บทที่ 194 ช่างปัก
“ไม่ใช่ข้า แต่เป็นแม่ของเด็กชายตัวน้อยที่แบกหนังสือคนนั้น” หลี่เยว่หานพูดพร้อมกับวางมือข้างหนึ่งบนโต๊ะ ขณะมองเจ้าของร้าน แล้วพูดว่า “หากท่านรับตัวอย่างงานปักทั้งหมดนี้ไว้ ข้าสามารถแนะนำช่างปักคนนี้ให้ท่านได้ โดยไม่เก็บเงินค่าแนะนำด้วย”
เมื่อได้ยินดังนั้น เจ้าของร้านก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ “ร้านผ้าของเรามีช่างปักไม่ขาด”
“ช่างปักคนนี้ไม่เพียงแต่เก่งเรื่องฝีมือเท่านั้น แต่ยังอดทนต่อความยากลำบากได้อีกด้วย นางจัดส่งได้เร็ว ทั้งยังขอราคาต่ำ ท่านแน่ใจหรือว่าไม่ต้องการพิจารณาก่อน?” หลี่เยว่หานพูด พร้อมดันตัวอย่างงานปักไปตรงหน้าเจ้าของร้าน “ท่านบอกว่าตัวอย่างงานปักเหล่านี้ล้าสมัยไปแล้ว แต่ท่านก็จะเห็นได้ว่า ตัวอย่างงานปักเหล่านี้ไม่ใช่ของใหม่ บอกตามตรงว่าตัวอย่างงานปักเหล่านี้ เป็นฝีมือช่างปักคนนี้เมื่อสองปีก่อน ตอนนั้นลายปักเหล่านี้ยังไม่เป็นที่นิยมเลย ท่านว่าข้อตกลงนี้คุ้มค่าหรือไม่?”
หลี่เยว่หานพูดถูก ก่อนเข้าไปในร้านขายผ้า หลี่เยว่หานถามข่งซูเจี๋ยดูแล้ว และพบว่าเขาพบตัวอย่างงานปักเหล่านี้ในห้องแม่ของเขาเมื่อคืนนี้ พวกมันมีอายุอย่างน้อยหนึ่งหรือสองปี
หลังจากผ่านไปหนึ่งหรือสองปี ตัวอย่างงานปักนี้ยังสามารถเก็บรักษาไว้ได้เป็นอย่างดี ซึ่งแสดงให้เห็นว่าทักษะการปักของวังหลานนั้นดีมาก หากวังหลานสามารถเป็นช่างปักของร้านขายผ้าได้ นางก็น่าจะสามารถเลี้ยงดูข่งซูเจี๋ยได้
เธอไม่ได้อยากทำตัวเป็นแม่พระ เพราะวังหลานเกือบจะทำร้ายเธอมาก่อน แต่เมื่อเห็นข่งซูเจี๋ยโตเกินวัยเหมือนมู่ชวน เธอก็รู้สึกสงสารเขา เนื่องจากเขาต้องการช่วยแม่กอบกู้ชื่อเสียง เธอจึงจะช่วยเหลือเด็กชาย
“ช่างปักคนนั้นมาจากที่ใด? แล้วเจ้ามาจากที่ใดกัน?” เพราะเจ้าของร้านทำการค้า ย่อมต้องระมัดระวังเรื่องการรับคนเป็นธรรมดา
“ชื่อของข้าคือหานเยว่ ข้าเป็นชาวบ้านที่เพิ่งย้ายมาที่หมู่บ้านจางหนิงเมื่อเดือนที่แล้ว” หลี่เยว่หานตอบอย่างเปิดเผย “ช่างปักคนนี้ก็มาจากหมู่บ้านจางหนิงเช่นกัน ส่วนนางเป็นใครนั้น เนื่องจากท่านไม่ต้องการทำการค้ากับข้า งั้นข้าจะไม่บอกท่าน”
เมื่อได้ยินหลี่เยว่หานแนะนำช่างปักอย่างกระตือรือร้น แต่ช่างปักไม่ใช่นาง เจ้าของร้านก็อดสงสัยไม่ได้ “ในเมื่อช่างปักคนนี้ไม่ใช่เจ้า เหตุใดเจ้าถึงกระตือรือร้นถึงเพียงนี้?”
“อย่ากังวลไปเลย หากท่านตกลงก็ซื้อตัวอย่างงานปักพวกนี้ได้เลย ข้าจะขายให้ตามราคาจริง ฝีมืองานปักเช่นนี้ราคาต่ำสุดคือหนึ่งร้อยยี่สิบอีแปะ หากท่านต้องการ ครั้งหน้าที่ข้ามาตลาดอีก ข้าจะขอให้ช่างปักคนนี้ปักลายใหม่ให้ด้วย แต่หากขอลดราคา ข้าจะไปร้านผ้าอื่น”
หลังจากที่หลี่เยว่หานพูดจบ เจ้าของร้านก็ตกตะลึง “แม่นาง น่าเสียดายที่เจ้าเองไม่ได้ทำการค้า เจ้าพูดเก่งยิ่งนัก”
“ข้าไม่ได้ทำการค้า ข้าไม่รู้อะไรเลย สรุปแล้วท่านต้องการงานปักนี้หรือไม่ หากไม่ต้องการ ข้าจะไปแล้วนะ” หลี่เยว่หานพูดแล้วรินน้ำใส่แก้วดื่ม จากนั้นลุกขึ้นเตรียมเดินจากไป
“ต้องการ!” เจ้าของร้านกัดฟันพูด “หนึ่งร้อยยี่สิบอีแปะ ข้าอยากได้ตัวอย่างงานปักทั้งหมดนี้ หากครั้งต่อไปคุณภาพยังดีเช่นนี้อีก ข้าจะจ่ายให้ราคาสูง เจ้าบอกช่างปักคนนั้นด้วยว่านางต้องขายตัวอย่างงานปักให้ร้านของข้าได้เท่านั้น”
“ไม่ได้” หลี่เยว่หานปฏิเสธอย่างเฉียบขาด “ข้าได้บอกท่านไปแล้วว่าช่างปักคนนี้สามารถอดทนต่อความยากลำบาก ส่งสินค้าได้อย่างรวดเร็ว และคิดราคาถูกด้วย หากท่านไม่ได้วางแผนจะจ้างนาง นางก็จะไม่ทำการค้ากับท่านเป็นแน่ เพราะจำนวนตัวอย่างงานปักที่ท่านจะรับทุกเดือนก็มีจำกัด ดังนั้นหากนางทำการค้ากับท่านเช่นนี้ นางก็ต้องอดตายแน่”
หลี่เยว่หานกล่าว พร้อมกับมองเจ้าของร้านด้วยรอยยิ้ม
แม้เธอจะไม่รู้ว่าวังหลานคิดอย่างไรกับตัวเอง แต่หลี่เยว่หานรู้สึกว่าการที่นางยอมขายร่างกายเพื่อเลี้ยงดูลูกชาย ในเมื่อนางต้องการยืนหยัดหาเงินด้วยตัวเองเช่นนี้ แน่นอนว่านางย่อมไม่ปฏิเสธงานที่ลูกชายหามาให้
อีกทั้งทักษะการเย็บปักถักร้อยของวังหลานก็ยังดีมากด้วย จนหลี่เยว่หานรู้สึกว่าเจ้าของร้านจะไม่ปฏิเสธ
หลังจากที่หลี่เยว่หานพูดจบ เจ้าของร้านก็กัดฟันนับเงินหนึ่งร้อยห้าสิบอีแปะ แล้วส่งให้หลี่เยว่หาน “มาคุยกันก่อนเถิด ข้าจะให้เพิ่มอีกสามสิบอีแปะแก่เจ้า ไม่ใช่สำหรับตัวอย่างงานปัก แต่ให้เพื่อประโยชน์ของช่างปัก หากข้าจ่ายไปแล้วไม่ได้รับตัวอย่างงานปักใหม่ ข้าจะส่งคนไปถึงหมู่บ้านจางหนิงทันที”
“ไม่ต้องกังวล ข้าทำทุกอย่างด้วยความซื่อสัตย์ ข้าเพิ่งขายไส้เดือนให้กับท่านกวนที่ท่าเรือนี้เอง” หลี่เยว่หานรวบเงินร้อยอีแปะทองแดงเข้าด้วยกันอย่างพึงพอใจ จากนั้นทิ้งตัวอย่างงานปักไว้ แล้วเดินออกไป
ขณะมองดูแผ่นหลังของนาง เจ้าของร้านก็ตัวแข็งทื่อทันที
ให้ตาย! สตรีผู้นี้ขายของให้ท่านกวนได้จริง ๆ!
หลังจากออกจากประตูร้านขายผ้า หลี่เยว่หานก็มอบเงินทั้งหมดหนึ่งร้อยห้าสิบอีแปะให้กับข่งซูเจี๋ย และในที่สุดนางก็ได้เห็นสีหน้าที่ควรจะมีของเด็กในวัยนี้
“ตัวอย่างงานปักของท่านแม่ขายได้เงินเยอะถึงเพียงนี้เลยหรือ?!” ข่งซูเจี๋ยมองเหรียญอีแปะ แล้วมองหลี่เยว่หานด้วยความประหลาดใจ
“สิ่งที่ข้าขายไม่ใช่แค่ตัวอย่างงานปักของแม่เจ้าเท่านั้น แต่ยังรวมถึงฝีมือของแม่เจ้าด้วย” หลี่เยว่หานกล่าว “แม้ว่าข้าจะไม่ชอบแม่ของเจ้า แต่ทักษะการปักของแม่เจ้าก็ดีมากจริง ๆ หากเจ้าต้องการช่วยแม่ของเจ้ากอบกู้ชื่อเสียง เจ้าก็ต้องรับหน้าที่ช่วยแม่ของเจ้าทำงานปัก”
“เจ้าของร้านข้างในบอกว่าคราวหน้าที่เรามาตลาด แม่ของเจ้าจะต้องทำตัวอย่างงานปักใหม่สิบห้าชิ้น หากคุณภาพยังดีอยู่ เจ้าของร้านก็ยินดีรับแม่ของเจ้าเป็นช่างปักประจำร้าน ข้าเดาว่าแม่ของเจ้าคงจะไม่ปฏิเสธกระมัง”
หลังจากได้ยินดังนั้น ข่งซูเจี๋ยก็เก็บเงินไว้ในกล่องหนังสือ แล้วมองหลี่เยว่หานด้วยสีหน้าจริงจัง ก่อนพูดว่า “ท่านน้าหาน ท่านช่วยพาข้าไปสำนักศึกษาได้หรือไม่ขอรับ? ข้าอยากจะขอลาท่านอาจารย์”
สายตาของข่งซูเจี๋ยจริงจังและแน่วแน่มาก “ข้าอยากจะบอกท่านแม่ด้วยตัวเองว่าเกิดอะไรขึ้นที่ร้านขายผ้าวันนี้ขอรับ”
เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของข่งซูเจี๋ย หลี่เยว่หานก็จับมือเขา แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้ายังกังวลว่าจะโน้มน้าวแม่ของเจ้าอย่างไรอยู่พอดี ข้าเกรงว่านางจะคิดว่ามันยากเกินไป ที่จะทำตัวอย่างงานปักเยอะถึงเพียงนั้น จนไม่อยากทำ หากเจ้าพยายามเกลี้ยกล่อม นางคงจะไม่ปฏิเสธ”
“ขอบคุณขอรับ ท่านน้าหาน” ข่งซูเจี๋ยขอบคุณหลี่เยว่หานจากก้นบึ้งของหัวใจ
“เรื่องเล็กน้อย ไม่มีค่าควรแก่การเอ่ยถึงหรอก”
นางเดินตามข่งซูเจี๋ยไปสำนักศึกษา เฝ้ามองข่งซูเจี๋ยมอบใบลาให้อาจารย์ และหลังจากช่วยข่งซูเจี๋ยลาหยุดหนึ่งวันเสร็จก็เป็นเวลาบ่ายแล้ว
โชคดีที่หลี่เยว่หานได้ซื้อเสื้อผ้าทั้งหมดที่ต้องการซื้อให้หลิงซีเรียบร้อยตั้งแต่ตอนออกจากร้านขายผ้าอวี้เยว่แล้ว จึงไม่เสียเวลาอะไร
ระหว่างทางออกจากเมือง นางก็ซื้อเนื้อ เกลือและธัญพืชไปตลอดทาง จากนั้นหลี่เยว่หานพาเด็กทั้งสองขึ้นเกวียนของท่านอาหรง เพื่อกลับไปที่หมู่บ้านจางหนิง
หลังจากนำของทุกอย่างกลับบ้านแล้ว หลี่เยว่หานก็ติดตามข่งซูเจี๋ยไปที่บ้านสกุลข่ง
ก่อนเข้าไป หลี่เยว่หานเห็นวังหลานนั่งอยู่ที่ประตูห้องครัว โดยมีตะกร้าปักผ้าอยู่บนตัก นางกำลังปักอะไรบางอย่างอยู่ในมือ
“ท่านแม่” ข่งซูเจี๋ยเรียกนาง
วังหลานที่กำลังมุ่งความสนใจไปที่งานเย็บปักถักร้อย ตกใจมากกับเสียงที่ดังขึ้นอย่างกะทันหัน จนเกือบจะล้มตกจากเก้าอี้ เมื่อนางมองให้ดีก็เห็นว่าข่งซูเจี๋ยไม่ได้แบกกล่องหนังสือ ส่วนหลี่เยว่หานและลูกสาวก็กำลังเดินตามหลังเขามาด้วย จนนางอดไม่ได้ที่จะกังวล “ซู… ซูเจี๋ย เหตุใดเจ้าไม่ไปสำนักศึกษาเล่า?”
“ข้าไปมาแล้วขอรับ” ข่งซูเจี๋ยตอบ หลังจากพาหลี่เยว่หานเข้าบ้านแล้ว เขาก็ปิดประตูบ้าน
ข่งซูเจี๋ยยืนอยู่ในลานบ้าน ขณะมองหน้าวังหลานด้วยสีหน้าจริงจัง แล้วพูดว่า “เมื่อคืนข้าพบตัวอย่างงานปักทั้งหมดที่ท่านทำไว้ ท่านน้าหานช่วยขายพวกมันในราคาหนึ่งร้อยห้าสิบอีแปะ และท่านน้าหานก็ช่วยให้ท่านได้งานทำที่ร้านขายผ้าอวี้เยว่ด้วย ข้าเกรงว่าท่านจะไม่เห็นด้วยกับความมีน้ำใจของท่านน้าหาน ข้าจึงขอลาท่านอาจารย์หนึ่งวัน แล้วกลับมาเล่าเรื่องนี้ให้ท่านฟังขอรับ”
เมื่อวังหลานได้ยินสิ่งที่ลูกชายพูด นางก็อดไม่ได้ที่จะมองหลี่เยว่หานด้วยสีหน้าสับสน “เจ้า… เจ้าหางานให้ข้าได้อย่างนั้นหรือ?”
“ใช่” หลี่เยว่หานพยักหน้า “เจ้าของร้านขายผ้าอวี้เยว่ ชื่นชอบทักษะการปักของท่าน และบอกว่าท่านต้องทำตัวอย่างงานปักใหม่สิบห้าชิ้นไปส่ง ในครั้งต่อไปที่ข้าไปตลาด หากทักษะการปักของท่านยังดีเหมือนเดิม พวกเขาก็จะให้ท่านได้เป็นช่างปักประจำร้านขายผ้า”
หลังจากได้ยินดังนั้น วังหลานก็หลั่งน้ำตาในทันใด แล้วคุกเข่าลงตรงหน้าหลี่เยว่หาน ไม่เอ่ยคำใดสักคำ ทำให้หลี่เยว่หานตกใจมาก!
MANGA DISCUSSION