางก็มีนิสัยอ่อนโยน วันนั้นเด็กน้อยซูเจี๋ยเป็นคนนำตัวอย่างงานปักออกมา เขาบอกว่าจะใช้มันแลกเงินให้แม่ หรือว่าทุกคนจำเรื่องนี้ไม่ได้แล้ว?”
“เด็กน้อยคนนั้นออกไปทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยตนเอง ต้องขอบคุณที่เขาเรียกข้าว่าพี่ ข้าจึงช่วยเขา แม่นางซินเอ๋อร์ ครอบครัวของเจ้ายังอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา แล้วเหตุใดต้องมารบกวนหญิงม่ายต่ำต้อยเช่นข้าด้วย”
จ้าวซินเอ๋อร์ตกตะลึง
เหตุใดนางถึงไม่รู้ ว่าหลี่เยว่หานมีวาจาเฉียบคมถึงเพียงนี้มาก่อน?
มันสายเกินไปหรือไม่ หากนางจะหนีไปตอนนี้?
หากนางไม่หนีไป นางจะถูกคนอื่นตำหนิว่าไม่มีความรู้หรือไม่?
เมื่อเห็นว่าจ้าวซินเอ๋อร์เอาแต่ตกตะลึงและเงียบไป มู่ชวนจึงพูดช้า ๆ “พี่ซินเอ๋อร์ ครั้งต่อไปที่แม่ของข้าไปตลาด ก็จะช่วยนำตัวอย่างงานปักของป้าวังไปขายด้วย หากท่านต้องการขายตัวอย่างงานปักด้วย ท่านก็นำตัวอย่างงานปักของท่าน ไปมอบให้แม่ของท่าน แล้วแม่ของข้าจะพาแม่ของท่านไปที่ร้านขายผ้าอวี้เยว่ก็ได้”
เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนก็รู้สึกว่ามันสมเหตุสมผล เมื่อรู้ว่านี่คือลูกชายที่เคยหายตัวไปของหลี่เยว่หาน พวกเขาจึงยกนิ้วโป้งให้ และพยักหน้าชื่นชมเด็กที่มีเหตุผลและน่ารักคนนี้
“ข้า… ข้า…” ใบหน้าของจ้าวซินเอ๋อร์เปลี่ยนเป็นสีแดงทันที
ใครไม่รู้บ้างว่าวังหลานเป็นนักปักฝีมือเยี่ยม?
หากขายพร้อมกับตัวอย่างงานปักของวังหลาน นั่นจะไม่ทำให้ตัวเองอับอายแย่หรือ!
“พวกเจ้าทั้งครอบครัวรังแกข้า!” พูดจบ จ้าวซินเอ๋อร์ก็หันหลังปิดหน้า แล้ววิ่งหนีไปพลางร้องไห้
ขณะมองแผ่นหลังนางที่จากไป ชายหนุ่มที่พูดช่วยจ้าวซินเอ๋อร์ในตอนแรก ก็ก้มหน้าลงทันที “พี่หาน เหตุใดท่านต้องทำให้เพื่อนบ้านลำบากใจถึงเพียงนี้! แม้ว่าท่านจะไม่ช่วยก็ไม่เป็นอันใด แต่กลับปล่อยให้ลูกชายของท่านทำให้คนอื่นอับอาย!”
MANGA DISCUSSION