บทที่ 154 การต่อสู้ครั้งใหญ่
จินเสวี่ยเอ๋อร์ต้องการทำความสะอาดครัว เมิ่งฉีฮ่วนเองก็ไม่สามารถห้ามนางทำได้ ดังนั้นเขาจึงปล่อยให้นางทำไป
เขายังต้องรีบไปอธิบายเรื่องของจินเสวี่ยเอ๋อร์ให้หลี่เยว่หานฟัง เพราะเห็นสีหน้าของนางเมื่อครู่ เมิ่งฉีฮ่วนก็รู้ว่าหญิงสาวต้องเข้าใจอะไรบางอย่างผิดไป
ประตูห้องของหลี่เยว่หานถูกปลดล็อก เมื่อเมิ่งฉีฮ่วนผลักประตูเข้าไป เขาก็บังเอิญเห็นว่าหญิงสาวกำลังเก็บสัมภาระ และดูเหมือนว่านางกำลังจะจากไป ดังนั้นเขาจึงตื่นตระหนกทันที “เจ้ากำลังทำอะไรอยู่!?”
หลี่เยว่หานมองเมิ่งฉีฮ่วนอย่างเย็นชา ชี้ไปที่สิ่งของบนโต๊ะและพูดว่า “นี่คือสิ่งที่ข้าได้รับจากการทำธุรกิจในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา หนึ่งพันหนึ่งร้อยตำลึง ไม่ขาดไม่เกิน ข้าจะคืนให้เจ้าเดี๋ยวนี้ ข้าควรไปได้แล้ว”
“ไม่! ทำไมเจ้าถึงจะจากไปเล่า” เมิ่งฉีฮ่วนรีบคว้าตัวหลี่เยว่หาน กุมไหล่ของนางไว้และพูดว่า “ฟังข้าอธิบายก่อน จินเสวี่ยเอ๋อร์เป็นอนุขององค์รัชทายาทในตอนนั้น เมื่อมีเรื่องเกิดขึ้นในจวนองค์รัชทายาท นางก็วิ่งหนีด้วยความกลัว และมารู้ทีหลังว่ามู่ชวนกับหลิงซีได้รับการช่วยเหลือ นางจึงตามหามาตลอดทางจนถึงที่นี่”
“ตอนที่ข้าอยู่ในจวนขององค์รัชทายาท จินเสวี่ยเอ๋อร์ดูแลมู่ชวนเป็นอย่างดี ดังนั้นนางจึงอดกังวลเกี่ยวกับเด็กทั้งสองคนไม่ได้ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ข้าปล่อยให้นางอยู่”
“องค์รัชทายาทกับข้าสนิทกัน ข้าไม่อาจหยุดดูแลครอบครัวของเขาหลังจากที่เขาเสียชีวิตไปแล้วได้”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลี่เยว่หานก็หัวเราะออกมาด้วยความโกรธ “ใช่! ท่านดูแลแทนเขา ดังนั้นท่านจึงดูแลภรรยาและลูก ๆ ของเขาด้วย!” หลังจากพูด เธอก็ผลักเมิ่งฉีฮ่วนออกและกำลังจะจากไป
เมิ่งฉีฮ่วนจะยอมได้อย่างไร!
“เยว่หาน! ข้าอธิบายให้เจ้าฟังช้า ๆ ดีหรือไม่” เมิ่งฉีฮ่วนรู้สึกทรมานอย่างบอกถูก “จินเสวี่ยเอ๋อร์ใช้เงินเก็บทั้งหมดของนางเพื่อค้นหาหมู่บ้านไป๋อวิ๋นจากอำเภอหยวนซาน อย่างไรนางก็เป็นอนุขององค์รัชทายาท ข้าจึง… ข้าจะไล่นางออกไปแบบนี้ไม่ได้”
“ใช่ ท่านพูดถูก” หลี่เยว่หานพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า “งั้นข้าจะไป!”
หลังจากพูดจบเธอก็หันหลังกลับ และเดินออกไปอีกครั้ง
เมิ่งฉีฮ่วนหยุดนางไว้อีกครั้ง “ข้าบอกจินเสวี่ยเอ๋อร์แล้วว่าถ้านางต้องการอยู่ดูแลมู่ชวนกับหลิงซี นางก็อยู่ได้ แต่เจ้าเป็นคนตัดสินใจเรื่องในครอบครัว เจ้ายังต้องการอะไรอีก?”
“ข้าไม่ต้องการอะไร ข้าทนบรรยากาศอัดอั้นตันใจแบบนี้ไม่ได้!” ตอนนี้ความอดทนของหลี่เยว่หานหมดลง เธอผลักเมิ่งฉีฮ่วนอย่างแรง “เมิ่งฉีฮ่วน! ถามตัวเองเถิดว่าถ้าท่านเก็บจินเสวี่ยเอ๋อร์ไว้ที่นี่ แล้วข้าเล่า? ท่านรู้หรือไม่ว่าตอนนี้คนในหมู่บ้านพูดอะไรกัน? ทุกคนคิดว่ามู่ชวนและหลิงซีเป็นลูกของท่าน! แต่ตอนนี้จินเสวี่ยเอ๋อร์มาที่บ้านท่านแล้ว คนอื่นเขาบอกว่านางเป็นเมียคนแรกของท่าน แล้วตอนนี้ข้าเป็นอะไรเล่า!?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เมิ่งฉีฮ่วนก็ตะลึงไปครู่หนึ่งและพูดทันที “เจ้าคือภรรยาของข้า เจ้าเป็นเมียคนแรก!”
“ท่านพูดแบบนี้จริงหรือ?” หลี่เยว่หานมองไปที่เมิ่งฉีฮ่วน พร้อมกับเยาะหยัน “ข้ารู้ว่าผู้ชายในยุคของท่านคิดว่าสามภรรยาสี่อนุไม่แปลก แต่ขออภัย ข้า หลี่เยว่หาน ไม่สามารถยอมรับมันได้ วันนี้ท่านแสดงความเมตตารั้งจินเสวี่ยเอ๋อร์ไว้ เช่นนั้นข้าจะไป!”
“เจ้าไปไม่ได้!” เมิ่งฉีฮ่วนจับไหล่ของหลี่เยว่หานไว้แน่น “ข้าสามารถชี้แจงข้อนินทาของคนอื่นได้ แต่ข้าไม่สามารถอยู่ได้โดยปราศจากเจ้าได้!”
“ลืมมันไปเถอะ! สิ่งที่ท่านต้องการคือผู้หญิงที่ดูแลมู่ชวนกับหลิงซี คน ๆ นั้นจะเป็นจินเสวี่ยเอ๋อร์หรือข้าก็ได้ ปล่อย!”
“ข้าไม่ปล่อย!” เมิ่งฉีฮ่วนเคยเห็นในความทรงจำของหลี่เยว่หานถึงวิธีที่ผู้ชายและผู้หญิงเข้ากันได้ในยุคของนาง ดังนั้นเขาจึงรู้ว่านางหลงใหลในการครองคู่เดียวตลอดชีวิต
แต่เขาไม่มีอะไรกับจินเสวี่ยเอ๋อร์ เขาจะต้องไม่ปล่อยหลี่เยว่หานออกไปแบบนี้ มิฉะนั้นเขาจะไม่สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจน
“เยว่หาน ข้ารู้ว่าเจ้าโกรธเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก” เมิ่งฉีฮ่วนไม่รู้ว่าจะเกลี้ยกล่อมผู้หญิงอย่างไร และเขาเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับบุญคุณเป็นอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงพูดซ้ำคำเดิมสองสามคำ “จินเสวี่ยเอ๋อร์นับเป็นคนเคียงหมอนของพี่ชายข้าในอดีต ข้าไม่สามารถขับไล่คนออกไปได้”
“เมิ่งฉีฮ่วน มารดาของท่านป่วยหรือ?” หลี่เยว่หานสบถตรง ๆ “ท่านรั้งคนเคียงหมอนของพี่ชายไว้เพื่ออะไร? ดูแลลูกของพี่ชายท่านไม่พอ แต่ท่านต้องดูแล ดูแลอนุของพี่ชายของท่านด้วยหรือ เช่นนี้เหตุใดท่านถึงไม่แต่งงานกับจินเสวี่ยเอ๋อร์ มู่ชวนและหลิงซีจะได้เป็นลูกของท่านอย่างถูกต้องตามกฎหมายไปเลยเล่า!”
“เจ้าพูดแบบนั้นไม่ได้!” เมิ่งฉีฮ่วนกระวนกระวายจนลิ้นแทบพันกัน “เจ้าเป็นภรรยาที่ข้าแต่งงานด้วย และข้าไม่สามารถแต่งกับคนอื่นได้!”
“ท่านลืมไปแล้วหรือว่าท่านซื้อข้าคืนจากพรรคมัจฉามังกรด้วยเงิน” หลี่เยว่หานมองไปที่เมิ่งฉีฮ่วน “ท้ายที่สุดข้าก็เป็นแค่สาวใช้ ทำไมท่านถึงยังให้ข้าอยู่ที่นี่อีก? เพื่อรับใช้ท่านกับจินเสวี่ยเอ๋อร์ ผู้เป็นนายทั้งสองรึ?”
“นั่นไม่ใช่สิ่งที่ข้าหมายถึง” เมิ่งฉีฮ่วนเหงื่อตก “ยังไงก็ตาม เจ้าไปไม่ได้!”
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ขับไล่จินเสวี่ยเอ๋อร์ออกไป!”
“นางไม่มีที่ไปแล้วล่ะ…”
“งั้นข้าจะไป!”
“ไปไม่ได้!”
หลังจากถามตอบวนไปมาสักพัก หลี่เยว่หานก็โยนภาระลงบนเตียงด้วยความโกรธ “ท่านต้องการอะไรกันแน่!”
เมื่อเห็นหลี่เยว่หานปล่อยสัมภาระลง เมิ่งฉีฮ่วนก็รู้สึกสบายใจ “ข้าแค่อยากใช้เวลากับเจ้า จินเสวี่ยเอ๋อร์มาที่นี่เพื่อดูแลมู่ชวนกับหลิงซีเท่านั้น อย่าเข้าใจข้าผิดไป ในตอนนั้นองค์รัชทายาทเมตตาข้ามาก และข้าจะเนรคุณไม่ได้”
“ท่านช่วยดูแลเด็กสองคนก็เพียงพอแล้ว!” หลี่เยว่หานจ้องเมิ่งฉีฮ่วน
“แค่พักหนึ่ง!” เมิ่งฉีฮ่วนดูเหมือนจะตัดสินใจได้ เขานั่งยอง ๆ ต่อหน้าหลี่เยว่หาน และมองไปที่หญิงสาวอย่างจริงจัง “ข้ารู้ว่าเจ้าโกรธ แต่เมื่อจินเสวี่ยเอ๋อร์มา นางบอกว่าของมีค่าทั้งหมดไม่เหลือแล้ว นางก็เป็นคนยากจนเหมือนกัน เจ้าจะยอมให้นางอยู่ในบ้านของเราระยะหนึ่งได้หรือไม่ เมื่อถึงวันชุนเฟิง*[1]สิ้นสุดลง ข้าจะไปหาท่านปู่ซุนเพื่อเช่าบ้านในหมู่บ้าน เพื่อที่นางจะได้มีที่พัก”
หลังจากได้ยินเรื่องนี้ แม้หลี่เยว่หานจะยังไม่เต็มใจ แต่เธอก็ยังทำน้ำเสียงอ่อนลง “ท่านช่างดูแลทุกอย่างจริง ๆ เมื่อกี้ท่านบอกจะไปในเมืองเพื่อซื้อผ้าห่มให้นาง ตอนนี้บอกว่าจะช่วยนางเช่าบ้าน พรุ่งนี้ท่านอยากช่วยนางคุยเรื่องการแต่งงานหรือไม่เล่า?”
“ถ้ามีคู่ที่เหมาะสม และถ้านางเต็มใจ ข้าจะขอให้แม่สื่อมาและพูดคุยเกี่ยวกับการแต่งงานให้นางอย่างแน่นอน” เมิ่งฉีฮ่วนสัญญาอย่างจริงจัง
“ท่านป่วยหรือ!” หลี่เยว่หานสาปแช่ง ถอดรองเท้า พลิกตัวและนอนลงบนเตียงโดยเอาผ้าห่มคลุมหัว เธอไม่ต้องการคุยกับเมิ่งฉีฮ่วน ชายหนุ่มหน้าตายอีกต่อไป
เมื่อเห็นว่าในที่สุดหลี่เยว่หานก็ไม่เอะอะและต้องการที่จะจากไป เมิ่งฉีฮ่วนก็แอบเช็ดเหงื่อที่ไหลออกมาจากหน้าผาก เขานั่งลงบนขอบเตียงอย่างระมัดระวัง พร้อมพูดว่า “ข้าจะไม่เก็บนางไว้นานเกินไป ข้ารู้ว่ามันไม่เหมาะสม ถือว่าเป็นการทำบุญ และให้ที่พักพิงแก่นางชั่วคราว อย่าโกรธกันเลยนะ?”
“รีบอยู่ห่างจากข้าซะ!” ขณะห่มผ้า หลี่เยว่หานรู้สึกแสบจมูกและน้ำตาไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
แต่หญิงสาวไม่ต้องการให้เมิ่งฉีฮ่วนเห็นตนแบบนี้ ดังนั้นเธอจึงเริ่มไล่คนออกไปด้วยเสียงที่ดุร้าย
“ตกลง ข้าไม่รบกวนเจ้าแล้ว เจ้าพักผ่อนก่อนเถอะ ข้าจะไป… ข้าจะไปดูมู่ชวนกับหลิงซี” เมิ่งฉีฮ่วนต้องการไปในเมืองเพื่อซื้อของใช้ประจำวันสำหรับจินเสวี่ยเอ๋อร์ แต่เมื่อคำพูดมาถึงริมฝีปาก ความปรารถนาที่จะมีชีวิตรอดของชายหนุ่มก็ทำให้เขาเปลี่ยนคำพูดทันที
[1] วันชุนเฟิง คือ เป็นช่วงที่กลางวันและกลางคืนมีเวลาเท่ากัน
MANGA DISCUSSION