บทที่ 78 โชคร้ายมาอีกแล้ว
เมิ่งฉีฮ่วนได้ยินหลี่เยว่หานพูดอย่างนั้นก็ลอบหัวเราะในใจ แต่ไม่แสดงออกมา เพียงพยักหน้ารับอย่างเงียบขรึม
“ข้าไม่ทำ ท่านไปเชิญคนมีความสามารถคนอื่นเถอะ” หลี่เยว่หานพูดแล้วก็จะลุกขึ้นแต่ถูกเมิ่งฉีฮ่วนดึงเอาไว้
ขณะที่หลี่เยว่หานนึกสงสัยก็ได้ยินเมิ่งฉีฮ่วนเอ่ยขึ้นเสียงเนิบนาบ “หากฮูหยินของข้าไปเป็นล่ามแปลภาษาให้เจ้า เจ้าจะให้ค่าตอบแทนเท่าไหร่?”
“เรื่องนี้…” เวินเทียนเหล่ยอึ้งไป “พวกเราคิดค่าตอบแทนเป็นรายครั้ง ท่านเห็นว่าอย่างไร?”
“ไม่ได้” เมิ่งฉีฮ่วนปฏิเสธทันควัน “คิดตามจำนวนคำ”
เวินเทียนเหล่ยตะลึงงัน
แม้แต่หลี่เยว่หานก็ถูกการกระทำดุจสิงโตอ้าปากกว้าง*[1]ของเมิ่งฉีฮ่วนทำให้งุนงงไปหมด เธอกระตุกแขนเสื้อของเขาแล้วกระซิบ “ท่านพูดเหลวไหลอะไรน่ะ ข้าไม่ไปเป็นล่ามหรอกนะ!”
“ฮูหยิน คุณชายใหญ่เวินมีเงิน พวกเราไม่ต้องกลัวไปหรอก” เมิ่งฉีฮ่วนว่าแล้วก็ตบหลังหลี่เยว่หานเป็นเชิงปลอบใจ ราวกับหญิงสาวถูกทำให้เสียขวัญไปจริง ๆ กระนั้นแหละ
“ข้าเปล่านะ ข้า…” หลี่เยว่หานอยากพูดว่าเธอไม่อยากเปิดเผยความสามารถ แต่เมิ่งฉีฮ่วนกลับส่งสายตาเป็นเชิงบอกว่า ‘วางใจเถอะ’ มาให้ หญิงสาวจึงจำต้องกลืนคำพูดลงไปอย่างเลี่ยงไม่ได้
เวินเทียนเหล่ยครุ่นคิดอยู่นาน สุดท้ายจึงกัดฟันเอ่ยว่า “คิดตามจำนวนคำใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แต่เมิ่งฮูหยินจะต้องรับรองว่านางจะถ่ายทอดได้ตรงประเด็นและไม่ตกหล่น ทั้งยังต้องแปลจากทั้งฝั่งพ่อค้าที่พูดภาษาสันสกฤตและภาษาหู ท่านทำได้หรือไม่?”
“ข้ายังมีเงื่อนไขอีกข้อ” หลี่เยว่หานเห็นเมิ่งฉีฮ่วนทำท่าจะพยักหน้าก็ออกแรงบีบมือเขาแล้วชิงพูดขึ้นมาก่อน
“ยัง…ยังมีเงื่อนไขอีกข้อ?” เวินเทียนเหล่ยจะร้องไห้อยู่รอมร่อ เขาทำการค้ามานานขนาดนี้ยังไม่เคยพบเคยเจอใครที่โลภมากถึงเพียงนี้มาก่อนเลย!
“ใช่!” หลี่เยว่หานพยักหน้า “ข้าพูดสองภาษานี้ได้ก็จริง แต่ท่านคงเข้าใจคำกล่าวที่ว่า ‘คนไม่ผิด ผิดที่ครอบครองหยก’*[2] กระมัง ดังนั้นทุกครั้งที่ข้ารับหน้าที่เป็นล่าม ข้าจำเป็นต้องปิดบังโฉมหน้าเอาไว้ คุณชายใหญ่เวินก็ต้องไม่ให้ใครรู้ว่าข้าเป็นล่ามให้ท่าน มองจากภายนอกพวกเราเพียงทำการค้าเนื้อตุ๋นด้วยกันเท่านั้น!”
“ยังมีการค้าขนสัตว์ด้วย” เมิ่งฉีฮ่วนเอ่ยเสริม
ได้ยินเช่นนั้น เวินเทียนเหล่ยค่อยวางใจลงได้เสียที ไม่เรียกค่าตัวเพิ่มก็ดีแล้ว…
เขาผงกศีรษะ ถ้าไม่ใช่เพราะคนเก่งอย่างหลี่เยว่หานนั้นหายากยิ่ง เวินเทียนเหล่ยคงไม่มีทางยอมรับเงื่อนไขจ่ายค่าตอบแทนตามจำนวนคำที่ไร้เหตุผลเช่นนี้หรอก
“คิดค่าตอบแทนตามจำนวนคำค่อนข้างแพงจริง ๆ นั่นแหละ” หลี่เยว่หานเห็นเวินเทียนเหล่ยรับคำง่าย ๆ แบบนั้นก็รู้สึกว่าฝ่ายตนเองเอาเปรียบคนอื่นเกินไป เธอชำเลืองมองเมิ่งฉีฮ่วนแวบหนึ่งแล้วจึงกล่าว “เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน คิดราคาคำละร้อยอีแปะ ถ้าช่วงเวลาที่เจรจากันไม่ถึงหนึ่งชั่วยามก็คิดค่าตอบแทนเป็นรายครั้ง ครั้งละสิบตำลึง ดีหรือไม่?”
เวินเทียนเหล่ยได้ยินอย่างนั้นก็ดีใจยิ่งยวด “ดีดีดี! ดีอยู่แล้ว! พี่ชายเมิ่ง ท่านเห็นว่าอย่างไร?”
“ข้า…” เมิ่งฉีฮ่วนกำลังจะบอกว่าไม่ดี แต่มือที่ถูกหลี่เยว่หานกุมเอาไว้กลับถูกนางจิกเข้ากลางฝ่ามือ คำพูดมาถึงริมฝีปากแล้ว หากก็ได้แต่เปลี่ยนไปพูดว่า “ข้าไร้ความเห็น!”
“เยี่ยมไปเลย!” เวินเทียนเหล่ยปลาบปลื้มยินดี รับหนังสือสัญญาอีกฉบับมาจากมือของบ่าวรับใช้ เขียนค่าตอบแทนที่ตกลงกันได้เมื่อครู่นี้ลงไปอย่างว่องไว ลงนามเร็วรี่ ประทับตราประจำตัวของตนลงไป จากนั้นก็ส่งมาให้หลี่เยว่หาน
หลี่เยว่หานอ่านเนื้อความบนนั้นโดยละเอียด เมื่อไม่พบว่ามีปัญหาใด ๆ ก็ลงนามและประทับนิ้วมือลงไป
แม้จะเป็นอักษรจีนตัวเต็ม ทว่าคนจีนทุกคนล้วนมีทักษะอย่างหนึ่งร่วมกัน นั่นก็คือการอ่านอักษรทั้งแบบตัวย่อและตัวเต็มได้อย่างคล่องแคล่ว
รับสัญญาทั้งสองฉบับมาเก็บไว้แล้ว เวินเทียนเหล่ยก็นัดหมายกับหลี่เยว่หานว่าอีกสิบวันให้หลังค่อยพบกันที่หอเซียนเมามายในเมืองหลิวชิง ก่อนจะยอมจากไปอย่างอาลัยอาวรณ์ ก่อนจากกันยังไม่วายกำชับให้หลี่เยว่หานทำเนื้อตุ๋นให้ด้วย
หลี่เยว่หานกับเมิ่งฉีฮ่วนไปส่งเวินเทียนเหล่ยถึงนอกเรือน ได้ยินวาจานี้ของเขาก็ตอบรับอย่างหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก
เมื่อส่งเวินเทียนเหล่ยจากไป มู่ชวนก็ตื่นขึ้นมาพอดี หลี่เยว่หานกลัวว่าพวกหวังเฟิ่งจะมาสร้างปัญหาอีกจึงบอกให้เมิ่งฉีฮ่วนไปส่งมู่ชวนที่สำนักศึกษา
ผู้ใดจะคาดคิด เมิ่งฉีฮ่วนเพิ่งจากไป หวังเฟิ่งก็เตะประตูเรือนสกุลเมิ่งเดินเข้ามา ยืนเท้าสะเอวร้องเสียงดังอยู่ในลานเรือน
“หลี่เยว่หาน! ไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้นะ!”
หลิงซีกำลังหลับปุ๋ย หลี่เยว่หานกำลังจะไปท้ายเรือนเพื่อดูเครื่องเทศที่ตนเองเพิ่งปลูกไปได้ไม่นาน ก็พลันได้ยินเสียงของหวังเฟิ่ง หญิงสาวขมวดคิ้วแล้วเดินออกมาจากเรือนชั้นในทันที
“ท่านมาทำอะไรอีก?” หลี่เยว่หานถามอย่างหงุดหงิด
สิ้นเสียง คนหลายคนก็กรูเข้ามาทางประตู แต่ละคนหน้าตาท่าทางดุร้าย ในมือยังถือไม้กวาดเอาไว้
เมื่อพินิจมองอย่างละเอียดก็พบว่าเป็นคนสกุลหลี่สามคน และคนจากครอบครัวของหวังเหอฮวาอีกสามคน
“สามีของเจ้าเล่า! ให้เขาออกมา!” หวังเฟิ่งคงได้อยู่ดีกินดี สีหน้าจึงแดงปลั่งอิ่มเอิบ เสียงดังกังวาน
“ท่านถามหาสามีข้าทำไม?” หลี่เยว่หานมุ่นคิ้ว “เขาไม่ใจเย็นหรอกนะ ท่านอยากถูกกระทืบหรือ?”
หวังเฟิ่งได้ยินอย่างนั้นดวงตาก็พลันวาวโรจน์ “หลี่เยว่หาน! ดีชั่วอย่างไรข้าก็เป็นแม่เจ้านะ! เจ้าพูดจากับแม่ตัวเองอย่างนี้ได้อย่างไร!”
“แม่?” หลี่เยว่หานมองหลี่ต้าเฉิงที่ยืนอยู่ข้างหลังหวังเฟิ่งด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ชี้เขาพลางว่า “ท่านลองถามพ่อข้าดูสิว่าแม่ข้าตายไปตั้งแต่สิบกว่าปีก่อนใช่หรือไม่ ตอนนี้ท่านมาบอกว่าตัวเองเป็นแม่ข้า ท่านเป็นผีดิบงั้นหรือ?”
“เจ้า…” หวังเฟิ่งโมโหจนคว้าไม้กวาดมาจากในมือหลี่ต้าเฉิง แล้วทำท่าคุกคามหลี่เยว่หาน “แม่เลี้ยงไม่ใช่แม่งั้นเรอะ! ข้าเลี้ยงเจ้ามาจนโตขนาดนี้เจ้ามาตอบแทนกันเช่นนี้รึ! วันนี้ข้าจะตีสั่งสอนเจ้า แม่เจ้าจะได้เห็นว่าตัวเองคลอดลูกแบบไหนออกมา!”
หลี่เยว่หานที่ประสบชะตากรรมเดียวกับเจ้าของร่างเดิม ได้ยินวาจาของหวังเฟิ่งก็พลันเดือดดาล
เวลาเดียวกับที่หวังเฟิ่งฟาดไม้กวาดเข้ามาหา หลี่เยว่หานก็หลบไปข้าง ๆ อย่างคล่องแคล่ว เก็บไม้เขี่ยฟืนขึ้นมาปัดไม้กวาดในมือหวังเฟิ่งจนกระเด็นไปไกล “ท่านเป็นตัวอะไร! มีสิทธิ์มาสั่งสอนข้าด้วยเรอะ?”
เมิ่งฉีฮ่วนเพิ่งกลับมาจากไปส่งมู่ชวนที่สำนักศึกษา ระหว่างทางขากลับได้ยินคนพูดกันว่าหวังเฟิ่งยกพวกไปที่เรือนตนเองแล้ว ก็รีบรุดกลับมาไวปานเหินลม พอเข้าประตูมาได้ก็เห็นภาพที่หลี่เยว่หานปัดไม้กวาดของหวังเฟิ่งกระเด็นพอดี ยามนั้นก็ผลักคนที่ยืนขวางประตูออกไปอย่างเกรี้ยวกราด พุ่งเข้าไปยืนขวางไว้ตรงหน้าหลี่เยว่หาน
“ใครหน้าไหนกล้าลงไม้ลงมืออีก ข้าจะเอาชีวิตมันผู้นั้น!” เมิ่งฉีฮ่วนหน้าโหดอยู่เป็นทุนเดิม ยามนี้ยังบันดาลโทสะ ยิ่งทำให้น่ากลัวขึ้นไปอีก
“ข้า…ข้าสั่งสอนลูกสาว เจ้าไม่มีสิทธิ์มายุ่ง!” หวังเฟิ่งถูกเมิ่งฉีฮ่วนตะคอกใส่ ความมั่นใจในตนเองก็น้อยลงอย่างเห็นได้ชัด นางดึงหลี่หรงหรงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ออกมา พูดเสียงดังว่า “เจ้าทำลายความบริสุทธิ์ของลูกสาวคนรองของข้าแล้ว ยังคิดจะไม่รับผิดชอบอีกหรือ! ใช่แล้ว ยังมีเหอฮวา ความบริสุทธิ์ของหวังเหอฮวาก็ถูกเจ้าทำลายกับมือด้วยเหมือนกัน เจ้าคิดจะจัดการอย่างไร!”
เมิ่งฉีฮ่วนได้ยินอย่างนั้นก็หรี่ตาลง “ข้าไปทำลายความบริสุทธิ์ของพวกนางตอนไหน? เจ้าอธิบายให้ข้าฟังหน่อยสิว่า ข้าไปแอบมองเรือนร่างของพวกนางหรือปีนกำแพงเข้าไปหาพวกนางงั้นรึ?”
หลี่หรงหรงและหวังเหอฮวาที่คิดไม่ถึงว่าเมิ่งฉีฮ่วนจะพูดจาโจ๋งครึ่มขนาดนี้พลันหน้าแดงก่ำ มีแค่หวังเฟิ่งที่โวยวายเสียงดัง “เจ้าคนไร้ยางอาย! เจ้าดึงทึ้งเสื้อผ้าของลูกสาวที่บริสุทธิ์ผุดผ่องของคนอื่นตอนกลางวันแสก ๆ ทั้งยังผลักพวกนางลงไปในแม่น้ำอีกต่างหาก แบบนี้ยังไม่ใช่การทำลายความบริสุทธิ์ของพวกนางอีกเรอะ!”
[1] สิงโตอ้าปากกว้าง 狮子大开口 อุปมาว่า เรียกราคาสูงหรือตั้งเงื่อนไขสูงลิ่วเพราะหวังกอบโกยผลประโยชน์
[2] คนไม่ผิด ผิดที่ครอบครองหยก 君子无罪,怀璧其罪 เดิมหมายถึงสิ่งของล้ำค่านำภัยมาสู่ตัว ภายหลังนำมาใช้อุปมาว่า เพราะมีความสามารถจึงประสบภัย
MANGA DISCUSSION