บทที่ 164 ไปพาอาหญิงของข้ากลับมา!
“ข้าไม่ได้ตั้งใจจะว่าอะไรน้องสะใภ้ ข้าแค่รู้สึกว่าไม่สามารถปล่อยให้เด็ก ๆ ได้รับการดูแลโดยคนที่ประมาทเช่นนางได้” จินเสวี่ยเอ๋อร์พูด ขณะที่นางดึงเก้าอี้เข้ามาใกล้เตียงมากขึ้น
เมิ่งฉีฮ่วนสนใจกับการเคลื่อนไหวเล็ก ๆ น้อย ๆ ของจินเสวี่ยเอ๋อร์ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
ความเงียบดังกล่าวทำให้ความกล้าหาญของหญิงสาวเพิ่มขึ้น นางหยิบหวีจากมือของเมิ่งฉีฮ่วนมาหวีผมของหลิงซีอย่างระมัดระวังแล้วพูดว่า “อย่างไรตอนนั้นข้าก็เฝ้าดูมู่ชวนเกิด …ดังนั้นข้าควรทำสิ่งต่าง ๆ ได้ดีกว่าน้องสะใภ้”
หลิงซีที่หลับตาปล่อยให้เมิ่งฉีฮ่วนหวีผมอยู่พักใหญ่ พลันลืมตาขึ้นมองจินเสวี่ยเอ๋อร์อย่างไม่พอใจ และบ่นกับชายหนุ่ม “ท่านอา! นางเพิ่งตีอาหญิง! ตอนนี้นางยังมาบอกว่าอาหญิงไม่ดี ท่านอาอย่าไปฟังนางนะ!”
หลังจากได้ยินเช่นนี้ เมิ่งฉีฮ่วนก็แทบจะหัวเราะด้วยความโกรธ
เห็นได้ชัดว่าเด็กหญิงรู้สึกไม่สบาย แต่นางก็ยังคิดที่จะฟ้องแทน หลี่เยว่หานไม่ได้เอ็นดูนางโดยเปล่าประโยชน์จริง ๆ
เมื่อหลิงซีพูดเช่นนี้ จินเสวี่ยเอ๋อร์ก็หยุดหวีผมเด็กหญิงไปครู่หนึ่ง และเริ่มโกรธกว่าเดิมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ “เจ้ากำลังพูดถึงเรื่องอะไร? …หลิงซีตัวน้อย ข้าจะพูดว่าอาหญิงของเจ้าไม่ดีได้อย่างไร?”
“นั่นคือสิ่งที่เจ้าพูด!” เมื่อหลิงซีเห็นนางหวีผมของตน ก็ลุกขึ้นยืนอย่างไม่มีความสุขทันที เด็กหญิงกอดผ้าห่มและนั่งบนเตียง พลางมองจินเสวี่ยเอ๋อร์อย่างระมัดระวัง “ไม่เพียงแต่เจ้าจะพูดจาไม่ดีกับอาหญิงของข้า เจ้ายังตีนางด้วย!”
หลังจากได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของจินเสวี่ยเอ๋อร์ก็เปลี่ยนเป็นสีแดงทันที
นางวางหวีลงเบา ๆ พลางยืนขึ้น แล้วถอนหายใจ โดยทำให้ดูเหมือนพยายามกลั้นน้ำตาอย่างหนัก “ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ชอบข้า แต่ทำไมเจ้าถึงโกหกได้ตั้งแต่อายุยังน้อย? ข้าไปตีคนเมื่อไหร่กัน? เห็นได้ชัดว่าอาหญิงของเจ้าตีข้า!”
หลังจากพูดแล้วนางก็หันหลังกลับ และเดินออกจากห้องราวกับว่านางถูกทำให้น้อยเนื้อต่ำใจเป็นอย่างมาก
เมื่อมองดูแผ่นหลังของนาง เมิ่งฉีฮ่วนก็ยิ้มอย่างเงียบ ๆ
“ท่านอา ท่านอา!” หลิงซีเตะเมิ่งฉีฮ่วนด้วยเท้าของนางด้วยสีหน้ากังวล “นางตีอาหญิงจริง ๆ นะ นางตีก่อน! ใบหน้าของอาหญิงถึงกับแดงด้วย จากนั้นอาหญิงเลยตีนาง!”
เมิ่งฉีฮ่วนซึ่งถูกหลิงซีเตะหลายครั้ง คว้าเท้าเล็ก ๆ ของนางมายัดไว้ใต้ผ้าห่ม แล้วพูดว่า “ข้ารู้”
“รู้อย่างนั้นแล้ว ท่านยังจะดุอาหญิงของข้าอีก!” หลิงซีจ้องมองเมิ่งฉีฮ่วนด้วยสีหน้าไม่มีความสุข
เมิ่งฉีฮ่วนรู้สึกยินดี เพียงไม่นาน นางก็เปลี่ยนจาก ‘อาหญิง’ เป็น ‘อาหญิงของข้า’ แล้ว หลี่เยว่หานไม่ได้รักเด็กหญิงตัวน้อยคนนี้โดยเปล่าประโยชน์จริง ๆ
“ถ้าอย่างนั้น ข้าจะไปขอโทษอาหญิงของเจ้าเดี๋ยวนี้ เจ้าจะนอนบนเตียงอย่างเชื่อฟังได้หรือไม่?” เมิ่งฉีฮ่วนถามอย่างจริงจัง
“ข้าจะนอนอย่างเชื่อฟัง ท่านไปพาอาหญิงของข้ากลับมานอนกับข้า! ไม่อย่างนั้นข้าจะหยิบกระถางไฟมาสาดใส่แม่เล็กของข้าซะ!” หลิงซีขมวดคิ้วและจงใจทำเสียงชั่วร้าย เหมือนกับเวลาที่หลี่เยว่หานจงใจทำตัวให้ดูน่ากลัว
“ตกลง ข้าจะไปพาอาหญิงของเจ้ากลับมาเดี๋ยวนี้” เมิ่งฉีฮ่วนพูดพลางกดหลิงซีให้นอนลงบนเตียง “แต่เจ้าต้องนอนก่อน”
ในที่สุดผมของหลิงซีก็แห้งสนิท เมื่อครู่นี้เขาพูดกับหลี่เยว่หานเสียงดังเพราะรีบร้อน ตนก็อยากจะอธิบายให้นางฟัง แต่จินเสวี่ยเอ๋อร์ยังอยู่ และผมของหลิงซียังคงชื้น ดังนั้นชายหนุ่มจึงไม่ได้สิ่งใดพูดออกไป
ตอนนี้จินเสวี่ยเอ๋อร์จากไปแล้ว และผมของหลิงซีก็แห้งสนิท เมิ่งฉีฮ่วนรู้สึกสงบขึ้นเล็กน้อย เมื่อเขาเห็นว่านางมีชีวิตชีวาและกระตือรือร้นที่จะขับไล่เขาให้ออกไปตามหลี่เยว่หาน
“ข้าจะนอนอย่างเชื่อฟังและรออาหญิงของข้า” หลิงซีนอนลงอย่างเชื่อฟังและเริ่มดึงผ้าห่มมาไว้ใต้คอของนาง เด็กหญิงมองเมิ่งฉีฮ่วนแล้วพูดว่า “ท่านไปพาอาหญิงของข้ากลับมาเดี๋ยวนี้!”
เมื่อเห็นท่าทางของเด็กหญิงตัวน้อย เมิ่งฉีฮ่วนก็พยักหน้า ย้ายกระถางไฟออกจากเตียง แล้วเดินออกไปอย่างสงบ
เมื่อกี้เขาได้ยินเสียงเตะประตู จึงคิดว่าหลี่เยว่หานอาจไปที่ห้องของหลิงซีเพื่อพักผ่อน
แต่พอเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าไม่มีใครอยู่ จึงอดขมวดคิ้วไม่ได้
หรืออาจจะอยู่… ในห้องของเขางั้นหรือ?
เมื่อนึกถึงจุดนี้ เมิ่งฉีฮ่วนก็หันหลังกลับและเดินไปที่ห้องของเขา
ขณะที่เขากำลังจะเดินเข้าประตูไป เขาก็ได้ยินเสียงสะอื้นของจินเสวี่ยเอ๋อร์ จึงอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้
ทำไมจินเสวี่ยเอ๋อร์ถึงอยู่ในห้องของเขาได้?
“ออกไป ได้ยินหรือไม่!” เสียงที่รุนแรงของหลี่เยว่หานดังมาจากข้างใน “ข้าไม่อยากเจอเจ้าตอนนี้!”
“แม่นางหลี่ โปรดฟังคำอธิบายของพี่สะใภ้ ข้ากังวลเรื่องของเด็ก ๆ มากเกินไปจริง ๆ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ข้าหยาบคายกับเจ้า” เสียงอ้อนวอนของจินเสวี่ยเอ๋อร์ดังขึ้น “เจ้าจะตีข้าหรือดุข้าก็ได้ …ข้าแค่อยากให้เจ้าใจเย็น ๆ อย่าโกรธเคืองข้าเลย!”
“เจ้าไม่เข้าใจคำพูดคนรึ?” หลี่เยว่หานหนาวมากจนหลับไป ทันใดนั้นผู้หญิงคนนั้นก็ยกผ้าห่มเธอขึ้น พอเห็นว่าตนตื่นแล้ว อีกฝ่ายก็เริ่มร้องไห้ “ข้าบอกให้เจ้าออกไป!”
“ข้าขอโทษ… ข้าขอโทษน้องสะใภ้ ข้า… ข้าแค่อยากขอให้เจ้ายกโทษให้ข้า” จินเสวี่ยเอ๋อร์ยังคงร้องไห้ “ข้าเป็นสตรี ครอบครัวของสามีข้าจากไปแล้ว ในที่สุดข้าก็หนีรอดมาได้และยังมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้ ข้า… ข้าอยากอยู่ดูแลเด็ก ๆ จริง ๆ พวกเขาเป็นสายเลือดของสามีข้า ข้า… อย่าไล่ข้าไปเลยนะ…”
“ข้าต้องการให้เจ้าออกไปจากห้องนี้!” หลี่เยว่หานรู้สึกถึงเส้นเลือดที่โผล่ขึ้นมาบนหน้าผากของตน “บิดาอยากให้เจ้าออกไปจากสายตาของบิดาเดี๋ยวนี้!”
ขณะยืนอยู่นอกประตู เมิ่งฉีฮ่วนอดไม่ได้ที่จะเงียบไป เมื่อเขาได้ยินหลี่เยว่หานเรียกแทนตัวเองว่า ‘บิดา’ คำแล้วคำเล่าจากข้างใน
ถ้านางคือบิดา… แล้วเขาคืออะไร… มารดา???
“น้องสะใภ้ ข้าจะคุกเข่าให้เจ้า ได้โปรดอย่าโกรธเลยนะ!” จินเสวี่ยเอ๋อร์ร้องไห้พลางพูด และนางก็คุกเข่าลงจริง ๆ ต่อหน้าหลี่เยว่หาน… โอ้! ไม่สิ คุกเข่าไปทางเตียงของเมิ่งฉีฮ่วนที่หญิงสาวกำลังนั่งอยู่
เมิ่งฉีฮ่วนซึ่งยืนอยู่ข้างนอกเพื่อฟังความตื่นเต้น ผลักประตูเปิดออก ก่อนจะเห็นจินเสวี่ยเอ๋อร์คุกเข่าต่อหน้าหลี่เยว่หาน กอดขาอ้อนวอนขอร้องให้อีกฝ่ายอย่าโกรธ
หลี่เยว่หานกำลังจะเตะผู้หญิงบ้าคนนี้ แต่เมื่อเห็นเมิ่งฉีฮ่วนเดินเข้ามา เธอก็สงบลง
แม้จะไม่รู้ว่าจุดประสงค์ของชาเขียวแซ่จินคืออะไร แต่หลี่เยว่หานมั่นใจว่าชาเขียวแซ่จินนั้นต้องการจะตอกลิ่มระหว่างเธอกับเมิ่งฉีฮ่วนจริง ๆ
ไม่อย่างนั้น จะบังเอิญอะไรขนาดนั้นที่เมิ่งฉีฮ่วนไม่เห็นตอนชาเขียวแซ่จินตบเธอ แต่พอเธอตบชาเขียวแซ่จิน เขากลับผลักประตูเปิดออกพอดี
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ หลี่เยว่หานก็บังคับตัวเองให้คุมสติ อย่าไปทักทายบรรพบุรุษของชาเขียวแซ่จินเลย
ขณะที่เมิ่งฉีฮ่วนกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง หลี่เยว่หานก็กระโดดขึ้นเตียงด้วยใบหน้าที่อ่อนแอและพูดว่า “พี่สะใภ้ เจ้ากำลังทำอะไรอยู่ ทำเช่นนี้ข้าจะอายุสั้นเอานะ!”
เมื่อเห็นจิตวิญญาณการแสดงครอบงำหลี่เยว่หาน เมิ่งฉีฮ่วนก็ไม่รีบร้อนที่จะพูดอะไร
จินเสวี่ยเอ๋อร์คงไม่เคยเห็นใครที่เปลี่ยนสีหน้าเร็วขนาดนี้ พริบตาหนึ่งเพิ่งตะโกนให้นางออกไป และพริบตาต่อมาก็เรียกพี่สะใภ้อย่างโน้นอย่างนี้ นางจึงไม่ตอบสนองไปครู่หนึ่ง
แต่หลี่เยว่หานตอบสนอง
หลังจากเธอกระโดดขึ้น จินเสวี่ยเอ๋อร์ก็ปล่อยขา ซึ่งหลังพูดแบบนี้ หลี่เยว่หานก็ทำใจแข็งกระโดดลงพื้น
เธอไม่เชื่อว่าเมิ่งฉีฮ่วนจะกล้าไม่รับตน!
MANGA DISCUSSION