บทที่ 142 พบท่านปู่ซุน
“ข้าไม่ได้พบท่านปู่ซุน” หลี่เยว่หานรู้สึกเหนื่อยและหงุดหงิด “ระหว่างทางข้าพบครอบครัวหลี่ ดังนั้นข้าจึงกลับมา”
หลังจากได้ยินเรื่องนี้ มู่ชวนก็เห็นว่าหลี่เยว่หานหยิบแต่ขวดเกลือกลั่นออกมาและไม่เห็นเนื้อตุ๋น ดังนั้นเขาจึงคาดได้คร่าว ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นจึงเอ่ยปลอบใจ “ตอนอาหญิงกลับไป หาตะกร้ามาใส่สิ่งของต่าง ๆ เถอะขอรับ พอปิดตะกร้าแล้ว พวกเขาก็จะไม่สามารถมองเห็นหรือฉกฉวยของได้”
“อืม” หลี่เยว่หานพยักหน้า เธอเดินไปที่ห้องเก็บผัก
ก่อนที่อากาศจะเย็นลง หลี่เยว่หานได้หมักกะหล่ำปลีดองหนึ่งโหลและทำปลาดองเหล้าไว้ หญิงสาววางแผนที่จะใช้กะหล่ำปลีดองกับปลาดองเหล้าทำมื้อกลางวัน วันนี้เมิ่งฉีฮ่วนไม่อยู่บ้าน เธอจึงมักจะเหม่อลอยอยู่เสมอ และก็ไม่มีกระจิตกระใจที่จะทำอาหารนัก
เถาองุ่นในสวนหลังบ้านเริ่มปกคลุมหลังคาโรงเก็บของแล้ว แต่หลี่เยว่หานไม่กลัวว่าเถาองุ่นจะไม่รอด อย่างไรเถาองุ่นนั้นก็ทนความหนาวเย็นได้ดีมาก ทว่าพริกป่าที่เธอปลูกไว้เหี่ยวเฉาเล็กน้อย และทุกวันนี้พวกตนก็ไม่กล้ารดน้ำเพราะกลัวว่ามันจะถูกแช่แข็งและทำให้รากเสียหาย
ซีอิ๊วเองก็ถูกหมักแล้ว สุราข้าวฟ่างก็ถูกปิดผนึก ส่วนทางน้ำส้มสายชูข้าวยังคงหมักอยู่ ทว่าตอนนี้ไม่มีเนื้อสัตว์ที่จะทำเนื้อตุ๋นในฤดูหนาวแล้ว หลี่เยว่หานหาเรื่องทำเรื่อยเปื่อยอยู่ครู่หนึ่ง
เมื่อผู้คนว่างงาน จึงง่ายที่จะฟุ้งซ่าน
หลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จ หลี่เยว่หานก็รู้สึกไม่สบายใจ ดังนั้นเธอจึงหั่นเนื้อตุ๋นอีกชิ้น ตุ๋นแล้วใส่ชาม จากนั้นใส่ห่อผ้าแล้วออกไป
“พี่ชาย ทำไมอาหญิงถึงดูไม่มีความสุขนักเล่า?” ขณะมองดูหลี่เยว่หานจากไป หลิงซีก็ถามมู่ชวนขึ้น
“เพราะอาหญิงเป็นห่วงท่านอา ไม่ใช่ว่านางไม่มีความสุข เพียงแต่กังวลเกินไป” มู่ชวนพูดพลางพาหลิงซีกลับไปที่ครัว สองพี่น้องนั่งลงที่โต๊ะ มู่ชวนก็เริ่มทำการสอนให้หลิงซีอ่านตำรา
ครั้งนี้หลี่เยว่หานไม่ได้พบกับหวังเฟิ่ง และมาถึงบ้านท่านปู่ซุนอย่างราบรื่น พวกเขากำลังจะกินข้าวพอดี หญิงสาวหยิบเนื้อตุ๋นของตัวเองออกมาวางบนโต๊ะในเวลาที่เหมาะสม แล้วเอ่ยถาม “ข้าต้องการจะพูดสองสามคำกับท่านปู่ซุน แต่ข้าไม่รู้ว่าท่านจะสะดวกหรือไม่?”
ภรรยาของหลานชายท่านปู่ซุนเป็นสตรีที่มีคุณธรรมและมีความสามารถ เมื่อนางเห็นหลี่เยว่หานนำเนื้อร้อนชามใหญ่เช่นนี้มาในวันที่อากาศหนาวเย็น นางก็พยักหน้าทันที “สะดวกสิ สะดวก ท่านพ่อของข้าอยู่ข้างใน เข้ามา เข้ามานั่งก่อน!” หลี่เยว่หานถูกพาเข้าไปในครัว
ท่านปู่ซุนกำลังนั่งหลับอยู่หน้าเตา เมื่อได้ยินเสียง เขาก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น
เมื่อเห็นว่าเป็นหลี่เยว่หาน ท่านปู่ซุนจึงพยักหน้า แล้วโบกมือให้ลูกสะใภ้ออกไปก่อน จากนั้นก็ขอให้หญิงสาวนั่งลงตรงข้ามเขาและพูดว่า “เจ้ามาที่นี่เพื่อถามเกี่ยวกับคนในครอบครัวของเจ้าใช่หรือไม่?”
“เจ้าค่ะ” หลี่เยว่หานพยักหน้ารับ “สองสามวันมานี้ ข้ารู้สึกไม่สบายใจนัก ทว่าเขาไม่ได้บอกอะไรข้าเลย ข้ารู้สึกจนปัญญาจริง ๆ…”
หลังจากได้ยิน ท่านปู่ซุนก็พยักหน้า “เจ้าเป็นคนดี ไม่แปลกใจเลยที่เสี่ยวเมิ่งจะทุ่มเททำเพื่อเจ้า”
“ทุ่มเท?” หลี่เยว่หานงงงวย “ท่านปู่ซุน ข้าไม่ค่อยเข้าใจที่ท่านกล่าวนักเจ้าค่ะ”
“ในตอนนั้น เจ้าถูกพี่ชายสามคนของบ้านหวังทุบตีจนอยู่ในสภาพปางตายไปแล้วครึ่งหนึ่ง” ท่านปู่ซุนอธิบายอย่างช้า ๆ “ท่านเก้าที่คนในครอบครัวของเจ้าไปตามหา เขาเป็นหัวหน้าของพรรคมัจฉามังกร และเป็นหนี้ชีวิตเสี่ยวเมิ่ง อีกทั้งพี่น้องสามคนของบ้านหวังมักเป็นฝ่ายรุกรานพรรคมัจฉามังกร ดังนั้นท่านเก้าจึงออกไปจัดการชายทั้งสามด้วยตัวเอง”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของหลี่เยว่หานก็เบิกกว้าง
เธอเคยสาบานกับหวังเหอฮวาว่าการตายของสามพี่น้องบ้านหวังไม่เกี่ยวอะไรกับตน แต่นี่…
“แม้ท่านเก้าแห่งพรรคมัจฉามังกรจะเก่งกาจ แต่เขาก็มีศัตรูมากมาย หลังจากเหตุการณ์นั้น ที่อยู่ของท่านเก้าจึงถูกเปิดเผย ดังนั้นคนของเจ้าจึงเข้าไปมีส่วนร่วมในเรื่องนี้อีกครั้ง เมื่อเร็ว ๆ นี้ เขาก็กำลังยุ่งกับเรื่องพวกนี้นี่แหละ” ท่านปู่ซุนหาวขณะที่เขาพูด
“แต่ไม่ต้องห่วง ไม่มีปัญหา เป็นแบบนี้ทุกปี เดี๋ยวก็ผ่านไป” พูดจบท่านปู่ซุนก็ยืนถือไม้เท้า “ข้าได้ยินว่าเจ้าเอาเนื้อตุ๋นมาให้ผู้เฒ่าเช่นข้ารึ?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลี่เยว่หานก็รีบดึงสติกลับมา ก้าวไปข้างหน้าเพื่อพยุงท่านปู่ซุน และพูดว่า “ใช่เจ้าค่ะ อุ่นมาจากที่บ้าน”
“เจ้ามีน้ำใจจริง ๆ” ท่านปู่ซุนพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ลุกขึ้นและออกจากครัว
หลี่เยว่หานก็ออกมาเช่นกัน และหลังจากปฏิเสธคำชวนให้ทานอาหารของครอบครัวซุนอย่างสุภาพแล้ว หญิงสาวก็จากมา
หลี่เยว่หานไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพรรคเหล่านี้ และเธอก็ไม่เคยคิดว่าเมิ่งฉีฮ่วนจะเกี่ยวข้องกับคนอย่างท่านเก้า แม้เขาจะพูดก่อนหน้านี้ว่ามีข้อตกลงกับพรรคมัจฉามังกร แต่หญิงสาวคิดเสมอว่าอีกฝ่ายคุ้นเคยกับพวกลูกน้องเท่านั้น
อีกทั้งเธอยังไม่เคยคิดว่าพรรคมัจฉามังกรจะเป็นพรรคที่ใหญ่ที่สุดของเมืองหลิวชิงในยามนี้…
หลังจากคิดถึงเรื่องนี้ หลี่เยว่หานก็มาถึงบ้านหลี่อีกครั้ง
ในตอนนี้ หวังเฟิ่งกำลังสนทนาอย่างมีความสุขกับคนกลุ่มหนึ่ง และเสียงหัวเราะก็ดังไปถึงหูของหลี่เยว่หาน
เมื่อหญิงสาวกลับมามีสติ หลี่เยว่หานก็ต้องการหลีกเลี่ยงหวังเฟิ่ง แต่สะใภ้หลิวก้าวออกมาจากด้านหลังและคว้ามือเธอ “เกิดอะไรขึ้น? เจ้าเหม่อลอยเช่นนี้ หวังเฟิ่งรังแกเจ้าอีกแล้วหรือ? ไปกันเถอะ ข้าจะไปขอคำอธิบายให้เจ้า!”
ในขณะที่พูดนั้น นางก็กำลังจะลากหลี่เยว่หานไปสร้างปัญหาให้กับหวังเฟิ่ง
เมื่อเห็นเช่นนี้ หลี่เยว่หานจึงรีบคว้าตัวสะใภ้หลิวไว้ “ไม่ นางจะสร้างปัญหาอะไรให้ข้าได้ เพราะตอนนี้นางท้องอยู่ นางจึงคิดว่าข้าไม่กล้ายุ่งกับนาง” อันที่จริงหลี่เยว่หานก็ไม่อยากยุ่งกับหวังเฟิ่งจริง ๆ มิฉะนั้นถ้ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับท้องของอีกฝ่าย ด้วยนิสัยของหวังเฟิ่ง นางจะต้องใช้ประโยชน์จากมันอย่างแน่นอน
หลังจากได้ยินเรื่องนี้ สะใภ้หลิวก็ถอนหายใจ “แปลกซะจริง หวังเฟิ่งจะท้องในวัยนี้ได้อย่างไร ข้าได้ยินมาว่าหลี่หรงหรง น้องสาวของเจ้าก็ท้องเช่นกัน แต่ข้าก็ได้ยินมาว่าแม้ว่าหลี่หรงหรงจะท้อง แต่นายน้อยหลิ่วก็ยังคงโปรดปรานเหอฮวา ซึ่งข้าก็คิดว่าเช่นนั้นถูกแล้ว ยังไงเหอฮวาก็เป็นเด็กสาวผู้บริสุทธิ์ที่แต่งเข้าตระกูลหลิ่ว”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลี่เยว่หานก็ตระหนักได้ทันทีราวกับรู้แจ้ง
อีกด้าน เมืองหลิวชิง หอเซียนเมามาย
เวินเทียนเหล่ยและเมิ่งฉีฮ่วนนั่งลงตรงข้ามกัน
เมิ่งฉีฮ่วนดูใจเย็นและสงบนิ่ง แต่เวินเทียนเหล่ยกลับรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
“ข้าไม่คิดเลยว่าจะเป็นท่าน” เวินเทียนเหล่ยถอนหายใจ “ข้าแค่อยากรู้ว่าทำไมจู่ ๆ ท่านเก้าถึงฆ่าชายทั้งสามคนนั้น ดังนั้นข้าจึงอยากซื้อข่าวจากกัวอี้ แต่ไม่คาดว่าท่านเก้าจะเป็นท่าน”
ตอนนี้เมิ่งฉีฮ่วนสวมชุดคลุมยาวสีดำ เสื้อตัวในสีแดงเข้ม สวมแหวนที่นิ้วหัวโป้งซ้าย ดวงตาเคร่งขรึม เขาดูแตกต่างจากปกติอย่างสิ้นเชิง
“เจ้าสนใจท่านเก้าหรือหลี่เยว่หาน?” เมิ่งฉีฮ่วนถาม
“ข้าไม่สนใจทั้งสองอย่าง” เวินเทียนเหล่ยยิ้ม “ข้าแค่สงสัยว่าอวี๋ปิงซู แม่ของหลี่เยว่หานมาปรากฏตัวในหมู่บ้านเฮยถู่ได้อย่างไร”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เมิ่งฉีฮ่วนก็กระตุกยิ้มของเขา “พูดไปแล้ว เจ้าก็ยังต้องการตรวจสอบเยว่หาน”
“ท่านไม่คิดว่าตัวเองแปลกไปหรือ?” เวินเทียนเหล่ยมองเมิ่งฉีฮ่วน “ทำไมท่านจึงปกป้องหลี่เยว่หานมากถึงเพียงนี้?”
MANGA DISCUSSION