บทที่ 67 กลุ่มพี่น้องที่รู้เหตุรู้ผล
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสีหน้าที่ดุร้ายเกินไปของเมิ่งฉีฮ่วนหรือไม่ ที่ทำให้คำก่นด่าของหวังเฟิ่งหยุดอยู่เพียงริมฝีปาก ไม่ได้ตะโกนออกมาต่อ
หลี่เยว่หานโผล่ศีรษะออกมาจากด้านหลังของเมิ่งฉีฮ่วน มองไปยังครอบครัวหลี่ที่นั่งกันอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา พลางค่อย ๆ ดึงชายเสื้อของเมิ่งฉีฮ่วน “ท่านช่วยถามพ่อกับแม่ของข้าที พวกเขามาทำอะไรกันในวันนี้ ข้าไม่กล้าพูดกับแม่เลี้ยง ข้ากลัว…”
หญิงสาวพูดพลางพยายามทำตัวให้ดูบริสุทธิ์ไร้ผิดภัยใด ๆ
ถึงแม้ว่าในหมู่บ้านเฮยถู่หลี่เยว่หานจะมีชื่อเสียงด้านความโหดร้าย แต่ในหมู่บ้านไป๋อวิ๋น นอกจากหวังเหอฮวาแล้ว โดยปกติก็จะให้เกียรติและสุภาพกับผู้อื่น ดังนั้นเมื่อทุกคนเห็นท่าทีระมัดระวังของหลี่เยว่หานเช่นนี้ จึงอดรู้สึกโกรธเคืองคนในครอบครัวหลี่ขึ้นมาไม่ได้
“มาทำอะไรกัน ลูกเขยจึงต้องออกไปเปิดประตูต้อนรับแต่เช้า หรือจะมาขออาหารหรือ?”
“ใช่ หมู่บ้านเฮยถู่นั้นยากจนยิ่งนัก ลูกสาวได้แต่งงานกับคนในหมู่บ้านไป๋อวิ๋นของเรา อาจจะต้องหัวแหลมจับให้ดีเสียหน่อย”
“เยว่หานเป็นเด็กดีเช่นนี้ ดูจากท่าทางขี้อายของนางแล้ว ก่อนจะแต่งงานออกมานั้น น่าจะได้รับการปฏิบัติที่บ้านแม่เลี้ยงไม่ค่อยดีนัก”
“ใช่ บ้านไหนจะคิดขายลูกสาวของตัวเองกัน”
ชาวบ้านในหมู่บ้านไป๋อวิ๋นพูดพลางมองคนในครอบครัวนั้น ด้วยแววตาเหยียดหยามและพิจารณา
ถึงแม้หลี่หรงหรงจะทำเรื่องน่าอับอาย แต่อย่างไรก็เป็นคนในครอบครัว เมื่อเห็นว่าหลี่เยว่หานและเมิ่งฉีฮ่วนสองสามีภรรยายังไม่พูดสิ่งใด แต่ผู้คนรอบ ๆ กลับพูดว่าครอบครัวหลี่ของพวกเขานั้นเป็นเช่นไรอยู่ตลอดเวลา จึงยิ่งรู้สึกว่าอดทนต่อไปไม่ไหว
“หลี่เยว่หาน เจ้าอย่ามาแสร้งทำตัวน่าสงสารที่นี่! ตอนที่เจ้าอยู่บ้านพวกเรานั้น ร้ายนักไม่ใช่หรือ!” หลี่หรงหรงหลบอยู่ด้านหลังหวังเฟิ่ง และก่นด่าออกมาด้วยเสียงแหลมสูง “แล้วก็พวกเจ้า คนในหมู่บ้านไป๋อวิ๋นโง่นักหรือ ก่อนหน้านี้หลี่เยว่หานรังแกเหอฮวาเช่นนั้น แล้วยังจะได้รับการปกป้องอีก!”
เพียงแค่หลี่หรงหรงเริ่มพูดออกมา ก็ถูกพูดโจมตีกลับ ในตอนนี้ คนในหมู่บ้านไป๋อวิ๋นจึงรู้สึกไม่พอใจอีกฝ่ายนัก
“หญิงสาวผู้นี้เพียงมองก็รู้แล้วว่าไม่ได้รับการสั่งสอนที่ดีนัก ช่างไม่เข้าใจจริง ๆ เหตุใดลูกสาวครอบครัวหลี่จึงแตกต่างกันมากเช่นนี้ เยว่หานราวกับพระจันทร์บนฟ้า ส่วนเจ้าราวกับคางคกในรางน้ำ!”
“ไอ้หยา ถึงแม้สองพี่น้องนี้จะแซ่หลี่เหมือนกัน แต่ก็ไม่ใช่แม่เดียวกัน”
……
ตั้งแต่แรกจนถึงบัดนี้ เมิ่งฉีฮ่วนยืนอยู่ด้านหน้าหลี่เยว่หานมาโดยตลอด หลี่เยว่หานหลบอยู่ด้านหลังร่างสูงของเมิ่งฉีฮ่วน จึงดูเป็นสาวน้อยตัวเล็กไปในทันที
เพียงแต่เมิ่งฉีฮ่วนเอาแต่ยืนเงียบไม่พูดใด ๆ แม้หลี่เยว่หานจะคอยสะกิดเขาหลายต่อหลายครั้ง แต่เมิ่งฉีฮ่วนยังคงนิ่งเฉย จึงทำให้หลี่เยว่หานอดสงสัยขึ้นมาไม่ได้
ขณะที่หลี่เยว่หานกำลังจะเดินออกมานั้น จู่ ๆ เมิ่งฉีฮ่วนได้ยกมือกันหญิงสาวไว้ด้านหลัง พลันพูดขึ้นมา “ครอบครัวหลี่ เยว่หานไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพวกท่าน ดังนั้นพวกท่านอย่ารบกวนการใช้ชีวิตของนางเลย คนในหมู่บ้านต่างก็มารวมตัวกันหน้าประตูบ้านข้าแต่เช้า ทุกท่านควรแยกย้ายกลับบ้านไปทานข้าวกันได้แล้ว”
เมื่อพูดจบ เมิ่งฉีฮ่วนก็หมุนตัวโอบหลี่เยว่หานเข้าบ้านไป จากนั้นจึงปิดประตูใหญ่ลง ไม่เพียงแค่ปิดเท่านั้น แต่ยังใช้ไม้ขัดไว้ด้วย
ตอนที่ยกไม้ขัดไว้นั้น เมิ่งฉีฮ่วนตั้งใจออกแรงเป็นพิเศษ ผู้คนด้านนอกต่างก็ได้ยินกันอย่างชัดเจน
การกระทำนี้ทำให้ครอบครัวหลี่รู้สึกอับอายขายหน้ายิ่งนัก
“ท่านเป็นอะไรไป?” หลี่เยว่หานยืนมองพฤติกรรมของเมิ่งฉีฮ่วนอยู่ข้าง ๆ จึงอดสงสัยขึ้นมาไม่ได้
ในตอนแรกที่เมิ่งฉีฮ่วนเดินออกไปนั้น เห็นได้ชัดว่ามีท่าทีพร้อมที่จะสู้กับครอบครัวหลี่ แต่ผ่านไปเพียงไม่นานกลับยอมเสียแล้ว?
ถึงแม้ประโยคสุดท้ายที่พูดออกไปก่อนจะเข้ามานั้นดูดุร้ายอยู่บ้าง แต่สำหรับหลี่เยว่หานที่เข้าใจเขานั้น เมิ่งฉีฮ่วนต้องพบอะไรบางอย่างเป็นแน่
“ไม่มีอะไร เจ้าดูแลเด็กสองคนนี้กินข้าวเถิด แล้วค่อยไปส่งพวกเขายังสำนักศึกษาด้วยตัวเอง” เมื่อเมิ่งฉีฮ่วนพูดจบจึงรีบเดินเข้าไปในสวนอย่างรวดเร็ว เร็วจนหลี่เยว่หานยังไม่ทันได้พูดอะไรออกมา
หลี่เยว่หานจึงทำได้เพียงเดินขมวดคิ้วกลับไปยังห้องครัว
หลังจากสองพี่น้องทานอาหารเช้าเรียบร้อย มู่ชวนจึงยืนบนเก้าอี้ตัวเล็กเพื่อล้างจาน ส่วนหลิงซีตัวน้อยก็คอยยืนข้าง ๆ เพื่อส่งจานที่สกปรกให้เขา
หลี่เยว่หานเห็นเช่นนั้น ก็รีบเข้าไปอุ้มมู่ชวนที่กำลังยืนล้างจานบนเก้าอี้ตัวเล็กออกมาทันที พลันรับจานในมือของเขาและพูดขึ้นว่า “หลังจากนี้พวกเจ้าไม่ต้องทำเรื่องพวกนี้แล้ว หากไม่ระวังแล้วเกิดแตกขึ้นมา อาจจะเป็นปัญหาได้ ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น มู่ชวนก็หัวเราะขึ้นมา “เมื่อก่อนตอนพี่หลี่…ก่อนที่อาหญิงยังไม่มา พวกเราก็ทำเช่นนี้ ไม่แตกหรอก”
เมื่อเห็นมู่ชวนเปลี่ยนสรรพนามในการเรียกตน หลี่เยว่หานจึงรู้สึกหน้าร้อนผ่าวขึ้นมา จากนั้นจึงหันไปล้างจาน ล้างไปพลางแสร้งเอ่ยถามขึ้นมา “อาเมิ่งของพวกเจ้ามีศัตรูหรือไม่?”
“มีมากมาย!” มู่ชวนเช็ดมือพลางตอบกลับ “ก่อนที่พวกเราจะมายังหมู่บ้านไป๋อวิ๋น หมู่บ้านนี้ไม่มีผู้ใดที่เป็นนายพรานจริง ๆ จัง ๆ คิดเพียงแค่ขึ้นภูเขาไปล่าสัตว์เท่านั้น ไปกันเป็นกลุ่มสามถึงห้าคน หลังจากอาเมิ่งมาที่นี่ เขาจะขึ้นภูเขาไปคนเดียวทุกครั้ง”
“ในตอนแรก อาเมิ่งค่อนข้างเจียมเนื้อเจียมตัว จะล่าเพียงสัตว์เล็กเช่นพวกไก่ฟ้าหรือกระต่ายเท่านั้น ทุกคนจึงไม่ได้สนใจนัก คิดว่าอาเมิ่งเพียงแค่ไปเดินเล่นในป่า”
“ต่อมา อาเมิ่งจับหมูป่าได้ตัวหนึ่ง หลังจากลากลงมาจากบนภูเขาแล้ว ทุกคนจึงเริ่มให้ความสนใจ คนจำนวนไม่น้อยคิดจะไปล่าสัตว์กับอาเมิ่ง แต่อาเมิ่งไม่ยอม จนถึงบัดนี้ เขายอมให้แค่หลิวโหย่วฉายขึ้นภูเขาไปด้วยกันเท่านั้น”
เมื่อได้ฟังแล้ว หลี่เยว่หานก็อดขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้ “เหตุใดอาเมิ่งของพวกเจ้าจึงยอมให้เพียงหลิวโหย่วฉายขึ้นภูเขาไปด้วย แต่กลับไม่ยอมให้ผู้อื่นไปกัน?”
“นั่นไม่ได้เป็นเพราะอาโหย่วฉายเป็นคนดีหรอก การล่าสัตว์ด้วยกันนั้น สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือปัญหาในการแบ่งเหยื่อ ตอนที่อาโหย่วฉายมาครั้งแรกนั้น ได้บอกไว้ว่า ขอเพียงติดตามอาเมิ่งไป จะไม่ขอแบ่งเหยื่อด้วย”
มู่ชวนพูดพลาง ล้างมือและให้หลิงซีนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเล็กด้านข้าง และเริ่มหวีผมให้น้องสาว “ใคร ๆ ต่างก็บอกว่า ถ้าจะปฏิเสธก็ต้องปฏิเสธให้หมด แต่อาเมิ่งไม่ยอม ดังนั้นชาวบ้านที่คิดอยากไปล่าสัตว์กับอาเมิ่งในตอนแรกนั้น จึงไม่ค่อยพอใจเท่าใดนัก”
“อาเมิ่งของพวกเจ้าทำให้คนไม่พอใจมากมายเช่นนี้ แล้วเหตุใดยังกล้าไม่อยู่บ้านวันเว้นวัน ปล่อยให้พวกเจ้าอยู่บ้านกันสองคนพี่น้อง?” หลี่เยว่หานจัดการถ้วยชามด้วยท่าทางคล่องแคล่วพลางเอ่ยถาม
“เพราะทุกคนเข้าใจว่าคนในครอบครัวนั้นไม่เกี่ยวข้อง” มู่ชวนพูด แต่ไม่รู้ว่าเหตุใดน้ำเสียงกลับเบาลงเล็กน้อย “คนในหมู่บ้านไป๋อวิ๋นใช้ชีวิตเรียบง่ายมากนัก”
“แอ๊ด…” เสียงประตูห้องครัวถูกเปิดออก เมิ่งฉีฮ่วนเดินเข้ามา หลี่เยว่หานเห็นเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่แล้วจึงอดสงสัยไม่ได้
“เจ้าจะออกไปข้างนอกหรือ?”
เขาเปลี่ยนเป็นชุดคลุมตัวยาวสีน้ำเงิน สีราวกับหมอกบางบนภูเขา ซึ่งทำให้เดิมทีเมิ่งฉีฮ่วนที่ดูดุร้ายนั้น กลับดูอ่อนโยนอย่างน่าประหลาด
“เมิ่ง…” มู่ชวนชะงักไป
“เหตุใดจู่ ๆ เจ้าจึงสวมเสื้อผ้าเช่นนี้?” หลี่เยว่หานสงสัย วันนี้ทำไมทุกคนจึงดูแปลก ๆ มีเพียงหนึ่งเดียวที่ไม่แปลกไปก็คือหลิงซีที่ยังไม่รู้เรื่องรู้ราวใด ๆ
“จะมีคนมาที่บ้าน” เมิ่งฉีฮ่วนพูดหลบสายตาลง “เจ้าจัดการเพียงแค่พาเด็ก ๆ ออกไปข้างนอก หากยังไม่ถึงเวลาพลบค่ำยังไม่ต้องกลับมา”
“ได้” หลี่เยว่หานคาดเดาว่าต้องมีเรื่องอะไรบางอย่าง แต่หลังจากนั้นจึงขมวดคิ้วขึ้นมา “แต่ครอบครัวหลี่ยังอยู่ด้านนอก”
MANGA DISCUSSION