บทที่ 95 วิธีการจับพู่กัน
ช่วงบ่าย ภายใต้การต้อนรับอันอบอุ่นของเวินเทียนเหล่ย เมิ่งฉีฮ่วนและหลี่เยว่หานจึงได้รับประทานอาหารอย่างหรูหรา
เพียงแต่อาหารรสเลิศในสายตาของเวินเทียนเหล่ยและคนอื่น ๆ หลี่เยว่หานทานไปแล้วกลับรู้สึกเฉย ๆ เพียงแค่เครื่องปรุงรสของแคว้นตงฮั่นนั้นรสชาติไม่ค่อยดี มิเช่นนั้น อาหารชนิดเดียวกันเมื่ออยู่ในมือเธอแล้วก็จะมีรสชาติที่แตกต่างกันมาก
หลังจากทานอาหารกลางวันแล้ว เวินเทียนเหล่ยก็จัดให้หลี่เยว่หานไปพักผ่อนในห้อง ส่วนตัว และเมิ่งฉีฮ่วนก็เดินไปยังโรงเตี๊ยมที่พวกเขาจองไว้ด้วยกัน เพื่อนำเนื้อตุ๋นห้าไหและหนังสัตว์ที่เมิ่งฉีฮ่วนล่ามา ย้ายไปยังโกดังสินค้าของตระกูลเวิน
เมื่อหลี่เยว่หานตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็ใกล้ถึงเวลาที่นัดเจรจากับพ่อค้าต่างชาติไว้แล้ว
หลี่เหยว่หานมองดูข้อมูลที่เวินเทียนเหล่ยมอบให้ตนซ้ำอีกครั้ง หลังจากมั่นใจแล้วว่าไม่มีส่วนใดตกหล่นไป หญิงสาวก็เดินตามเวินเทียนเหล่ยและเมิ่งฉีฮ่วนที่แสร้งปลอมตัวเป็นท่านชายผู้ร่ำรวยไปยังห้องหมายเลขหนึ่งในหอเซียนเมามาย
เมื่อเข้าประตูไป กลิ่นธูปหอมของพ่อค้าต่างชาติก็เตะจมูก จนหลี่เยว่หานอดขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้
กลิ่นกายของคนผู้นี้รุนแรงนัก แม้จะใช้ธูปหอมกลิ่นแรงเช่นนี้ก็ยังไม่สามารถกลบกลิ่นได้…
“สวัสดีท่านเยวเค่อ นี่คือล่ามที่ข้าเชิญมา แม่นางเมิ่ง นางเชี่ยวชาญในภาษาต่างแดน นางจะมาช่วยในเรื่องการสื่อสารเจรจาการร่วมมือกันของพวกเราในครั้งนี้” เมื่อเดินเข้ามา เวินเทียนเหล่ยจึงแนะนำหลี่เยว่หาน แต่ละสกุลของนางไว้ โดยใช้เพียงสกุลของเมิ่งฉีฮ่วนแทน
เมิ่งฉีฮ่วน ‘สะบัด’ พัดในมือที่ไม่รู้เอามาจากที่ใดออก ก่อนจะเขย่ามันด้วยท่าทางตุ้งติ้งและมีท่าทางเหลาะแหละ “ท่านเยวเค่อ ครั้งนี้แม่นางเมิ่ง ล่ามที่สหายเวินเชิญมานั้นเป็นคนของข้า เกรงว่านางจะประมาทจนเกิดความผิดพลาดในการร่วมมือที่สำคัญในครั้งนี้ ดังนั้นข้าจึงมากับนาง ท่านเยวเค่อคงจะไม่ถือสาเอาความใช่หรือไม่”
“ได้อย่างไรกัน ไม่เป็นไร ๆ!” เห็นได้ชัดว่าเยวเค่อจะรู้จักกับเมิ่งฉีฮ่วน ดังนั้นถึงแม้เวินเทียนเหล่ยที่พาพวกเขาทั้งสองเข้าประตูมาจะมีความความกังวลใจในแววตาเล็กน้อย แต่เมื่อเมิ่งฉีฮ่วนพูดขึ้นมา เยวเค่อจึงทำลายความกังวลใจเหล่านั้นลงไปได้
“เชิญทุกท่านนั่งลงเถิด”
เวินเทียนเหล่ยที่เป็นเจ้าภาพนั้น นั่งลงตรงหัวโต๊ะ เยวเค่อที่เป็นแขกจึงนั่งลงฝั่งตรงข้ามของเวินเทียนเหล่ย ส่วนเมิ่งฉีฮ่วนนั่งลงไขว่ห้างลงข้างหน้าต่าง มองไปยังกลุ่มคนที่หลั่งไหลเข้ามา ด้วยสีหน้าราวกับบัณทิตเจ้าสำอาง
“แม่นางเมิ่ง เริ่มเลยเถิด” เวินเทียนเหล่ยจึงวางข้อมูลที่ได้ให้หลี่เยว่หานอ่านเมื่อตอนเช้าลงตรงหน้านาง
หลี่เยว่หานพยักหน้ารับ ลุกขึ้นยืนและเริ่มพลิกกระดาษหน้าแรก ถึงแม้จะไม่คล่องนัก แต่ก็สามารถแปลข้อมูลภาษาอังกฤษโบราณในส่วนแรกให้เยวเค่อฟังได้อย่างแม่นยำ
ในตอนแรก เยวเค่อเพียงแค่ฟังไปเรื่อย ๆ เท่านั้น
แต่เมื่อฟังการอธิบายของหลี่เยว่หาน สีหน้าของเยวเค่อจึงค่อย ๆ จริงจังขึ้นมา
เมื่อหลี่เยว่หานอธิบายในส่วนแรกจบ ถึงแม้จะใช้การออกเสียงได้ไม่แม่นยำมากนัก แต่คำที่ใช้นั้นนับว่าถูกต้อง และในตอนสุดท้ายยังเอ่ยถามเขาว่ายังสงสัยเรื่องใดหรือไม่ เยวเค่อก็ตกตะลึงจนอ้าปากค้างไปเสียแล้ว
“ท่านเวิน แม่นางเมิ่งผู้นี้ช่างเก่งยิ่งนัก!” เยวเค่อเอ่ยชื่นชมหลี่เยว่หาน ยกมือทั้งสองพลางชูนิ้วหัวแม่มือขึ้นมา “นี่คือการบรรยายที่ถูกต้อง เรียบง่าย และตรงไปตรงมาที่สุดที่ข้าเคยฟังมา!”
“ท่านเยวเค่อ เราเรียกมันว่าการแปล” เวินเทียนเหล่ยพูดอย่างพึงพอใจ “แม่นางเมิ่งผู้นี้ ท่านสามารถเรียกนางว่าล่ามเมิ่งได้! ”
“ล่ามเมิ่ง! ยอดเยี่ยมจริง ๆ!” เยวเค่อปรบมือพลางมองไปยังหลี่เยว่หาน “ข้าไม่มีคำถามใด ๆ แล้ว! สามารถอธิบายส่วนต่อไปได้เลย!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลี่เยว่หานก็พยักหน้า และพลิกกระดาษไปยังส่วนถัดไป และเริ่มอธิบายเนื้อหาด้านใน
เธอดูออกว่าเยวเค่อผู้นี้ใช่ว่าจะฟังภาษาจีนไม่ออก เพียงแค่คำศัพท์หลาย ๆ คำในภาษาจีน เขาไม่สามารถเข้าใจได้
หลี่เยว่หานใช้วิธีที่ง่ายที่สุด เพื่อถ่ายทอดเนื้อหาที่เวินเทียนเหล่ยมอบให้แปลออกมาเป็นภาษาพูดให้เยวเค่อฟัง เขาจึงสามารถเข้าใจเนื้อหาได้อย่างง่ายดาย
ทุกขั้นตอน เยวเค่อตั้งใจฟังเป็นอย่างมาก และยังนำพู่กันขนนกมาจดบันทึกข้อมูลต่าง ๆ ลงไป จากนั้นจึงเริ่มต่อรองราคาบางอย่างกับเวินเทียนเหล่ย
ในส่วนนี้ หลี่เยว่หานได้ถ่ายทอดคำพูดให้เขาฟังอย่างครบถ้วนโดยไม่ตกหล่นแม้แต่น้อย
หลังจากผ่านการพบกันหลายครั้ง การเจรจาค้าขายมูลค่าเกือบสองแสนตำลึงก็จบลง ขณะเดียวกัน ‘ถานไคว่’ ของหลี่เยว่หานก็ถูกเวินเทียนเหล่ยตีราคาขูดเลือดขูดเนื้อไปถึงไหละสามร้อยตำลึง
ในตอนแรกเยวเค่อไม่เห็นด้วย แต่เมื่อได้ชิมรสชาติแล้วเขาจึงตอบตกลงโดยไม่ต่อรองเรื่องราคา จึงทำให้หลี่เยว่หานรู้สึกคาดไม่ถึง
หลังจากทั้งสองฝ่ายได้ประทับตราสัญญาณข้อตกลงกันเรียบร้อย หลี่เยว่หานจึงทำการคัดลอกเป็นภาษาต่างประเทศทั้งสองฉบับ เมื่อทั้งสองฝ่ายได้ลงนามแล้ว ต่างก็เก็บสำเนาไว้ เป็นอันว่าการเจรจาในครั้งนี้ได้จบสิ้นลง
เดิมที ในช่วงเย็นเวินเทียนเหล่ยวางแผนจะเชิญหลี่เยว่หานและเมิ่งฉีฮ่วนไปทานอาหารร่วมกับเยวเค่อ แต่เมิ่งฉีฮ่วนบอกว่าเหนื่อย เลยลากหลี่เยว่หานเดินออกไป
หลี่เยว่หานจึงไม่สามารถทำอะไรได้ ทำได้เพียงกลับไปยังโรงเตี๊ยมพร้อมกับเขา
เมื่อกลับไปถึงโรงเตี๊ยม หลี่เยว่หานรีบไปนั่งยังโต๊ะเครื่องแป้ง ปลดผ้าคลุมหน้าออก ปล่อยผมยาวที่ถูกม้วนอยู่บนศีรษะมาตลอดทั้งวันลง พลางพูดออกมาอย่างสบาย ๆ “เมิ่งฉีฮ่วน ท่านช่วยเติมน้ำให้ข้าหน่อย ข้าจะล้างหน้า รู้สึกว่าผิวแทบจะหายใจไม่ออกแล้ว”
“ได้” เมิ่งฉีฮ่วนรีบทำตามทันที ก่อนที่หลี่เยว่หานจะรู้ตัวว่าตนนั้นออกคำสั่งกับเมิ่งฉีฮ่วน เขาก็ผลักประตูเดินออกไปเสียแล้ว เพื่อไปเตรียมน้ำล้างหน้าให้เธอ
เมื่อมองดูใบหน้าของตนที่ถูกแต่งแต้มจนหนาผ่านกระจกทองสัมฤทธิ์นี้ หลี่เยว่หานไม่กล้าเชื่อว่านี่จะเป็นใบหน้าของตน
เหตุใดเธอจึงคิดไม่ถึงว่า การเรียนรู้ภาษาโบราณกับชาวท้องถิ่นในตอนที่ไปเป็นอาสาสมัครเพื่อฆ่าเวลานั้น วันหนึ่งจะมีประโยชน์เช่นนี้ และยังช่วยให้เธอหาเงินได้มากอีกด้วย!
เนื้อตุ๋นห้าไหถูกขายให้แก่เวินเทียนเหล่ย หนึ่งไหสามสิบตำลึง ห้าไหเป็นเงินหนึ่งร้อยห้าสิบตำลึง เวินเทียนเหล่ยนำไปขายในราคาไหละสามร้อยตำลึง เป็นกำไรถึงสิบส่วนคือหนึ่งร้อยห้าสิบตำลึง และวันนี้ได้เป็นล่ามให้พวกเขา เพราะใช้เวลานาน เวินเทียนเหล่ยจึงมอบให้เธออีกหนึ่งร้อยตำลึง
หลี่เยว่หานไม่แม้แต่จะกล้าคิดว่าระยะเวลาเพียงครึ่งวัน ตนจะสามารถหาเงินได้ถึงสี่ร้อยตำลึง
เมื่อเมิ่งฉีฮ่วนถืออ่างล้างหน้าเข้ามาภายในห้อง ก็ได้เห็นหลี่เยว่หานจิ้มใบหน้าที่ดูไร้เดียงสาของตนไม่หยุดอยู่หน้ากระจก ชายหนุ่มจึงอดยิ้มออกมาไม่ได้ “เลิกจิ้มได้แล้ว หากจิ้มต่อไปเช่นนี้ ใบหน้าของเจ้าคงจะทะลุเอาได้”
“เมิ่งฉีฮ่วน วันนี้ข้าหาเงินได้ถึงสี่ร้อยตำลึง!” หลี่เยว่หานหันมาพลางพูดโอ้อวด “อีกไม่นาน ข้าก็จะสามารถใช้หนี้หนึ่งพันหนึ่งร้อยตำลึงคืนได้!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ จากใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มอบอุ่นของเมิ่งฉีฮ่วนจึงแข็งทื่อขึ้นมาทันที “เจ้ารอไม่ไหวที่จะจากข้าไปเพียงนี้เชียวหรือ?”
“ไม่ใช่ ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น” หลี่เยว่หานรีบอธิบายออกมา “ข้าเพียงแค่รู้สึกว่า การชดใช้หนี้คืนนั้น ทำให้เรามีความเท่าเทียมกันได้”
“อย่างนั้นหรือ?” เมิ่งฉีฮ่วนก้มตัวลงวางน้ำอุ่นลงบนโต๊ะเครื่องแป้งของหลี่เยว่หาน นั่งลงด้านข้างนาง บิดผ้าให้หมาดและประคองคางของนางไว้ ก่อนจะเริ่มเช็ดเครื่องสำอางออก
“ข้าทำเองได้” หลี่เยว่หานรู้สึกประหม่าเล็กน้อย
เมิ่งฉีฮ่วนกลับไม่ยอมปล่อยมือ เขายังคงถือวิสาสะเช็ดใบหน้าของนางและพูดขึ้นมาอย่างไม่สนใจ “ข้าเห็นวิธีการจับพู่กันขนนกของเยวเค่อ ดูคล้ายกับเจ้ายิ่งนัก”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หัวใจของหลี่เยว่หานจึงเต้นแรง ‘ตึก ๆ’ รู้สึกกระวนกระวายขึ้นมาทันที
MANGA DISCUSSION