บทที่ 74 คนไร้ยางอายมาอีกแล้ว
แม้หลิงซีน้อยจะไม่ใคร่เข้าใจคำพูดของหลี่เยว่หานเท่าใดนัก แต่ในเมื่อหลี่เยว่หานบอกว่ากลุ่มคนที่อยู่ข้างนอกนั่นเป็นฝ่ายผิด หลี่เยว่หานก็ต้องพูดถูกอยู่แล้ว
คิดถึงตรงนี้ หลิงซีน้อยก็กินเนื้อและเฝ้าเตาไฟต่อไปอย่างว่าง่าย
เรื่องที่พวกหวังเฟิ่งด่าทอหลี่เยว่หานอยู่หน้าเรือนลือไปทั่วหมู่บ้านไป๋อวิ๋นอย่างรวดเร็ว แต่เวลานี้เป็นช่วงเก็บเกี่ยว แม้ทุกคนจะเห็นใจที่หลี่เยว่หานมีบิดามารดาเช่นนี้ แต่ก็ไม่มีเวลามาช่วยนางขับไล่คนกลุ่มนี้ออกไป
แต่กลับมีคนไม่น้อยมาเกลี้ยกล่อมบิดามารดาของหวังเหอฮวา บอกให้พวกเขาอย่าไปยุ่งกับเรื่องในครอบครัวของหลี่เยว่หาน
แต่ใครเลยจะคาดว่าพวกเขากลับไม่รับน้ำใจเลยแม้แต่น้อย
มีเพียงหลี่หรงหรงที่ทราบว่า สาเหตุที่คนสกุลหวังมาช่วยพวกตนทวงความรับผิดชอบกับเมิ่งฉีฮ่วนอย่างกระตือรือร้นเช่นนี้ เป็นเพราะชื่อเสียงของหวังเหอฮวาในหมู่บ้านไป๋อวิ๋นเหม็นเน่าฉาวโฉ่ไม่เหลือชิ้นดีแล้ว ใคร ๆ ล้วนรู้ว่านางชอบเมิ่งฉีฮ่วน คนสกุลหวังจึงอยากให้เมิ่งฉีฮ่วนโชคร้ายใจจะขาด พวกเขาจะได้ฉวยโอกาสให้หวังเหอฮวาแต่งให้เมิ่งฉีฮ่วนไปเสียด้วยกัน!
“โธ่เอ๋ย สงสารหัวอกคนเป็นแม่จริง ๆ…” หวังเฟิ่งเริ่มร้องไห้คร่ำครวญ “แม่เลี้ยงเจ้ามาตั้งแต่ยังแบเบาะจนเติบโตมาขนาดนี้ แต่ตอนนี้พอออกเรือนไปได้เจ้ากลับลืมแม่คนนี้ไปเสียแล้ว ข้าไปทำเวรทำกรรมอะไรไว้หนอ…”
“ไม่ยอมรับแม่คนนี้ก็แล้วไปเถอะ ถึงอย่างไรข้าก็เป็นแม่เลี้ยง ต่อให้ทำดีกับเยว่หานมากกว่านี้คนเขาก็ไม่แน่ว่าจะจดจำใส่ใจ แต่ว่าเยว่หานเอ๊ย! พ่อเจ้ายังอยู่ตรงนี้นะ! แดดเปรี้ยงแบบนี้เจ้าทำใจปล่อยให้พ่อแก่ ๆ ของเจ้ายืนตากแดดอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร! เจ้ายังรู้จักผิดชอบชั่วดีอยู่หรือไม่!”
“ต่อให้เจ้าไม่เห็นแม่เลี้ยงคนนี้อยู่ในสายตา อย่างน้อยเจ้าก็เป็นห่วงพ่อแท้ ๆ ของเจ้าบ้างเถอะ!”
……
เสียงของหวังเฟิ่งดังขึ้นเรื่อย ๆ กระทั่งบิดามารดาของหวังเหอฮวาก็ไม่ร่วมผสมโรงอีกแล้ว มีนางคนเดียวที่แสดงละครอยู่หน้าประตูเรือนสกุลเมิ่ง
“พอเถอะ เฟิ่งเอ๋อร์ อย่าทำขายหน้าต่อไปอีกเลย” ในที่สุดหลี่ต้าเฉิงก็ทนไม่ไหว ดึงแขนของหวังเฟิ่งเอาไว้ บอกให้นางอย่าได้ด่าทอต่อไปอีกเลย
“ขายหน้า? ตอนนี้ท่านมารังเกียจว่าข้าขายหน้า? ท่านกลัวขายหน้าแล้วจะมาทำไม! มีแต่นางเด็กเยว่หานที่เป็นลูกสาวของท่าน หรงเอ๋อร์ของข้าไม่ใช่ลูกสาวของท่านงั้นเรอะ!” หวังเฟิ่งระเบิดอารมณ์อย่างคลุ้มคลั่ง ชั่วขณะนั้นหลี่ต้าเฉิงจนปัญญาไม่รู้จะรับมือกับนางอย่างไรดี
เห็นว่าเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ ประตูบ้านสกุลเมิ่งก็ยังคงปิดสนิทโดยไม่มีทีท่าว่าจะเปิดออกเหมือนเมื่อวานไม่มีผิด หลี่ต้าเฉิงถอนหายใจและพูดว่า “เฟิ่งเอ๋อร์ ในเมื่อเยว่หานไม่อยากพบพวกเรา พวกเราก็กลับกันเถอะ!”
“ถ้าจะกลับท่านก็กลับไปคนเดียว! วันนี้ข้าจะให้นังเด็กสารเลวหลี่เยว่หานออกมาพูดให้ชัดเจนให้ได้ สามีของนางมีสิทธิ์อะไรมาลงไม้ลงมือกับน้องสาวภรรยาของตัวเองเช่นนี้!”
หวังเฟิ่งว่าแล้วก็นั่งลงตรงหน้าประตูเรือนสกุลเมิ่ง ท่าทางเช่นนั้นราวกับว่าถ้ามีใครเข้ามาดึงนางออกไป นางก็จะขอเสี่ยงชีวิตกับอีกฝ่ายทั้งอย่างนั้น
เวลาช่วงเช้าผ่านไป คนที่พักกลางวันแล้วกลับเรือนมารับประทานมื้อเที่ยงก็มีมากขึ้นเรื่อย ๆ เห็นคนกลุ่มนี้มาอาละวาดหน้าประตูเรือนสกุลเมิ่งอีกแล้ว ทุกคนก็นึกขัน และไม่ไปให้ความสนใจ
ส่วนเวินเทียนเหล่ยที่ชมความครึกครื้นอยู่ข้าง ๆ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะตื่นเช้าเกินไปหรืออย่างไร เขาจึงมุดเข้ารถม้าไปนอนกลางวันนานแล้ว
มู่ชวนที่เพิ่งเลิกเรียนกลับมา มองเห็นแต่ไกลว่ามีคนมาล้อมบ้านของตนเอาไว้ก็อดจะร้อนใจไม่ได้ เขาเร่งฝีเท้ากลับมาถึงหน้าประตูเรือน กลับพบว่าเป็นครอบครัวของหวังเหอฮวาและคนที่ตนเองไม่รู้จักอีกหลายคน
“พี่สาวเหอฮวา พวกท่านมาทำอะไรที่นี่?” มู่ชวนมุ่นคิ้วถาม
หวังเหอฮวาเดิมก็ไม่พอใจมู่ชวนกับหลิงซีอยู่แล้ว จึงทำหน้าบึ้งใส่มู่ชวน “อาของเจ้าไปติดค้างหนี้รักคนอื่นไว้ ถามข้าไปก็ไม่มีประโยชน์!”
มู่ชวนได้ยินแบบนั้นก็งุนงงไปหมด ไม่เข้าใจเลยว่าหวังเหอฮวาพูดอะไรอยู่
ขณะที่หวังเฟิ่งพอจะคาดเดาตัวตนของมู่ชวนได้จากคำพูดของหวังเหอฮวา จึงลุกพรวดพราดจากหน้าประตูเรือนสกุลเมิ่งปรี่เข้ามาหามู่ชวน กระชากคอเสื้อของเขาเอาไว้แล้วตะโกนเสียงดัง
“หลี่เยว่หาน! ถ้าเจ้ายังไม่ยอมออกมาอีก ข้าก็จะเอาลูกติดของสามีเจ้าไปขายให้พวกค้ามนุษย์!”
หวังเฟิ่งพูดซ้ำเสียงดังอีกหลายครั้งเพราะเกรงว่าหลี่เยว่หานจะได้ยินไม่ชัด
“ปัง”
หลี่เยว่หานเปิดประตูเรือนสกุลเมิ่งออกมาเสียงดังลั่น สีหน้าอึมครึม
“นางเด็กน่าตายคนนี้ ไม่สนใจไยดีคนในครอบครัวตัวเองสักนิด แต่พอได้ยินว่าจะเอาลูกติดของสามีเจ้าไปขายก็ร้อนใจเป็นแล้ว?” หวังเฟิ่งหัวเราะจนร่างสั่นเทิ้ม ตบหน้าขาแล้วหันไปยิ้มกล่าวกับคนในครอบครัวของหวังเหอฮวาว่า “ข้าถึงได้บอกว่านางเด็กชั้นต่ำคนนี้เสนอตัวมาเป็นแม่เลี้ยงให้คนอื่นอย่างไรเล่า พวกเจ้าดูสิ ว่านางดู ไร้ยางอายแค่ไหน!”
“หวังเฟิ่ง วางเด็กลง” หลี่เยว่หานไม่สนใจจะตีฝีปากกับหวังเฟิ่ง มู่ชวนที่ถูกขยุ้มคอเสื้อหายใจไม่ออกจนหน้าแดงเถือกไปหมดแล้ว หญิงสาวกลัวว่าเด็กชายจะเป็นอะไรไป
ก่อนหน้านี้ที่ไม่ยอมเปิดประตูออกมาก็เพราะไม่อยากทะเลาะกับหวังเฟิ่งต่อหน้าหลิงซี แต่หวังเฟิ่งกลับจับตัวมู่ชวนที่เลิกเรียนกลับมาเอาไว้ นี่จึงไม่ใช่เรื่องจะทะเลาะหรือไม่ทะเลาะกันอีกต่อไปแล้ว
“ข้าไม่ปล่อยแล้วจะทำไม เว้นเสียแต่ว่าเจ้าจะเชิญข้าเข้าไปในบ้านอย่างพินอบพิเทา ไม่อย่างนั้น เจ้าอย่าหวังเลยว่าข้าจะปล่อยเจ้าเด็กนี่!” หวังเฟิ่งกุมจุดอ่อนของหลี่เยว่หานเอาไว้ได้ก็ทำตัวร้ายกาจขึ้นมาทันที “เมื่อกี้ยังไม่ยอมเปิดประตูอยู่เลยไม่ใช่เรอะ เป็นไรไป? ตอนนี้ยอมเปิดประตูง่าย ๆ แล้ว?”
ได้ยินเช่นนั้น หลี่เยว่หานก็สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ บอกตนเองว่าต้องสงบสติอารมณ์เข้าไว้ อย่าปล่อยให้หวังเฟิ่งยั่วยุได้สำเร็จ “ท่านไม่ปล่อยมือก็ได้ แต่ท่านต้องปล่อยมู่ชวนเสียก่อน เขาใกล้จะถูกท่านบีบคอตายอยู่แล้ว ถ้าท่านได้ชื่อว่าเป็นฆาตกร ข้าช่วยท่านไม่ไหวหรอกนะ!”
เมื่อหลี่เยว่หานกล่าวเช่นนั้น ทุกคนก็ค่อย ๆ ก้มลงมองมู่ชวน เห็นเด็กน้อยถูกกระชากคอจนใบหน้าแดงก่ำไปหมดแล้ว หวังเฟิ่งก็พลันลนลาน รีบคลายมือที่กำคอเสื้อของเขาออกทันทีแล้วถูมือไปมาบนชุดของตัวเอง จากนั้นก็ชี้หน้าด่าทอหลี่เยว่หาน “นังเด็กชั้นต่ำเจ้าสาปแช่งใครกัน!”
ผู้ใดจะคาดคิด หลี่เยว่หานพลันปราดเข้าไปกุมมือหวังเฟิ่งที่ชี้หน้าตนข้างนั้น บิดแขนหวังเฟิ่งไปข้างหลังกดไว้บนหัวไหล่
“ท่านมีหน้ามีตาขนาดนี้ ใครจะกล้าสาปแช่งท่านกันเล่า” หลี่เยว่หานยกยิ้มแต่ตาไม่ยิ้ม “แต่ท่านมาหาเรื่องข้าก่อน ข้าก็ต้องให้ท่านได้รับความลำบากเสียบ้าง!”
หลี่เยว่หานว่าแล้วก็ออกแรงกดแขนข้างนั้นของหวังเฟิ่งจนนางร้องโหยหวน “ฆ่าคนแล้วเจ้าข้าเอ๊ย! ฆ่าคนแล้ว! นังเด็กชั้นต่ำหลี่เยว่หานจะฆ่าคนแล้ว! ฆ่าแม่ตัวเอง! โอ๊ย! ฆ่าคนแล้ว!”
“เชิญท่านร้องตามสบาย ยิ่งร้องดังเท่าไหร่ก็ยิ่งดี” หลี่เยว่หานกล่าวเสียงเย็นเยียบ “จะให้ดีก็ร้องจนคอแตกไปเลย คอยดูว่าข้าจะกล้าทำให้ท่านพิการจริง ๆ หรือเปล่า!”
“ตอนอยู่หมู่บ้านเฮยถู่ข้าก็ไม่กลัวท่าน คิดว่ามาอยู่หมู่บ้านไป๋อวิ๋นแล้วข้ายังจะกลัวท่านงั้นเรอะ?”
หวังเฟิ่งค่อยรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา นางรีบเอ่ยปากขอร้อง “โธ่เอ๋ย…นางหนูเยว่หาน…แม่ทำไปเพราะร้อนใจแทนหรงเอ๋อร์! นางถูกสามีร่างสูงใหญ่ของเจ้าโยนลงไปในแม่น้ำต่อหน้าต่อตาคนมากมาย วันหน้าเด็กสาวที่บริสุทธิ์ผุดผ่องอย่างนางจะออกเรือนให้คนอื่นได้อย่างไร!”
ได้ยินอย่างนั้น หลี่เยว่หานก็หันไปมองหลี่หรงหรง ยิ้มเยาะพูดว่า “ท่านบอกว่าหลี่หรงหรงเป็นเด็กสาวบริสุทธิ์? นางจะท้องแหล่มิท้องแหล่กับหลิ่วจื้อหย่วนอยู่แล้ว ท่านยังมาพูดกับข้าว่านางเป็นเด็กสาวบริสุทธิ์? ท่านไม่อายปากบ้างรึ?”
MANGA DISCUSSION