บทที่ 62 เมิ่งฉีฮ่วนเอาคืน
เมิ่งฉีฮ่วนทราบว่าหลี่เยว่หานอารมณ์ไม่ดีจึงไม่ทะเลาะกับนาง หยิบตะเกียบสะอาดมาคู่หนึ่งแล้วขยับมาตรงหน้าหลี่เยว่หานอย่างหน้าหนา ยิ้มร่าพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นข้าขอชิมหมูพะโล้ที่ฮูหยินทำได้หรือไม่?”
“ไม่ได้” หลี่เยว่หานไม่สนใจความไร้ยางอายของเขา
“ไม่อย่างนั้นข้าคงต้องแปลงกายเป็นหม้อใบนี้แล้วนะ” เมิ่งฉีฮ่วนกล่าวอย่างจริงจัง
ได้ยินเช่นนั้น หลี่เยว่หานก็ถลึงตาใส่เขา แล้วลากฝาหม้อมาปิดเอาไว้จนมิด “ประทานโทษ ยังไม่ถึงเวลา ยังกินไม่ได้”
หลี่เยว่หานพูดจบก็หมุนกายออกไปจากห้องครัว
ตอนที่เมิ่งฉีฮ่วนตามออกไปก็เห็นหลี่เยว่หานตรงเข้าไปในลานเรือน ขณะนั้น หลิงซีที่นอนคลุมโปงอาบแดดอยู่บริเวณนั้นลุกขึ้นมานั่งขยี้ตา แล้วมองหลี่เยว่หานสลับกับมองเมิ่งฉีฮ่วน เอ่ยเสียงเจื้อยแจ้ว “อาเมิ่ง ทำไมพี่สาวถึงโกรธล่ะเจ้าคะ?”
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่านางโกรธ?” เมิ่งฉีฮ่วนสงสัย
“เวลาผู้หญิงโกรธก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้น” หลิงซีโคลงศีรษะอย่างน่ารักน่าเอ็นดู
“…” เมิ่งฉีฮ่วนเดินปราดมาถึงตรงหน้าหลิงซี แล้วอุ้มนางขึ้นมาจากเก้าอี้เอนหลัง กล่าวอย่างจริงจัง “แล้วเจ้ารู้วิธีง้อผู้หญิงที่กำลังโกรธหรือไม่?”
“ก็ต้องดูว่าทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงโกรธน่ะสิ!” หลิงซีมองเมิ่งฉีฮ่วนอย่างเจ้าเล่ห์เกินวัย “อาเมิ่งคงไม่ได้ทำเรื่องผิดต่อพี่สาวมาใช่ไหมเจ้าคะ?”
ได้ยินเช่นนั้น เมิ่งฉีฮ่วนก็ขมวดคิ้วทันที “พูดจาเหลวไหล!”
“ไม่อย่างนั้นก็คงเป็นคนอื่นทำให้พี่สาวโกรธน่ะสิ?” หลิงซีพูดพลางหมอบอยู่บนไหล่ของเมิ่งฉีฮ่วน สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ “อย่างนั้นก็แย่แล้ว”
“ทำไมเจ้าถึงเข้าใจอะไรเยอะแยะอย่างนี้?” เมิ่งฉีฮ่วนอดจะสงสัยไม่ได้
“ช่วงที่ข้าอาศัยอยู่กับภรรยาของอาจารย์ หลี่ฮูหยินค่อนข้างอารมณ์ร้อน ทุกทีอาจารย์ต้องง้ออยู่นานสองนาน ข้าจึงถามหลี่ฮูหยินว่าทำไมถึงชอบโกรธอาจารย์นัก หลี่ฮูหยินบอกว่า ผู้หญิงแสดงความโกรธออกมาอย่างพอเหมาะ ในสายตาผู้ชายก็จะยิ่งน่ารัก!”
ฟังคำพูดของหลิงซี เมิ่งฉีฮ่วนรู้สึกว่าสมองพองโตกว่าเดิม
ภรรยาของอาจารย์ดีไปเสียทุกอย่าง เสียอย่างเดียวคืออารมณ์ร้าย ครอบครัวไหนในหมู่บ้านที่ส่งลูกหลานไปร่ำเรียนที่สำนักศึกษา หลังเลิกเรียนถ้าไม่ให้เด็ก ๆ กลับบ้านกันเองก็ต้องให้ผู้ชายจากที่บ้านไปรับ ถ้าผู้หญิงไปจะไม่อนุญาตให้รับคนกลับไป
คิดถึงตรงนี้ เมิ่งฉีฮ่วนก็นึกถึงหวังเหอฮวาและหลี่หรงหรงที่วันนี้อยู่ดี ๆ ก็มาหาเรื่อง เขาพลันเข้าใจแล้วว่าทำไมหลี่เยว่หานถึงโกรธ!
“หลิงซีคนดี เจ้าฉลาดจริง ๆ!” เมิ่งฉีฮ่วนวางหลิงซีลงบนเก้าอี้เอนหลัง ใช้หลังนิ้วแตะจมูกของนางเบา ๆ พูดว่า “อาไปไม่นานก็กลับ เจ้ารออยู่ที่เรือนดี ๆ นะ!”
หลิงซีที่ได้รับคำชมเชยโดยไม่รู้เรื่องรู้ราวค่อนข้างจะงุนงง
นางเบิกตามองเมิ่งฉีฮ่วนออกจากเรือนไปด้วยท่าทางเอาเรื่อง เด็กน้อยพลันได้สติคืนมา นางปีนลงมาจากเก้าอี้เอนหลังอย่างคล่องแคล่วแล้ววิ่งเข้าไปในลานเรือนอย่างรู้ความ
เมิ่งฉีฮ่วนออกไปแล้วก็เดินไปรอบ ๆ หมู่บ้าน ทันเห็นหวังเหอฮวาและหลี่หรงหรงกำลังจะไปขึ้นเกวียนเทียมวัวตรงหน้าหมู่บ้านพอดีจึงไปขวางเอาไว้โดยไม่ลังเล
“เอ๊ะ! พี่เมิ่งมาส่งพวกข้าหรือเจ้าคะ?” หลี่หรงหรงแสร้งเป็นเหนียมอาย “ดูเหมือนพี่เมิ่งจะปฏิบัติกับหรงเอ๋อร์ต่างออกไปนะ”
หวังเหอฮวาที่อยู่ข้างกันได้ยินเช่นนั้นก็นิ่วหน้า “รีบขึ้นไปเถอะ ไม่อย่างนั้นกว่าจะไปถึงเรือนเจ้าก็คงมืดค่ำกันพอดี”
“ช้าก่อน” เมิ่งฉีฮ่วนจ้องหลี่หรงหรง “เจ้าทำอะไรกับภรรยาข้า?”
“พี่เมิ่งพูดอะไรของท่าน ข้าฟังไม่เข้าใจเลยเจ้าค่ะ” หลี่หรงหรงลืมเสียสนิทว่าตนเองเพิ่งไประรานหลี่เยว่หานมา คิดแต่จะแสดงท่าทางเขินอายท่าเดียว
หวังเหอฮวากลับมีสติแจ่มใสกว่านางมาก รีบอธิบายว่า “พี่เมิ่ง หลี่เยว่หานกลับไปฟ้องท่านใช่หรือไม่เจ้าคะ? นางบอกว่าพวกข้าพูดลบหลู่นางใช่ไหม? แท้จริงไม่ใช่เช่นนั้น พวกข้าแค่เป็นห่วงนาง นางเป็นผู้หญิงแต่กลับไปจับปลาในช่วงที่อากาศแบบนี้ พี่เมิ่งช่างไม่รู้จักทะนุถนอมคนอื่นบ้างเลยจริง ๆ”
เมิ่งฉีฮ่วนฟังแล้วก็พยักหน้า “เจ้าพูดถูก ข้าไม่ควรให้เยว่หานไปจับปลาในช่วงที่อากาศแบบนี้จริง ๆ นั่นแหละ”
พูดจบ เมิ่งฉีฮ่วนก็คว้าแขนหวังเหอฮวาและหลี่หรงหรงคนละข้างแล้วตรงไปยังแม่น้ำใกล้หมู่บ้านทันที
“พี่เมิ่งท่านจะทำอะไร! ข้าเป็นเด็กสาวที่ยังไม่ออกเรือนนะ ท่านทำเช่นนี้จะทำให้ชื่อเสียงข้าด่างพร้อย!”
“พี่เขย! พี่เขยปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ! ข้าหายใจไม่ทันแล้ว!”
……
เสียงโหวกเหวกโวยวายของคนทั้งสองดึงดูดความสนใจของคนหมู่บ้านไป๋อวิ๋นมาไม่น้อย ทว่าสีหน้าของเมิ่งฉีฮ่วนบอกว่าไม่ควรไปมีเรื่องด้วย แม้ใครหลายคนอยากเข้ามาห้ามแต่ก็ไม่ได้ก้าวเข้ามา
จวบจนมาถึงริมแม่น้ำ ครั้นเมิ่งฉีฮ่วนปล่อยมือ หวังเหอฮวากับหลี่หรงหรงก็ถูกเขาทิ้งลงแม่น้ำราวกับถุงผ้าขาด ๆ
“พวกเจ้าจับปลาคนละตัว จับไม่ได้ห้ามขึ้นฝั่ง” เมิ่งฉีฮ่วนพูดจบก็นั่งเฝ้าอยู่ริมฝั่ง
น้ำในแม่น้ำไม่ลึก เพียงถึงน่องของหวังเหอฮวากับหลี่หรงหรงเท่านั้น
แต่พวกนางไม่มีอะไรทั้งนั้น มือเปล่าเช่นนี้จะจับปลาได้อย่างไร…
“น้องเมิ่ง เจ้าทำอะไรน่ะ?” ในหมู่คนมุงในที่สุดก็มีคนอดไม่ไหวจึงเอ่ยถามขึ้นมา
“วันนี้ภรรยาข้ามาจับปลาให้ข้า แต่กลับถูกพวกนางสองคนดูถูก” เมิ่งฉีฮ่วนอธิบายเรื่องราวทั้งหมดโดยใช้ถ้อยคำไม่กี่ประโยค จากนั้นก็เชิดคางขึ้น “ข้าคิดว่าพวกนางคงเก่งกาจกว่าภรรยาข้า จึงอยากรู้ว่าพวกนางจะจับปลาอย่างไร”
ได้ยินดังนั้น คนทั้งหลายก็หมดคำจะพูด อยากดูพวกนางจับปลาอะไรกัน มาแก้แค้นให้ภรรยาของตัวเองชัด ๆ เลยนี่นา…
บิดามารดาของหวังเหอฮวาได้ยินว่าเมิ่งฉีฮ่วนลากลูกสาวตนเองมาที่แม่น้ำ ตอนแรกตั้งใจว่าจะมาชวนอีกฝ่ายทะเลาะ แต่พอเข้ามาใกล้กลับได้ยินคำพูดของเมิ่งฉีฮ่วนเข้า พวกเขาก็พลันร้อนใจขึ้นมา
ในสายตาของชาวนาเหล่านี้ นายพรานกับคนขายเนื้อล้วนเป็นคนที่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต จัดอยู่ในประเภทคนที่ไม่ควรไปมีเรื่องด้วย บิดามารดาของหวังเหอฮวาจึงหารือกันอยู่นอกกลุ่มคนมุงครู่หนึ่ง มารดาของหวังเหอฮวาตัดสินใจไปที่บ้านสกุลเมิ่ง ตั้งใจจะพาหลี่เยว่หานออกมาเกลี้ยกล่อมเมิ่งฉีฮ่วน
ส่วนบิดาของหวังเหอฮวาคอยอยู่ที่นี่ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับหวังเหอฮวาจะได้ช่วยเหลือไว้ทันท่วงที
“เมิ่งฉีฮ่วน! ท่านเป็นพี่เขยของข้านะ! มาทำอย่างนี้กับข้าได้อย่างไร!” หลี่หรงหรงที่ตกอยู่ในสภาพน่าสมเพชแล้วยังถูกคนมายืนมอง นางอดทนต่อไปไม่ไหว ในที่สุดก็ระเบิดเสียงร้องไห้ออกมา
เมิ่งฉีฮ่วนได้ยินแล้วก็ชำเลืองมองนางอย่างเย็นชา “ข้าจำไม่ได้ว่ามีน้องภรรยาอย่างเจ้าด้วย”
“หลี่เยว่หานเป็นพี่สาวของข้า! เจ้าใช่ว่าจะไม่รู้เสียหน่อย!” หลี่หรงหรงโมโหจนตีผิวน้ำ “ท่านทำกับข้าแบบนี้ได้อย่างไร!”
“ข้ารู้แค่ว่าข้าซื้อภรรยาของข้ามาจากพรรคมัจฉามังกร ไม่รู้ว่านางเป็นพี่สาวของเจ้า” เมิ่งฉีฮ่วนโกหกหน้าตาย
“ข้าก็บอกท่านอยู่นี่ไงเล่า ท่านก็รู้แล้วนี่นา!” หลี่หรงหรงโมโหแทบกระอัก
“ไม่รู้” เมิ่งฉีฮ่วนส่ายหน้าอย่างไม่นำพา “คนเป็นพี่น้องกันคงไม่มาพูดจาลบหลู่พี่สาวตัวเองตอนอีกฝ่ายจับปลา เจ้าทำลงไปแล้วก็น่าจะรู้ตัวว่าต้องได้รับผลกรรมตามสนอง”
MANGA DISCUSSION