บทที่ 84 ไม่อยากกอดอาเมิ่ง อาเมิ่งสกปรก
“ทำอะไรน่ะ!” จู่ ๆ ก็มีเสียงตะโกนดังขึ้นจากด้านหลังทุกคน
หลังจากนั้นไม่นาน ร่างสูงของเมิ่งฉีฮ่วนก็เดินผ่านฝูงชนมายืนขวางหน้าหลี่เยว่หานไว้ ก่อนมองดูพวกเขาด้วยใบหน้าบูดบึ้ง “พวกเจ้าวิ่งมาสร้างความวุ่นวายอะไรที่บ้านของข้า?”
“ดูแลภรรยาของเจ้าให้ดี!”
“ใช่! ให้นางเลิกสร้างเรื่องให้เรา!”
“ถูกต้อง!”
ทันทีที่เมิ่งฉีฮ่วนปรากฏตัว ผู้ชายของทั้งสามครอบครัวก็รีบลากภรรยาและลูก ๆ ออกจากบ้านเมิ่งไป ประหนึ่งหนูเห็นแมว
ตอนนี้ถึงตาของเมิ่งฉีฮ่วนที่ต้องสับสน
“อาจารย์หลี่ เกิดอะไรขึ้นที่นี่กัน?” เมื่อเห็นว่าอาจารย์หลี่ก็อยู่ด้วย เมิ่งฉีฮ่วนจึงยิ่งงงงวยกว่าเดิม
หลังจากบอกเล่าสั้น ๆ เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ อาจารย์หลี่ก็ปฏิเสธคำเชิญของเมิ่งฉีฮ่วนและหลี่เยว่หานที่ขอให้อยู่ทานอาหารเย็น และออกจากบ้านเมิ่งไป
เมื่อเห็นว่าทุกคนจากไปแล้ว หลี่เยว่หานก็โค้งริมฝีปากและกำลังจะเข้าไปในครัว แต่เด็กหญิงตัวน้อยพุ่งเข้ามากอดต้นขาของนางก่อน “อาหญิง ท่านกล้าหาญมาก!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลี่เยว่หานก็ก้มลงอุ้มหลิงซีตัวน้อยขึ้นมาและพูดว่า “ที่จริง อาหญิงของเจ้าเองก็กลัวเช่นกัน ถ้าพวกผู้ชายลงมือทุบตีอาหญิงของเจ้า อาหญิงของเจ้าจะเอาชนะพวกเขาทั้งสามคนไม่ได้แน่”
“พวกเขาจะทุบตีเจ้าหรือ?” เมิ่งฉีฮ่วนขมวดคิ้ว “ช่างกล้านัก!” หลังจากพูดเช่นนั้น เมิ่งฉีฮ่วนก็กำลังจะออกไป หลี่เยว่หานที่ตาไวรีบคว้าตัวเขาไว้
“หยุดสร้างปัญหาได้แล้ว” หลี่เยว่หานพูดอย่างขุ่นเคืองปนขบขัน “เป็นไปได้ไหมว่าท่านได้ทุบตีบุรุษทุกคนในหมู่บ้านไปแล้ว? มิเช่นนั้น ไยทั้งสามคนที่ดูก้าวร้าวมากในตอนแรก จะหนีไปเหมือนหนูเห็นแมวทันทีที่ท่านกลับมา?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เมิ่งฉีฮ่วนก็เกาหน้าตัวเอง “ไม่ใช่เช่นนั้น บางทีอาจเพราะข้าล่าเสือกลับมาเป็นครั้งคราว พวกเขาจึงคิดว่าข้าเก่งกาจกว่า” พูดเช่นนั้น เมิ่งฉีฮ่วนก็ยื่นมือออกไปอุ้มหลิงซี ใครจะรู้ว่าหลิงซีกลับกอดคอของหลี่เยว่หานไว้แน่น
“ข้าไม่ต้องการให้อาเมิ่งกอดข้า อาเมิ่งสกปรก” ขณะที่พูด หลิงซีก็แสดงความรังเกียจต่อเมิ่งฉีฮ่วนเป็นครั้งแรก
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เมิ่งฉีฮ่วนก็หัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ “ยัยหนูตัวน้อยนี่ อาของเจ้าจะไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้แหละ!”
หลังจากพูดจบ เมิ่งฉีฮ่วนก็ยกกระสอบที่เพิ่งถูกโยนไปที่ประตูเข้าไปในลาน จากนั้นก็ไปที่ห้องครัวเพื่อไปเอาน้ำมาอาบ
หลังอาหารเย็น เมิ่งฉีฮ่วนก็เปลี่ยนเป็นชุดสกปรก เปิดกระสอบและเตรียมที่จะจัดการกับเหยื่อที่อยู่ข้างในนั้น หลี่เยว่หานชะเง้อมองอย่างอยากรู้อยากเห็น ก่อนหญิงสาวจะเบิกตาโตอย่างตะลึง
“สวรรค์ เหตุใดกระต่ายพวกนี้จึงได้ตัวใหญ่กว่าที่กระต่ายทั้งหมดที่ข้าเคยเห็นมา?”
หลังจากได้ยินเช่นนี้ เมิ่งฉีฮ่วนก็มองไปที่หลี่เยว่หาน และพูดอย่างเกียจคร้าน “ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าสถานที่ที่ข้าไปล่าสัตว์เป็นสถานที่ที่ดี”
“จิ๊ มีเรื่องใหญ่อะไรให้ช่วยไหม?” หลี่เยว่หานทำหน้ามุ่ยแต่ก็ยังถาม
“ไม่ เจ้าเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว เข้านอนเร็ว ๆ เถอะ” เมิ่งฉีฮ่วนพูดพลางชี้ไปที่หลี่เยว่หานด้วยมีดที่ใช้ถลกหนังของเขา เผยให้เห็นประกายคมสะท้อนแสงวาบ เมื่อเห็นเช่นนี้ หลี่เยว่หานก็หดคอ และหมุนตัวจากไป
เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อหลี่เยว่หานตื่นขึ้น เมิ่งฉีฮ่วนยังคงอยู่ที่บ้าน
เขาลอกหนังของเหยื่อเมื่อวานออก ซึ่งหลี่เยว่หานเพิ่งเห็นได้อย่างชัดเจนเอาตอนนี้เอง ว่านอกจากกระต่ายแล้ว เมื่อวานยังมีหมาป่าสองตัวอยู่ในกระสอบนั่นด้วย!
“ไม่สิ กระสอบของเจ้าเมื่อวานใหญ่แค่นั้น ทำไมมันถึงใส่หมาป่าสองตัวที่ใหญ่ขนาดนี้ได้กัน?” หลี่เยว่หานรู้สึกงงงวย
“เจ้าไม่เข้าใจ พวกเรานายพรานไม่ได้ย้ายทุกอย่างกลับทันที เหยื่อบางตัววางไว้บนถนนครึ่งทางขึ้นภูเขา โดยพวกมันถูกขุดหลุมเพื่อซ่อนไว้ มีแค่ตอนตกดึกจนไม่มีคน พวกเราจึงจะย้ายพวกมันกลับมา นี่เรียกว่าไม่เปิดเผยความมั่งคั่ง” ในขณะที่อธิบาย เมิ่งฉีฮ่วนก็ดึงถังน้ำจากบ่อน้ำในสวนมาล้างกองเนื้อ และใส่ในตะกร้าที่สะอาด
“ทั้งหมดนี้สำหรับให้เจ้าไว้ทำเนื้อตุ๋น น่าจะพอสำหรับสามหรือห้าโถ ถ้าไม่พอบอกข้า ข้าจะไปที่ภูเขาแล้วเอากลับมาอีก”
เมื่อได้ยินคำพูดของเมิ่งฉีฮ่วน หลี่เยว่หานก็เม้มปาก “ทำไมเราไม่เลี้ยงหมูสักสองสามตัว เนื้อตุ๋นที่ทำจากหมูก็มีรสชาติไม่ได้แย่ไปกว่าเนื้อสัตว์ชนิดอื่นเลย”
“นั่นเป็นไปไม่ได้ เหตุผลที่เวินเทียนเหล่ยคิดราคาสามสิบตำลึงสำหรับเนื้อหนึ่งโถก็เพราะฝีมือของเจ้าไม่มีใครเทียบได้ และเขาชอบใจเนื้อเหล่านี้ มีแค่เนื้อสัตว์เหล่านี้รวมกับฝีมือของเจ้าเท่านั้นที่คุ้มค่ากับเงินที่เยอะขนาดนั้น”
หลังจากได้ยินเช่นนี้ หลี่เยว่หานก็ยักไหล่ หมุนตัวกลับเข้าไปในครัว
ที่นั่น ทั้งมู่ชวนและหลิงซีกำลังทานอาหารเช้ากันอยู่
หลังจากเหตุการณ์เมื่อวานนี้ มู่ชวนก็รู้สึกอายเล็กน้อยเมื่อเห็นหลี่เยว่หาน แต่เขารู้ถูกผิด เมื่อเขาเห็นหลี่เยว่หาน เขาก็ยิ้มออกมาเหมือนดอกไม้
“อาหญิง อาหญิง!” หลิงซียื่นมือออกมาให้หลี่เยว่หานอุ้ม
หลังจากอยู่ด้วยกันหลายเดือน หลี่เยว่หานก็ค่อย ๆ ตกหลุมรักหลิงซี สาวน้อยแสนพิเศษคนนี้ หญิงสาวจึงอุ้มอีกฝ่ายขึ้นมาอย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น
“นั่น…” หลังจากที่มู่ชวนกินเสร็จ เขาก็วางชามและตะเกียบลง ยืนอยู่ข้างหน้าหลี่เยว่หานด้วยท่าทางเคารพ และทันใดนั้นก็โค้งคำนับต่ำให้กับหลี่เยว่หาน “ข้าขอขอบคุณท่านสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ อาหญิง!”
หลังจากได้ยินเช่นนี้ หลี่เยว่หานรีบพยุงมู่ชวน “เราทุกคนล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน ถ้าเจ้าทำเช่นนี้มันจะดูห่างเหินเกินไป”
“ข้ารู้ว่าอาหญิงไม่เต็มใจที่จะแต่งงานกับอาของข้า และข้ารู้ด้วยว่าอาหญิงของข้าจะออกจากบ้านในอีกสองปี แต่มู่ชวน ชอบอาหญิงมาก และรู้สึกขอบคุณท่านมากที่ปกป้องข้าไว้!”
“หลิงซีก็ชอบอาหญิงมากเช่นกัน!”
ด้วยเหตุผลบางอย่าง เมื่อได้ยินคำพูดของเด็ก ๆ หลี่เยว่หานก็รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย “เจ้ากำลังพูดถึงเรื่องอะไร มู่ชวน หลังจากทานอาหารเสร็จ เจ้าก็รีบไปสำนักศึกษาซะ ถ้าครอบครัวหลี่กล้าหยุดกับเจ้าบนถนน เจ้าจงหยิบก้อนหินขว้างใส่พวกเขาซะ!”
“ข้ารู้แล้ว!” มู่ฉวนแสดงสีหน้ามุ่งมั่น
หลี่เยว่หานหันหน้าของเธอออกไปอย่างรวดเร็ว
ให้ตายเถอะ เจ้าตัวแสบน้อยสองคนนี้ทำให้เธออยากร้องไห้ได้ยังไง…
“เยว่หาน ข้าจะออกไปข้างนอกสักพัก เจ้าอยู่บ้านก็ระวังตัวด้วย!” เสียงของเมิ่งฉีฮ่วนดังมาจากลาน แต่หลี่เยว่หานไม่ตอบ และเมื่อเธอออกไปอีกครั้ง ลานบ้านก็ว่างเปล่าแล้ว
หลี่เยว่หานถอนหายใจ เธอไปที่ห้องเก็บผักเพื่อย้ายถั่วเหลืองออกไปตากแดด จากนั้นจึงแบกกะละมังใส่เสื้อผ้าและพาหลิงซีไปที่แม่น้ำเพื่อซักผ้าด้วยกัน
อาจเป็นเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ขณะที่หลี่เยว่หานกำลังซักเสื้อผ้า ผู้คนมากมายก็ได้เข้ามาคุยกับเธอ โดยพวกเขาต่างก็ชื่นชมเธอ เพราะท้ายที่สุดแล้วมารดาของต้าจ้วงก็เป็นคนรับมือยากที่สุดในหมู่บ้าน และปกตินางก็ชอบหาเรื่องคนอื่น พวกเขาไม่ได้คาดหวังว่าหลี่เยว่หานจะก้าวร้าวกว่านาง ทั้งยังมีเหตุผลด้วย
หลังจากซักผ้าแล้ว หลี่เยว่หานก็ลาทุกคนก่อนกลับบ้าน
ทันทีที่หญิงสาวเข้าประตูไป เธอก็เห็นชายคนหนึ่งกำลังขโมยซอสถั่วเหลืองของเธอพร้อมกับไหสุรา!
หลี่เยว่หานโกรธทันที “เจ้าเป็นใครกัน!”
ทันทีที่ชายคนนั้นเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าเป็นหลี่เยว่หาน เขาก็หันหลังกลับและต้องการจะวิ่งหนี แต่หลี่เยว่หานขวางประตูไว้ เขาไม่สามารถหลบหนีได้ชั่วขณะหนึ่งจึงแสดงท่าทางดุร้ายทันที “เป็นคนที่เจ้าไม่สามารถต่อกรได้!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลี่เยว่หานก็เย้ยหยัน “ไม่ใช่ คนเสเพลแซ่โจวที่แม้แต่บิดามารดาก็ไม่ต้องการรึ? เจ้ามาอวดเบ่งอยู่ที่นี่กับข้าเพื่ออะไร? รีบวางของที่เจ้าขโมยไปจากข้าลง ไม่เช่นนั้นก็อย่าหาว่าข้าหยาบคาย!”
“นังตัวเหม็น!” คนเสเพลแซ่โจวโกรธจัดหลังจากถูกเปิดโปง และโยนโถใบเล็กในมือทิ้งทันที ก่อนคิดหยิบเครื่องมือทำสวนที่วางทิ้งไว้ในลาน
หลี่เยว่หานรู้ได้ทันทีว่าเขาคิดจะทุบโถซอสถั่วเหลืองของเธอ จึงพลันโกรธทันที เธอโยนเสื้อผ้าในมือทิ้ง แล้วรีบพุ่งไปคว้าจอบในมือของคนเสเพลแซ่โจวด้วยทวงท่าไหลลื่นประหนึ่งมัจฉามังกรแหวกว่าย จากนั้นโบกมันไปรอบ ๆ อย่างดุดัน ทำให้คนเสเพลแซ่โจวตกใจกลัวจนวิ่งออกไปทางประตู
MANGA DISCUSSION