บทที่ 9 ผู้เป็นพยาน
“ใช่แล้วเยว่หาน อย่างไรเสียเจ้ากับหรงหรงก็เป็นพี่น้องที่ดีต่อกัน เจ้าคงไม่สามารถทนเห็นหรงหรงและคุณชายหลิ่วที่มีใจให้กันถูกพรากออกจากกันใช่หรือไม่?” หวังเฟิ่งรีบใส่ไฟ “นอกจากนี้ แม้ว่าเจ้าจะได้แต่งกับคุณชายหลิ่ว ทว่าหัวใจของคุณชายหลิ่วไม่ได้อยู่กับเจ้า หลังจากแต่งงานกัน เจ้าจะต้องลำบากใจอย่างแน่นอน!”
หลังจากได้ยิน หลี่เยว่หานแทบจะลุกมาปรบมือให้กับหวังเฟิ่ง
คำพูดเหล่านี้เป็นความจริงที่สามารถสะกิดส่วนลึกของใจคนได้ หากเป็นเจ้าของร่างเดิมที่หัวอ่อนอาจหลงเชื่อเข้าจริง ๆ
อย่างไรเสีย บนโลกใบนี้สามีก็เปรียบเสมือนท้องฟ้า หากไม่ได้รับหัวใจจากอีกฝ่ายมา ก็ไม่ต่างอะไรกับหญิงม่ายที่รอวันหย่าร้าง
“ไม่เป็นไร หลังจากที่ข้าแต่งงานเข้าไปแล้วก็สามารถค่อย ๆ พัฒนาความสัมพันธ์กับคุณชายได้” หลี่เยว่หานวางมาดขรึมกล่าวออกมา “อย่างไรเสียคุณชายก็ไม่ได้มีความรู้สึกกับหรงหรงมาตั้งแต่แรก ความรู้สึกเป็นสิ่งที่สามารถบ่มเพาะขึ้นมาได้”
เมื่อหวังเฟิ่งเห็นว่าหลี่เยว่หานยังคงดื้อรั้น ก็อดโมโหขึ้นมาไม่ได้ “เหตุใดเจ้าจึงไม่ตรึกตรองดูบ้าง! หากเจ้าตบแต่งกับคุณชายหลิ่ว แล้วน้องสาวของเจ้าจะทำเช่นไรเล่า!”
“นางเลือกหนทางนี้ด้วยตนเองไม่ใช่หรือ? ไม่ใช่ว่าข้าบังคับให้นางมีอะไรกับคู่หมั้นของข้าเสียหน่อย” หลี่เยว่หานกล่าวออกมาด้วยเหตุผล “นอกจากนี้ ท่านไม่ได้รู้เห็นอะไรเกี่ยวกับเรื่องของหรงหรงและคุณชายหลิ่วจริง ๆ หรือ?”
“เจ้า…” หวังเฟิ่งที่ถูกหลี่เยว่หานถามขึ้นมา ก็พูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ
หลิ่วจื้อหย่วนที่อยู่ด้านข้างเห็นว่าหลี่เยว่หานดื้อดึงไม่ยอมฟังคำโน้มน้าว ก็เกิดความไม่พอใจขึ้นมาบ้าง “หลี่เยว่หาน ข้ารู้ว่าเจ้าจับจ้องทรัพย์สมบัติและอิทธิพลตระกูลหลิ่วของข้า เอาเช่นนี้แล้วกัน ข้าจะมอบเงินให้เจ้าห้าสิบตำลึงเงิน เพื่อยกเลิกการแต่งงานนี้ของพวกเรา!”
“ที่แท้ชีวิตของผู้อาวุโสหลิ่วก็มีค่าเพียงห้าสิบตำลึงเงินหรือ?” หลี่เยว่หานเหยียดยิ้ม “ไม่รู้ว่าหากผู้อาวุโสหลิ่วรู้ว่าคุณชายหลิ่วกล่าวอะไรออกมา ผู้อาวุโสจะกระอักเลือดออกมาด้วยความโกรธหรือไม่”
“พูดดี ๆ ไม่ชอบ ชอบให้บังคับหรืออย่างไร!” หลิ่วจื้อหย่วนโกรธเป็นอย่างยิ่ง “ข้าอุตส่าห์พูดกับเจ้าดี ๆ เพราะเห็นแก่หน้าหรงหรง! อย่าคิดว่าเพียงแค่ตนเองมีสัญญาหมั้นหมายก็สามารถกำเริบเสิบสานได้!”
“คุณชายหลิ่วไม่ต้องกังวล เยว่หานย่อมไม่กล้ากำเริบเสิบสาน” หลี่เยว่หานหันไปมองหลิ่วจื้อหย่วนอย่างไม่แยแส “การแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามใจชอบ หากคุณชายหลิ่วต้องการแต่งงานกับน้องสาวต่างมารดาของข้าอย่างหลี่หรงหรง ก็จำเป็นต้องมีผู้เที่ยงธรรมน่านับถือมาเป็นพยานไม่ใช่หรือ”
หลังจากได้ยินเช่นนี้ หวังเฟิ่งก็ตื่นตัวขึ้นมาทันที “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
“อีกสักครู่ท่านปู่หัวหน้าหมู่บ้านก็น่าจะมาถึงที่นี่” หลี่เยว่หานกล่าวพร้อมมองไปที่หวังเฟิ่งด้วยใบหน้ากึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้ม “ข้าเคยกล่าวไปแล้วว่า เพียงแค่ให้ข้าเลือกที่จะแต่งงานได้อย่างอิสระ ข้าก็จะยอมยกการแต่งงานครั้งนี้ให้กับหลี่หรงหรง แต่พวกท่านก็ยังไม่ยินยอม ข้าจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากขอให้ท่านปู่หัวหน้าหมู่บ้านช่วยมาตัดสินใจอย่างเด็ดขาด”
หัวหน้าหมู่บ้านเฮยถู่เป็นซิ่วไฉ*[1]มาก่อน ไม่เพียงแต่มีชื่อเสียงบารมีในหมู่บ้านดินดำเท่านั้น กระทั่งผู้อาวุโสหลิ่วเองก็ยังเคยได้รับการสั่งสอนจากท่านปู่หัวหน้าหมู่บ้าน
เมื่อได้ยินว่าหลี่เยว่หานขอให้หัวหน้าหมู่บ้านมา หวังเฟิ่งก็บันดาลโทสะขึ้นมาทันที นางตบหน้าหลี่เยว่หานที่ไร้การป้องกันอย่างแรง “เจ้ามันเนรคุณ! เจ้าต้องการจะทำลายหรงหรง!”
หลี่เยว่หานที่ไม่ได้เตรียมตัวรับมือการลงมืออย่างกะทันหันของหวังเฟิ่ง หญิงสาวจึงถูกตบจนล้มลงไปกับพื้น
“หวังเฟิ่ง! นี่หรือคือสิ่งที่เจ้าทำในฐานะแม่เลี้ยงรึ!” ในตอนนั้นเองก็มีเสียงชราดังขึ้นมาในช่วงเวลาเหมาะเจาะ
หลี่เยว่หานเงยหน้าขึ้น เห็นท่านอาโจวกำลังพยุงท่านปู่หัวหน้าหมู่บ้านก้าวมาทีละก้าว
“เยว่หาน เจ้าเป็นอะไรหรือไม่” ท่านปู่หัวหน้าหมู่บ้านชอบหลี่เยว่หานที่ใฝ่เรียนเสมอมา หากนางไม่ได้มีการหมั้นหมายตั้งแต่แรก เขาคงอยากจะได้นางมาเป็นหลานสะใภ้แต่งงานกับหลานชายของเขาไปแล้ว
เมื่อได้เห็นหลี่เยว่หานถูกหวังเฟิ่งตบอย่างแรง ภายในใจของเขาก็เจ็บปวดยิ่ง
“ขอบคุณ ท่านปู่หัวหน้าหมู่บ้าน” หลี่เยว่หานรีบลุกขึ้นมาจากพื้น ก่อนจะยืนก้มหน้าอยู่ด้านหน้าหัวหน้าหมู่บ้าน ก่อนเอ่ยออกมาเบา ๆ ด้วยเสียงสั่นเครือเล็กน้อย “เยว่หานไม่เป็นอะไร ท่านปู่หัวหน้าหมู่บ้านอย่าได้กล่าวโทษแม่เลี้ยงเลย”
เมื่อได้ยินเสียงที่สั่นเครือและหวาดกลัวของนาง ท่านปู่หัวหน้าหมู่บ้านก็ยิ่งโกรธมากขึ้น “หวังเฟิ่ง! บอกข้ามาเสีย! เหตุใดเจ้าถึงต้องตบเยว่หาน!”
หวังเฟิ่งเป็นคนนอกหมู่บ้าน คนในหมู่บ้านเฮยถู่ถือหางเข้าข้างกันเป็นอย่างยิ่ง นางจึงนิ่งเงียบไม่รู้ควรจะอธิบายอย่างไรไปชั่วขณะ
ส่วนทางด้านของหลิ่วจื้อหย่วนเมื่อเห็นหัวหน้าหมู่บ้านมา ก็พลันรู้สึกว่าสิ่งที่หลี่เยว่หานกล่าวไปเมื่อครู่มีเหตุผลอยู่บ้าน อย่างไรเสียหัวหน้าหมู่บ้านก็มีชื่อเสียงและบารมีอยู่
เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว หลิ่วจื้อหย่วนก็ยืนขึ้นคำนับหัวหน้าหมู่บ้านด้วยความสุภาพ “ท่านปู่หัวหน้าหมู่บ้าน เรื่องมันเป็นเช่นนี้ แม้ข้ากับเยว่หานจะมีสัญญาหมั้นหมายกัน แต่ข้ากลับตกหลุมรักหรงหรงตั้งแต่แรกพบ ข้ากำลังปรึกษาหารือกับเยว่หาน ว่านางจะเต็มใจยกการแต่งงานครั้งนี้ให้หรงหรงหรือไม่”
หลังจากได้ยินเช่นนี้ หัวหน้าหมู่บ้านก็หรี่ตามองหลี่จื้อหย่วน “แล้วเยว่หานว่าอย่างไร?”
“แม้ว่าน้องสาวเยว่หานเต็มใจจะยกการแต่งงานในครั้งนี้ให้ แต่นางเรียกร้องให้หลังจากนี้พ่อแม่ไม่อาจเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการแต่งงานของนางได้” หลิ่วจื้อหย่วนกล่าวขึ้นมา ก่อนจะพูดต่อ “นับตั้งแต่โบราณกาลแต่งงานพ่อแม่จัดสรร แม่สื่อจัดการ ไม่เคยมีคำกล่าวใดบอกว่าบิดามารดาไม่สามารถแทรกแซงการแต่งงานของลูกสาวได้ ทำให้ฮูหยินหวังโกรธขึ้นมา”
“เหอะ!” หัวหน้าหมู่บ้านมองไปที่หลิ่วจื้อหย่วนอย่างฉุนเฉียว “เจ้ายังรู้จักคำว่าพ่อแม่จัดสรร แม่สื่อจัดการด้วยอย่างนั้นหรือ! การแต่งงานของเจ้ากับเยว่หานก็เกิดจากท่านปู่ของเจ้ากล่าวสัญญาเอาไว้ ใช่สิ่งที่เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างเจ้าจะเอ่ยปากก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้หรือ!”
“ท่านปู่หัวหน้าหมู่บ้าน” เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มจะเลยเถิด หลี่เยว่หานที่อยู่ด้านข้างก็รีบดึงชายเสื้อของหัวหน้าหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกล่าวออกมา “เมื่อครู่ท่านแม่เพิ่งบอกกับข้าว่า ถึงข้าจะแต่งงาน แต่ใจของคุณชายหลิ่วก็ไม่ได้อยู่กับข้า ข้าเองก็คิดว่ามันสมเหตุสมผล ดังนั้นจึงยอมยกการแต่งงานครั้งนี้ให้กับหรงหรงด้วยความเต็มใจ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หัวหน้าหมู่บ้านยังไม่ทันได้เอ่ยอะไร อาโจวที่อยู่ด้านข้างก็เอ่ยออกมา “เยว่หานเจ้าเด็กโง่ง่ม! การจะหาสามีอย่างตระกูลหลิ่วนับเป็นเรื่องยากอย่างยิ่ง! อีกทั้งความรู้สึกยังเป็นสิ่งที่ค่อย ๆ บ่มเพาะขึ้นมาได้ แต่เจ้ากลับปล่อยมือ ยอมให้ผู้อื่นเอาไปโดยง่ายเช่นนี้ได้อย่างไร!”
“ใช่แล้วเด็กน้อย เจ้าคิดทบทวนดูให้ดี ๆ เสียเถิด” หัวหน้าหมู่บ้านเองก็เกลี้ยกล่อมด้วยเสียงอ่อนโยน
“ข้าคิดทบทวนดีแล้ว” หลี่เยว่หานมองไปทางหลี่จื้อหย่วนและหลี่หรงหรง ก่อนจะพูดออกมาอย่างเชื่องช้า “ไม่ถือไม้ไล่ตีหยวนหยาง*[2] นับเป็นเรื่องที่ดีอย่างหนึ่ง อีกทั้งการแต่งงานครั้งนี้เป็นสิ่งที่แม่ของข้าจัดไว้ให้ตอนที่นางยังคงมีชีวิตอยู่ ตอนนี้แม่ของข้าไม่อยู่แล้ว ไม่มีผู้ใดมีคุณสมบัติที่จะจัดสรรงานแต่งงานให้ข้าอีกต่อไปแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทุกคนล้วนเงียบเสียงสนิท
สิ่งที่หลี่เยว่หานกล่าวออกมานั้นไม่ผิด ยามนั้นแม่ของนางได้ใช้บุญคุณชีวิตแลกการแต่งงานที่ดีให้นาง ทว่าตอนนี้แม่เลี้ยงต้องการให้นางยกงานแต่งงานให้กับน้องสาวต่างมารดา เช่นนั้นแล้วหลังจากนี้แม่เลี้ยงจะใช้สิทธิ์อันใดมาจัดการงานแต่งงานของนาง!
“เยว่หาน! เจ้ากำลังพูดจาอะไรไร้สาระ!” หลี่ต้าเฉิงที่กำลังหอบหายใจกลับมาทันพอดี ได้ยินคำพูดของหลี่เยว่หาน
แม้จะประหลาดใจที่นางสามารถหลีกเลี่ยงตนเองจนไปเชิญหัวหน้าหมู่บ้านมาได้ แต่ในตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมากล่าวอะไรถึงเรื่องนี้ “ข้าเป็นพ่อของเจ้า เหตุใดจึงจะไม่มีสิทธิ์เลือกการแต่งงานให้เจ้า?”
หลี่เยว่หานแอบหยิกต้นขาของตนเองอย่างแรง ก่อนเงยหน้ามองไปที่หลี่ต้าเฉิงด้วยน้ำตารินไหล “ท่านพ่อ ท่านเป็นผู้ให้กำเนิดข้า ทว่าท่านต้องการจะให้ข้ายกการแต่งงานให้หรงหรง ข้ายังจะสามารถหวังพึ่งผู้ใดได้อีก? ข้าหวังพึ่งได้แต่เพียงตนเองเท่านั้น!”
“เจ้ามันลูกไม่รักดี!” หลี่ต้าเฉิงโกรธจนอยากจะเอาชนะหลี่เยว่หาน!
[1] ซิ่วไฉ (秀才) เป็นตำแหน่งที่ได้รับหลังสอบผ่านรอบแรกของการสอบเคอจวี่ (การสอบเข้ารับราชการสมัยก่อนของจีน)
[2] ถือไม้ไล่ตีหยวนหยาง(棒打鸳鸯之) หมายถึงบังคับให้คู่รักพลัดพรากจากกัน
MANGA DISCUSSION