บทที่ 93 การส่งออก
ถ้าหากไม่เห็นด้วยตาตัวเอง เมิ่งฉีฮ่วนแทบไม่อยากจะเชื่อว่าหญิงสาวที่งดงามและมีเสน่ห์ตรงหน้านี้จะเป็นหลี่เยว่หานที่ดูบอบบางเมื่อก่อนหน้านี้
แตกต่างกันมากเสียจริง…
หลังจากทานอาหารเช้าง่าย ๆ แล้ว ขณะที่อยู่บนรถม้าเพื่อเดินทางไปยังหอเซียนเมามายนั้น เมิ่งฉีฮ่วนอดไม่ได้ที่จะมองหลี่เยว่หานครั้งแล้วครั้งเล่า มองจนหลี่เยว่หานรู้สึกอึดอัด หญิงสาวจึงค่อย ๆ เก็บเนื้อเก็บตัวเล็กน้อย
“อีกครู่หนึ่ง เมื่อพบกับเวินเทียนเหล่ย เรามาปั่นหัวเขาเสียหน่อยเถิด” หลี่เยว่หานเห็นเมิ่งฉีฮ่วนตกตะลึงเช่นนี้ ก็อดนึกเล่นสนุกขึ้นมาไม่ได้ ไม่รู้ว่าเวินเทียนเหล่ยจะตอบโต้เช่นไร เพียงแค่คิดเธอก็ตื่นเต้นเสียแล้ว
เมื่อนึกไปถึงตอนที่เธอไปเป็นอาสาสมัครในประเทศที่ยากจน เวลาว่างส่วนใหญ่มักจะหมดไปกับการเล่นเกมลีกออฟเลเจ็นดส์ หรือไม่ก็ดูคลิปวีดีโอบิวตี้บล็อกเกอร์ชื่อดังบนยูทูป เงื่อนไขในตอนนั้นง่ายมาก แต่หลี่เยว่หานกลับสามารถใช้เครื่องสำอางในมือที่มีอยู่อย่างจำกัด แต่งหน้าตามคลิปวีดีโอของบิวตี้บล็อกเกอร์ได้
กลุ่มเพื่อนในตอนนั้นต่างก็พูดกันว่า หากหลี่เยว่หานไม่เป็นอาสาสมัคร เมื่อกลับประเทศแล้ว หากคิดจะเปิดร้านเสริมความงามนั้นก็นับว่าดีเลยทีเดียว
“ไม่ได้ ข้าไม่อยากให้เขาเห็นเจ้าในสภาพเช่นนี้” เมิ่งฉีฮ่วนปฏิเสธข้อเสนอของหลี่เยว่หานทันทีโดยไม่คิดใด ๆ “สภาพเจ้าในตอนนี้ดูเกินจริงไป”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลี่เยว่หานก็เป่าผ้าคลุมหน้า “เดิมทีก็ไม่ได้คิดจะทำตัวให้เป็นจุดสนใจนัก เช่นนั้นท่านตั้งใจสวมชุดคลุมสีฟ้านี้มาทำไมกัน? เท่าที่จำได้ ท่านสวมมันเพียงครั้งเดียวเท่านั้น”
หลังจากเมิ่งฉีฮ่วนเปลี่ยนเป็นชุดยาวสีฟ้านี้แล้ว นอกเสียจากจะดูแตกต่างจากท่าทางเยือกเย็นและดูเหมือนอันธพาลในวันปกติแล้ว ยังดูราวกับพวกหนอนหนังสือและดูเหมือนพวกคนร่ำรวยที่ดูฟุ่มเฟือยอีกด้วย
“…” เมิ่งฉีฮ่วนสำลักกับคำพูดของหลี่เยว่หานจนพูดไม่ออก ชายหนุ่มทำเพียงหมุนตัวและมองไปนอกหน้าต่าง
เพียงไม่นานรถม้าก็มาถึงหอเซียนเมามาย
ตามเวลานัดที่พวกเขาตกลงกันเมื่อสิบวันก่อน ขณะนี้เวินเทียนเหล่ยน่าจะรอพวกเขาอยู่ภายในห้องใดห้องหนึ่งของหอเซียนเมามายแล้ว
ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดคนสมัยก่อนจึงเชื่อใจผู้อื่นง่าย ๆ เช่นนี้ หรือเวินเทียนเหล่ยจะไม่คิดว่าหากเมื่อถึงเวลานัดแล้ว เธอและเมิ่งฉีฮ่วนไม่มาแล้วจะทำเช่นไร?
รถม้าจอดเทียบอยู่หน้าประตูทางเข้าหอเซียนเมามาย เมิ่งฉีฮ่วนช่วยประคองหลี่เยว่หานและถือชายกระโปรงที่ค่อนข้างหนักลงจากรถม้า และเสี่ยวเอ้อร์ได้นำทางพวกเขามาถึงห้องที่นัดไว้
เมื่อเปิดประตูเข้าไป เวินเทียนเหล่ยนั่งชงชาอยู่ด้านในแล้ว ดื่มชาไปพลาง และรอพวกเขาทั้งสอง
“นายน้อยเวิน” เมิ่งฉีฮ่วนตะโกนเรียกเขาขึ้นมา และแสดงความเคารพเช่นบัณฑิต
เวินเทียนเหล่ยลุกขึ้นยืนเพื่อแสดงความเคารพกลับ สายตากลับมองไปยังด้านหลังเขา “สหายเมิ่ง ฮูหยินเมิ่งล่ะ?”
“ฮูหยินร่างกายไม่แข็งแรง ข้าจึงให้นางพักผ่อนอยู่ที่จวน” เมิ่งฉีฮ่วนตอบกลับด้วยใบหน้าเรียบเฉย “นี่คือล่ามภาษาต่างประเทศที่ข้าหามาอีกคนหนึ่ง”
“ไม่ได้ ๆ” เวินเทียนเหล่ยโบกมือปฏิเสธหลี่เยว่หานโดยไม่แม้แต่จะคิด “ใช่ว่าข้าจะเชื่อใจผู้ใดได้ง่าย ๆ สหายเมิ่ง เจ้าทำเช่นนี้ดูจะเสียชื่อเสียแล้ว! แม้จะบอกว่าฮูหยินเมิ่งร่างกายไม่แข็งแรง เจ้าก็ควรจะส่งจดหมายมาบอกข้าล่วงหน้าเสียก่อน!”
“ทักษะภาษาต่างประเทศของหญิงผู้นี้ไม่ด้อยไปกว่าฮูหยินของข้าสักนิด เหตุใดจึงไม่ได้กัน?” เมิ่งฉีฮ่วนใช้หลังฝ่ามือเพื่อดันประตูให้ปิดลง พร้อมทำท่าทาง “ได้ก็คือได้ ไม่ได้ก็ต้องได้”
เมื่อเห็นเช่นนั้น เวินเทียนเหล่ยอยากจะร้องไห้แต่ไร้ซึ่งน้ำตา “ข้าเชื่อใจท่านและฮูหยินจึงมอบหมายงานสำคัญเช่นนี้ให้พวกท่าน ท่านก็ยุ่งเกินไป แม้ทักษะทางภาษาของแม่นางผู้นี้จะไม่ด้อยไปกว่าฮูหยินเมิ่ง แต่ข้าไม่เชื่อใจนาง ข้าไม่มีทางยอมให้นางมาช่วยสื่อสารเรื่องการค้าของข้าแน่!”
เมื่อเห็นเวินเทียนเหล่ยร้อนใจจนเหงื่อตก ในที่สุดหลี่เยว่หานก็ทนต่อไปไม่ไหว จึงก้าวออกไปแสดงความเคารพในแบบชาวต่างชาติกับเวินเทียนเหล่ย “นายน้อยเวินจำข้าไม่ได้จริง ๆ”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่คุ้นเคย เวินเทียนเหล่ยก็เบิกตากว้าง มองพิจารณาหลี่เยว่หานครั้งแล้วครั้งเล่า เมื่อเห็นว่าเมิ่งฉีฮ่วนเหมือนจะไม่พอใจ จึงพูดขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ “ท่าน ท่านคือฮูหยินเมิ่ง? คือ…ฮูหยินเมิ่ง หลี่เยว่หาน?”
“ข้าเอง” หลี่เยว่หานยิ้มรับ
“แตกต่างกันเกินไป…ไม่ได้ ข้าไม่เชื่อ เจ้าปลดผ้าคลุมหน้าออกให้ข้าดูซะ!” เวินเทียนเหล่ยจ้องมองหลี่เยว่หานอย่างไม่เชื่อสายตา
เมื่อเห็นเช่นนั้น หลี่เยว่หานจึงมองไปยังเมิ่งฉีฮ่วนอย่างลำบากใจ ก่อนจะปลดผ้าคลุมหน้าออก
เวินเทียนเหล่ยมองซ้ายทีขวาทีอยู่นาน ในที่สุดเมื่อมั่นใจแล้วว่าเป็นหลี่เยว่หานจริง ๆ จึงตบต้นขาของตนทันที “สวรรค์! ทักษะการปลอมตัวของฮูหยินเมิ่งนั้นไม่เป็นสองรองใครจริง ๆ! หากไม่ใช่เพราะลักษณะใบหน้าที่คุ้นเคยที่พอจะมองออกได้ ข้าคงจะไม่คิดว่าเป็นท่านจริง ๆ!”
เวินเทียนเหล่ยพูดพลางเชื้อเชิญสองสามีภรรยาไปนั่งยังโต๊ะน้ำชา หลังจากรินชาใส่จอกให้พวกเขาแล้ว จึงพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “สหายเมิ่งท่านก็เช่นกัน เหตุใดจึงทำให้ข้าตกใจเช่นนี้ ไม่รู้หรือว่าข้าขี้กลัวเพียงใด ไม่เหมาะกับเรื่องน่าตกใจเช่นนี้!”
“จะว่าอย่างไรล่ะ ในการทำกิจการนั้นจะต้องมีจิตใจที่แน่วแน่” หลังจากเมิ่งฉีฮ่วนยกจอกชาขึ้นดื่มอย่างช้า ๆ ก็วางจอกชาลงพลันพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ถ้าหากสหายเวินรับมือกับเล่ห์เหลี่ยมเล็กน้อยเช่นนี้ไม่ได้ ถ้าหากกิจการเกิดล้มเหลว อาจจะเจ็บปวดยิ่งกว่า”
เมื่อถูกเมิ่งฉีฮ่วนพูดเช่นนี้ เวินเทียนเหล่ยก็รู้สึกว่ามีเหตุผลเช่นกัน เขาตบโต๊ะยกจอกชาขึ้น ยื่นไปยั่งเมิ่งฉีฮ่วนและหลี่เยว่หานพลางพูด “วันนี้เป็นเพราะข้ามีตาแต่หามีแววไม่ จึงจำฮูหยินเมิ่งไม่ได้ และยังใจร้อนไม่เชื่อใจสหายเมิ่ง ข้าจะใช้ชาแทนสุราในการลงโทษตนเอง!”
พูดจบ เขาจึงยกจอกชาขึ้นดื่มหมดภายในอึกเดียว
จากนั้นเขาจึงยื่นมือไปยังเด็กผู้ชายที่อยู่ด้านหลัง เพื่อรับกองเอกสารมาและส่งให้แก่หลี่เยว่หาน พลางพูดขึ้น “ฮูหยินเมิ่ง นี่เป็นข้อมูลที่ต้องพบกับชาวต่างประเทศในวันนี้ ส่วนเรื่องของเวลาจะเป็นหลังจากยามเว่ย พบกันในห้องนี้ ท่านลองทำความเข้าใจเนื้อหาที่เราต้องเจรจากันคร่าว ๆ เสียก่อนเพื่อที่จะได้เตรียมตัว”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลี่เยว่หานจึงรับกองเอกสารนั่นมา พลิกดูหน้าแรกและอ่านเพียงไม่กี่ประโยคก็ชะงักไป “สหายเวินคิดจะทำการค้าเนื้อตุ๋นของข้ากับชาวต่างชาติหรือ?”
“ใช่” เวินเทียนเหล่ยพยักหน้ารับ “สินค้าหลักที่เราทำการค้ากับชาวต่างประเทศก็จะมีผ้า ผ้าไหม เกลือบริสุทธิ์ ไข่มุกและหนังสัตว์ แต่ชาวต่างประเทศผู้นี้แตกต่างจากผู้อื่น เขามองหาอาหารเลิศรสของแคว้นตงฮั่นมาโดยตลอด แต่เมื่อพูดตามจริงแล้ว นักปรุงอาหารรสเลิศของแคว้นตงฮั่นส่วนมากก็ถูกเหล่าขุนขางชั้นสูงชิงตัวไปหมดแล้ว หากต้องการทำให้เขาพอใจนั้น ก็มีเพียงอาหารรสเลิศเท่านั้น เกรงว่าจะมีเพียงเนื้อตุ๋นของฮูหยินเมิ่งเสียแล้ว”
“ข้ายังตั้งใจที่จะตั้งชื่อเรียกใหม่ให้กับเนื้อตุ๋นนี้ มีนามว่า ถานไคว่”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลี่เยว่หานจึงมองไปยังราคาที่ถูกทำเครื่องหมายไว้หนึ่งร้อยตำลึงต่อหนึ่งไห ก็รู้สึกพูดไม่ออกเล็กน้อย “ราคานี้สูงเกินไปหน่อยหรือไม่?”
“ไม่สูงหรอก! ชาวต่างประเทศเหล่านั้นมีนิสัยแปลก ยิ่งของมีราคาสูงยิ่งรู้สึกว่าล้ำค่า และก็จะยิ่งชอบ ข้าคิดว่าฮูหยินเมิ่งอยากเริ่มทำธุรกิจกับพวกคนมีเงิน ดังนั้นของสิ่งนี้ต้องขายราคาสูง ไม่สามารถขายถูก ๆ ได้และชาวต่างประเทศพวกนี้ก็มีความชำนาญ ไม่แน่ว่าถานไคว่ที่เราขายให้เขา อาจจะถูกนำกลับมาขายให้แก่พวกคนมีเงินในแคว้นตงฮั่นก็เป็นได้ เพราะพวกเขาก็มักจะทำเรื่องเช่นนี้อยู่บ่อยครั้ง”
“เช่นนี้…” หลี่เยว่หานรู้สึกคิดไม่ถึงเล็กน้อย
แท้จริงแล้ว การส่งออกและนำกลับเข้ามาขายในประเทศนั้น ก็มีอยู่มานานแล้ว…
MANGA DISCUSSION