บทที่ 188 ข่มขู่แม่ม่ายข่ง
หลังจากได้ยินสิ่งที่แม่ม่ายข่งพูด แม่ม่ายฉางก็แอบด่านางในใจว่าไร้สมอง จากนั้นก็ยัดถุงยาใส่มือของแม่ม่ายข่ง แล้วลดเสียงลงขณะพูด “มันไม่ง่ายเลยที่จะได้สิ่งนี้มา เจ้าต้องระวังอย่าให้ใครเห็น ใช้แค่เพียงเล็กน้อยก็สามารถทำให้ตัวตนที่แท้จริงของนางนั่นถูกเปิดเผยออกมาได้แน่นอน”
แม่ม่ายข่งมองถุงยาที่แม่ม่ายฉางยัดไว้ในมือของตน แล้วอดตกใจไม่ได้ “เหตุใดข้าต้องไป?”
“เจ้าไม่ได้ทะเลาะกับหานเยว่หรอกหรือ ตอนนี้เจ้าสามารถใช้เป็นข้ออ้าง เพื่อบอกว่าเจ้ามาเพื่อขอโทษได้นี่” แม่ม่ายฉางไม่อยากเห็นคนอื่นอยู่เป็นสุข นางจึงวางแผนเล่นงานแม่ม่ายข่งอยู่ในใจ
สาเหตุมาจากแม่ม่ายข่งที่ทำธุรกิจเปลื้องผ้าเหมือนนางนั้นอายุน้อยกว่านางมาก จึงเป็นที่ชื่นชอบของผู้ชายมากกว่า นางจึงไม่พอใจอีกฝ่ายมานานแล้ว
ให้แม่ม่ายข่งลงมือในครั้งนี้ หากทำสำเร็จ หานเยว่ที่แสร้งทำตัวสูงส่ง ก็จะถูกฉีกหน้ากากออก แต่หากไม่สำเร็จ แม่ม่ายข่งก็อาจถูกไล่ออกจากหมู่บ้านจางหนิง ถึงตอนนั้นผู้ชายทุกคนในหมู่บ้านนี้ก็จะต้องเข้าหาแม่ม่ายเช่นนาง
ยิ่งคิดถึงเรื่องนี้ แม่ม่ายฉางก็ยิ่งพึงพอใจ นางฮัมเพลงเบา ๆ ขณะเดินกลับบ้าน เมื่อเห็นผู้ชายเดินผ่านมาก็ขยิบตาให้ทันที ครึ้มใจยิ่งนัก
ทว่าแม่ม่ายข่งไม่ค่อยพอใจนัก
แม้ว่านางจะเคยปรนเปรอเรือนร่างให้ผู้ชายหลายคนในหมู่บ้าน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่นางจะวางยาคน
เช้าวันรุ่งขึ้น แม่ม่ายข่งหยิบตะกร้าไข่ แล้วมุ่งหน้าไปที่บ้านของหลี่เยว่หาน ด้วยหัวใจที่กระสับกระส่าย
“น้องหานเยว่! น้องหานเยว่อยู่บ้านหรือไม่?” แม่ม่ายข่งที่อยู่หน้าประตูสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ สองสามที พยายามสงบสติอารมณ์ แล้วตะโกนเสียงดัง
สะใภ้โจวที่อาศัยอยู่ข้างบ้านของหลี่เยว่หาน ไม่อาจทนฟังเสียงแม่ม่ายข่งได้ ทันทีที่ได้ยินเสียง นางก็เปิดประตูทันที แล้วเริ่มด่าทอด้วยความโกรธเกรี้ยว “วิ่งมาแหกปากตะโกนหน้าบ้านคนอื่นแต่เช้า ทำตัวไร้มารยาทตลอด! ออกไป! อย่ามาทำให้พื้นหน้าบ้านน้องหานต้องแปดเปื้อน!”
สุดท้ายแม่ม่ายข่งก็เป็นสตรีหน้าบาง นางรู้สึกอับอายที่ถูกสะใภ้โจวเย้ยหยันอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้
เมื่อนางหันหลังเตรียมเดินจากไป หลี่เยว่หานก็เปิดประตู
“ใครเรียกข้า!” เสียงที่ชัดเจนของหลี่เยว่หานดังออกมา แล้วนางก็เปิดประตู
เมื่อเห็นแม่ม่ายข่ง หลี่เยว่หานก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “เหตุใดพี่ข่งมาเช้านัก? เมื่อกี้ท่านเรียกหาข้าหรือ?”
“ข้าเอง” แม่ม่ายข่งมองหลี่เยว่หานที่กำลังยิ้มอยู่ และรู้สึกว่าใบหน้าของตนเต็มไปด้วยความลำบากใจ “ครั้งที่แล้วข้าคิดว่าข้าเข้าใจเจ้าผิด ก็เลยอยากจะขอโทษเจ้าสำหรับสิ่งที่ข้าพูดไป ข้าจึงเก็บไข่ใส่ตะกร้าใบเล็ก ๆ ไว้ ถึงจะมีน้อยและไม่คุ้มค่ามากนัก แต่ก็สามารถช่วยบำรุงสุขภาพของเสี่ยวหลิงตังได้”
แม่ม่ายข่งฝืนยิ้ม แล้วยื่นตะกร้าไปตรงหน้าหลี่เยว่หาน จากนั้นเปิดผ้าที่คลุมไว้ ให้หลี่เยว่หานและสะใภ้โจวเห็นว่ามีไข่อยู่ข้างในมากกว่าหนึ่งโหล
เมื่อเห็นดังนั้น ก่อนที่หลี่เยว่หานจะพูดอะไร สะใภ้โจวก็หัวเราะเยาะ “นี่มันอีเห็นมาอวยพรปีใหม่ไก่จริง ๆ ละครยามเช้านี้มาจากไหนกัน? ไม่นานมานี้เจ้ามาด่าน้องหานและทำตัวหยาบคายใส่ ตอนนี้เมื่อเห็นว่าน้องหานแตกต่างจากเจ้า เหตุใดจึงรีบมาเอาใจนางเล่า?”
“พี่สะใภ้โจว” เมื่อหลี่เยว่หานได้ยินว่าสะใภ้โจวกำลังจะพูดจาหยาบคายจึงรีบห้ามไว้ “หลิงตังยังอยู่ในบ้าน ข้าไม่อยากให้นางได้ยินคำพูดไม่ดี ดังนั้นท่านก็คิดว่ามันเป็นเรื่องดีก็แล้วกัน~”
เมื่อพูดจบ หลี่เยว่หานก็มองไปที่สะใภ้โจวด้วยรอยยิ้มและสีหน้าอ่อนโยน
สะใภ้โจวและหลี่เยว่หานอาศัยอยู่บ้านติดกัน นางมีความประทับใจในตัวหลี่เยว่หานเป็นอย่างมาก และรู้ว่าอีกฝ่ายให้ความสำคัญกับลูกสาวมาก นางจึงถอนหายใจ แล้วพูดว่า “เอาล่ะ ข้าจะไม่ว่าอันใดเจ้า แต่เจ้าต้องคิดให้รอบคอบกว่านี้ แม้ว่าในหมู่บ้านจางหนิงของเราจะมีคนเลวไม่มากนัก แต่ตรงหน้าเจ้าก็มีคนเลวอยู่หนึ่งคน!”
หลังจากพูดจบ สะใภ้โจวก็จ้องมองแม่ม่ายข่ง แล้วหันหลังเดินจากไป
“ข้าจะจำสิ่งที่พี่สะใภ้บอกเจ้าค่ะ!” หลี่เยว่หานตอบเสียงดัง จากนั้นมองไปที่แม่ม่ายข่ง แล้วพูดว่า “พี่ข่งมาที่นี่แต่เช้าตรู่ คงยังไม่ได้กินข้าวเช้ากระมัง ในเมื่อพี่เอาไข่มาให้ข้า แล้วเหตุใดไม่ให้ทำอาหาร แล้วมากินข้าวเช้าที่บ้านข้าก่อนกลับเล่า”
หลังจากได้ยินดังนั้น ดวงตาของแม่ม่ายข่งก็เป็นประกาย
นางกำลังกังวลว่าจะไม่มีข้ออ้างเข้าบ้านตระกูลหานอยู่พอดี หานเยว่คนนี้รู้วิธีส่งหมอนให้ในเวลาที่เหมาะสมเสียจริง
เมื่อคิดได้ดังนั้น แม่ม่ายข่งก็รีบพยักหน้า แล้วเข้าไปในบ้านตระกูลหาน
นางไม่คิดเลยว่าเมื่อนางเดินผ่านหลี่เยว่หานไป หลี่เยว่หานก็กลอกตาโดยไม่มีรอยยิ้มบนใบหน้า จากนั้นปิดประตูตามปกติ
บ้านที่หลี่เยว่หานและหลิงซีอาศัยอยู่มีขนาดไม่ใหญ่นัก มีเพียงสามห้องและมีลานบ้านด้านหน้าเท่านั้น เมื่อเทียบกับบ้านหลังใหญ่ของตระกูลเมิ่ง ที่นี่เรียกได้ว่าเล็กมาก
ขณะที่แม่ม่ายข่งเข้ามา หลิงซีกำลังอ่านหนังสืออยู่ที่ลานบ้าน
ในเวลานี้ นางเริ่มชอบอ่านหนังสือมากขึ้นเรื่อย ๆ หลี่เยว่หานจึงขอให้ตวนอู่และจงชิว นำหนังสือที่ให้ความรู้มากมายมาให้หลิงซี บางครั้งเธอจะอธิบายให้หลิงซีทราบถึงส่วนต่าง ๆ ของหนังสือที่เด็กหญิงไม่เข้าใจ
หลังจากที่แม่ม่ายข่งเข้าประตูมา หลิงซีก็เพียงแค่เงยหน้าขึ้นมองนาง จากนั้นก้มหน้าลงแล้วอ่านต่อ
ด้วยเหตุผลบางอย่าง การเหลือบมองของหลิงซีทำให้แม่ม่ายข่งรู้สึกไม่ชอบใจนัก เมื่อนางหันกลับไปมอบไข่ให้หลี่เยว่หาน นางก็เห็นหลี่เยว่หานมายืนอยู่ข้างหลัง จนทำให้นางสะดุ้ง “เหตุใดเจ้ามาไม่ให้สุ้มให้เสียงเล่า”
หลังจากได้ยินดังนั้น หลี่เยว่หานก็เอียงคอยกยิ้ม “เสี่ยวหลิงตัง ดูสิว่าป้าข่งทำตัวเหมือนคนกินปูนร้อนท้องอย่างไร”
บัดนี้หลิงซีเงยหน้าขึ้นจ้องมองแม่ม่ายข่งอย่างจริงจัง จากนั้นพยักหน้า “ท่านแม่ ลูกเห็นแล้วเจ้าค่ะ”
“เจ้า… เจ้าหมายความว่าอย่างไร…” แม่ม่ายข่งเห็นสองแม่ลูกเป็นเช่นนี้ ก็รู้สึกหนาวสั่นไปทั้งร่าง เมื่อคิดจะวิ่งหนีก็พบว่าประตูถูกลงกลอนเสียแล้ว
“ข้าไม่ได้หมายถึงอะไรหรอก ข้าแค่อยากถามพี่ข่งว่าเหตุใดวันนี้ถึงมาหาข้า” หลี่เยว่หานพูด ขณะหยิบมีดทำครัวจากในครัวมาถือไว้ แล้วมองแม่ม่ายข่งด้วยรอยยิ้ม “ท่านบอกว่ามาที่นี่เพื่อขอโทษข้า แต่ข้าคิดว่าคงไม่เป็นเช่นนั้น”
“ข้า… ข้า…” แม่ม่ายข่งเป็นคนขี้กลัวมาแต่ไหนแต่ไร ในเวลานี้ นางรู้สึกผิดและกลัวจนแทบเป็นลม เมื่อโดนหลี่เยว่หานข่มขู่ นางถึงกับทรุดตัวนั่งลงบนพื้น
“ใช่” หลี่เยว่หานนั่งลงตรงหน้าแม่ม่ายข่ง พลางทำท่าทดสอบมีด แล้วพูดว่า “เมื่อวานข้าบังเอิญผ่านบ้านท่าน และได้ยินท่านคุยกับใครบางคน บอกว่าอยากเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของข้า ข้าจึงแปลกใจนัก ข้าไม่ใช่ปีศาจ แล้วข้าจะเปิดเผยตัวตนได้อย่างไร?”
เมื่อพูดจบ หลี่เยว่หานก็ยกมีดขึ้นมาตรงหน้าแม่ม่ายข่ง “ไม่ทราบว่าพี่ข่งอยากให้ข้าเปิดเผยตัวตนแบบไหนในวันนี้หรือเจ้าคะ?”
ยามนี้แม่ม่ายข่งตกใจกลัวมาก นางมองหลี่เยว่หานด้วยใบหน้าซีดเซียว แล้วพูดตะกุกตะกัก “พี่… พี่… พี่ฉาง… ให้ยาข้ามาหนึ่งห่อ… มาให้เจ้ากิน… มัน… มันคือยาประเภทนั้น…”
MANGA DISCUSSION