บทที่ 163 ท่านมาคุ้นเคยอะไร?
หลังจากได้ยิน หลี่เยว่หานก็หันไปมองเมิ่งฉีฮ่วน ก่อนที่เธอจะทันได้พูดอะไร จินเสวี่ยเอ๋อร์ก็เริ่มร้องไห้แล้ว “ข้ารู้… ข้ารู้ว่าการที่ข้ามาที่นี่ทำให้เจ้าไม่มีความสุข แต่เจ้าไม่ควรใช้เด็กเช่นนี้!”
“ความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิยังไม่ผ่านไป ทั้งน้ำในแม่น้ำก็แข็งจนถึงกระดูก เจ้าทำเช่นนี้กับเด็กที่อายุน้อยเช่นหลิงซีได้อย่างไร!” จินเสวี่ยเอ๋อร์ร้องไห้อย่างหนัก เพื่อเทน้ำสกปรกใส่หลี่เยว่หาน
“เจ้าหมายความว่ายังไง?” หลี่เยว่หานจ้องไปที่จินเสวี่ยเอ๋อร์ “เจ้าหมายความว่าข้าผลักหลิงซีลงไปในน้ำหรือ?”
“ตอนนั้นเจ้าเป็นคนเดียวที่อยู่กับหลิงซี…” ดวงตาของจินเสวี่ยเอ๋อร์เปลี่ยนเป็นสีแดง นางจ้องมองหลี่เยว่หานอย่างไม่ยอมแพ้
เมิ่งฉีฮ่วนปิดประตูด้วยเท้า ก้าวไปข้างหน้า วางน้ำขิงเชื่อมลงบนโต๊ะ แล้ววางกระถางไฟไว้ข้างเตียง เขาอุ้มหลิงซีไว้ในอ้อมแขนโดยไม่พูดอะไร ก่อนป้อนชามน้ำขิงเชื่อมให้นาง จากนั้นก็จัดเด็กหญิงให้วางศีรษะไว้บนตักของตนและเริ่มเช็ดผมของนางให้แห้ง
เมื่อเห็นท่าทีของเมิ่งฉีฮ่วน หลี่เยว่หานก็ไม่พูดอะไรเลย เธอหยิบชามน้ำขิงเชื่อมขึ้นมาดื่มรวดเดียว จากนั้นก็เริ่มเช็ดผมของตนให้แห้ง
พูดตามตรง หลี่เยว่หานไม่ได้คิดอะไรเลยยามที่กระโดดเข้าไปช่วยหลิงซี ตอนนั้นตนโกรธจินเสวี่ยเอ๋อร์มากจนหัวร้อน แต่ตอนนี้เมื่อน้ำขิงเชื่อมร้อน ๆ ตกลงไปในท้องแล้ว หญิงสาวพลันพบว่าจริง ๆ แล้วเธอรู้สึกหนาวจนตัวสั่น
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครสนใจนาง จินเสวี่ยเอ๋อร์ก็ร้องไห้กับตัวเอง “น้องสาวเยว่หาน ตอนแรกข้าคิดว่าเจ้าจริงใจกับเด็กทั้งสอง …ข้าคาดไม่ถึงจริง ๆ ว่าเจ้าจะทำสิ่งนั้นเพื่อขับไล่ข้าออกไป”
หลังจากได้ยินเช่นนี้ หลี่เยว่หานก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอจ้องเมิ่งฉีฮ่วน แล้วพูดว่า “ท่านตายแล้วรึ! ไม่ได้ยินที่นางกล่าวหาข้ารึไง?”
เมื่อได้ยิน เมิ่งฉีฮ่วนก็เหลือบมองหลี่เยว่หานโดยไม่พูดอะไร
เมื่อเห็นท่าทางของชายหนุ่ม หลี่เยว่หานก็ใจสลาย เธออดถามไม่ได้ว่า “ท่านเองก็คิดว่าข้าผลักหลิงซีตกน้ำด้วยหรือ?”
“อย่าสร้างปัญหา” ดูเหมือนเมิ่งฉีฮ่วนจะหมดหนทาง “ช่วยอย่ามาตะโกนต่อหน้าเด็กด้วย”
เมื่อได้ยินแบบนี้ หลี่เยว่หานก็รู้สึกถึงความคับข้องใจที่พรั่งพรูขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจ “เมิ่งฉีฮ่วน เจ้ามันคนสารเลวไร้หัวใจ!”
หลังจากพูดคำเหล่านี้แล้ว หลี่เยว่หานก็ลุกขึ้นและออกจากห้องของตนไป
หญิงสาวไม่ทันตอบสนองจนกระทั่งออกมา
เธอจะไปทำไมกัน! นั่นห้องของเธอนะ!
แต่หลังจากที่ออกมาแล้ว ตนก็กลับไปไม่ได้ ไม่เช่นนั้นมันจะน่าอายเกินไป!
ขณะยืนอยู่ที่ประตูและครุ่นคิดสักพัก …ปกติเมิ่งฉีฮ่วนก็ดูแลหลิงซีดีอยู่แล้ว หลี่เยว่หานเองก็ไม่ได้กลัวแผนการในท้องของจินเสวี่ยเอ๋อร์ แม้ชายหนุ่มจะไม่พูดอะไร แต่หญิงสาวก็รู้อยู่แก่ใจว่าอีกฝ่ายหวงแหนหลิงซีแค่ไหน
ทว่าเมื่อเขาบอกว่าเธอกำลังสร้างปัญหา ตนก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป
ตุ๊กตาดินเผายังโกรธเป็น เป็นไปได้รึที่เธอจะปล่อยให้จินเสวี่ยเอ๋อร์ให้ร้ายเฉย ๆ?
เมื่อนึกถึงจุดนี้ หลี่เยว่หานก็เตะประตูห้องของเมิ่งฉีฮ่วนออก ก่อนนอนลงบนเตียงอย่างไม่คิดมาก จากนั้นก็พันผ้าห่มให้แน่น
เธอหนาวจริง ๆ
ว่ากันว่าฤดูใบไม้ผลินั้นหนาวเหน็บ ตอนนี้น้ำในแม่น้ำ น้ำแข็งเพิ่งละลายเสร็จและบริเวณที่มีชั้นน้ำแข็งหนายังคงเต็มไปด้วยก้อนน้ำแข็ง หลังจากลงไปในน้ำสักพัก หญิงสาวก็เปลี่ยนเสื้อผ้าพลางเช็ดผมให้หลิงซีในขณะที่ตนยังเปียกอยู่ ดังนั้นหลี่เยว่หานจึงตัวเย็นเยียบไปทั้งร่าง
ตอนนี้เมื่อเข้านอน ร่างกายของหญิงสาวก็รู้สึกอบอุ่นอยู่พักหนึ่ง หลี่เยว่หานรู้สึกเวียนหัว ก่อนจะหลับไปด้วยความง่วง
หลังจากที่หลี่เยว่หานจากไป จินเสวี่ยเอ๋อร์ก็เงียบลง
เมื่อครู่นี้หลี่เยว่หานใช้กำลังทั้งหมดเพื่อตบนาง ดังนั้นตอนนี้ใบหน้าของจินเสวี่ยเอ๋อร์จึงบวมเล็กน้อยเช่นกัน
แต่นางไม่ได้พูดอะไร หญิงสาวนั่งอยู่บนขอบเตียงด้วยดวงตาแดงก่ำ มองดูเมิ่งฉีฮ่วนเช็ดผมของหลิงซีอย่างระมัดระวัง และอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “เมิ่งหลาง เมื่อครู่ข้าผิดเอง ข้าไม่ควรอารมณ์เสียใส่แม่นางหลี่ แต่ข้าก็เป็นห่วงเด็ก ๆ…”
“ข้าบอกท่านแล้วให้เรียกข้าว่าน้องเหมิง และเรียกนางว่าน้องสะใภ้” เมิ่งฉีฮ่วนมุ่งความสนใจไปที่การเช็ดผมของหลิงซีให้แห้ง และเอามือแตะที่หน้าผากของเด็กหญิงเป็นครั้งคราว เผื่อว่านางจะเป็นไข้ ขณะพูด เขาไม่ได้เงยหน้าหรือมองคู่สนทนา
จินเสวี่ยเอ๋อร์ไม่คิดว่าเมิ่งฉีฮ่วนจะยังคงใส่ใจกับคำเรียกอยู่ ดังนั้นนางจึงอดไม่ได้ที่จะพูดอย่างเสียใจ “ข้าคุ้นเคยกับการเรียกเจ้าว่าเมิ่งหลาง…”
“ข้าก็เคยเรียกท่านว่าอนุเสวี่ย ข้าควรเรียกท่านว่าอนุเสวี่ยหรือไม่?” เมิ่งฉีฮ่วนเหลือบมองจินเสวี่ยเอ๋อร์
“นั่นไม่ใช่สิ่งที่ข้าหมายถึง…” จินเสวี่ยเอ๋อร์สะอื้นสองครั้ง เมื่อเห็นว่าเมิ่งฉีฮ่วนไม่ได้แสดงความเห็นอกเห็นใจต่อนาง นางจึงพูดอีกครั้ง “ข้าแค่… มันยากที่จะเปลี่ยนแปลง ข้าคุ้นเคย…”
“ข้าจำได้ว่าตอนนั้นเราเป็นแค่คนรู้จัก ท่านมาคุ้นเคยอะไร?” นอกจากหลี่เยว่หานแล้ว เมิ่งฉีฮ่วนก็ไม่เคยพูดจาดี ๆ กับผู้หญิงคนอื่นเลย
แม้แต่หวังเหอฮวาที่อยู่ตรงหน้าเขามานาน ก็ยังได้รับการปฏิบัติด้วยคำพูดเสียดสี
เมื่อวานที่เขามีท่าทีที่ดีต่อจินเสวี่ยเอ๋อร์ นั่นก็เพราะเขาคิดว่านางเป็นอนุข้างห้องของจงเจิ้งเสียน ตอนนี้จงเจิ้งเสียนกับภรรยาจากไปแล้ว เหลือเพียงจินเสวี่ยเอ๋อร์เท่านั้น ดังนั้นเมิ่งฉีฮ่วนจึงตั้งใจนับถือนางในฐานะพี่สะใภ้ของเขาจริง ๆ
แต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นรอยตบที่ชัดเจนบนใบหน้าของหลี่เยว่หาน เขาก็รู้สึกไม่พอใจ
แม้หญิงสาวจะตบจินเสวี่ยเอ๋อร์กลับและถูกเขาดุ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเมิ่งฉีฮ่วนจะพลาดรายละเอียดนี้ เมื่อประกอบกับความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับหลี่เยว่หาน เขาก็รู้ว่าอีกฝ่ายไม่เคยเป็นเป็นฝ่ายเริ่มสร้างปัญหา
ต้องเป็นจินเสวี่ยเอ๋อร์ที่ลงมือก่อน และหลี่เยว่หานสู้กลับ
แต่สิ่งเหล่านี้ล้วนไม่สำคัญ ตอนนี้เขาทุ่มเทหัวใจทั้งหมดให้กับหลิงซี
ร่างกายของหลิงซีแตกต่างจากเด็กทั่วไป เด็กหญิงถูกวางยาพิษตอนที่ยังอยู่ในครรภ์ นางเกิดมาพร้อมกับพิษในร่างกาย หากเด็กคนอื่น ๆ ตกลงไปในน้ำ พวกเขาอาจแค่ต้องขับเหงื่อออก ร่างกายก็จะสบายดี
แต่ถ้าหลิงซีเป็นหวัด นางจะมีไข้สูงอย่างแน่นอน และจะต้องนอนซมไปสองสามวันจึงจะอาการดีขึ้น
ตอนที่ไปต้มน้ำน้ำตาลทรายแดง เมิ่งฉีฮ่วนก็รีบเข้าไปในพื้นที่หลิงฉวนเพื่อเอาน้ำพุ และกลับมาดูสถานการณ์ของหลิงซี
“ข้าขอโทษ…” จินเสวี่ยเอ๋อร์ซึ่งถูกเมิ่งฉีฮ่วนกดดัน ก้มศีรษะลงพร้อมกับสะอื้น “ข้ากังวลเรื่องนี้เช่นกันจึงสับสนไป ดังนั้นอย่าถือสาข้าเลย”
“…” เมิ่งฉีฮ่วนไม่สนใจนาง
“อย่าโทษแม่นางหละ…อย่าโทษน้องสะใภ้เลยนะ นางยังไม่เคยคลอดบุตร ดังนั้นจึงไม่ระวังพอ”
หลังจากได้ยินสิ่งนี้ เมิ่งฉีฮ่วนก็เงยหน้าขึ้นและมองนางด้วยท่าทางแปลก ๆ
“ข้า… ที่ข้าพูดมีอะไรผิดหรือ?” เมื่อเห็นเมิ่งฉีฮ่วนมองนาง จินเสวี่ยเอ๋อร์ก็แสดงสีหน้างุนงงอย่างรวดเร็ว
หลังจากได้ยินสิ่งนี้ เมิ่งฉีฮ่วนก็ก้มหน้าลงอีกครั้ง หยิบหวีไม้ที่อยู่ข้างเตียงของหลี่เยว่หานมาหวีผมของหลิงซีอย่างระมัดระวัง “ไม่มีอะไรผิด …ท่านเองก็ไม่เคยคลอดบุตร แต่กลับมีความรอบคอบและเอาใจใส่อย่างหาได้ยากยิ่ง”
เมื่อเห็นเมิ่งฉีฮ่วนพูดเช่นนี้ จิตใจของจินเสวี่ยเอ๋อร์ก็ตื่นตัวขึ้นมาทันที
MANGA DISCUSSION