บทที่ 52 ฝันกลับไป
ถึงอย่างไรหลี่เยว่หานก็เคยใช้เวลาหลายปีอยู่ในประเทศล้าหลังที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย ทั้งยังเป็นอาสาสมัครที่มีความสัมพันธ์อันดีกับกองกำลังรักษาความมั่นคงในพื้นที่ ดังนั้นเธอจึงเรียนรู้ศิลปะป้องกันตัวมาหลายกระบวนท่า
เมิ่งฉีฮ่วนเพียงแค่โอบกอดที่เอวของเธอ ดังนั้นหลี่เยว่หานจึงสามารถดึงตัวเองออกจากแขนของเขาได้ไม่ยาก จากนั้นก็งอแขนตีเข้าหน้าอกของเมิ่งฉีฮ่วนด้วยข้อศอกอย่างแม่นยำ
ศอกเป็นส่วนที่รุนแรงที่สุดของร่างกายมนุษย์ หากหลี่เยว่หานสามารถลงมือได้สำเร็จ แม้ว่าซี่โครงของเมิ่งฉีฮ่วนจะไม่หัก แต่ก็ต้องใช้เวลานานกว่าจะสามารถยืนตัวตรงได้
เมื่อหลี่เยว่หานคิดว่าการลงมือของตนเองกำลังจะประสบความสำเร็จ ก็พลันเกิดความเคลื่อนไหวที่เบื้องหน้า เมื่อเธอได้สติอีกที แขนของตนเองก็ถูกเมิ่งฉีฮ่วนบิดไปข้างหลัง ส่วนใบหน้าถูกกดลงบนเก้าอี้บุผ้านวม
“ปล่อยข้านะ!” หลี่เยว่หานพูดขึ้นมา เธอเห็นไม่ชัดเสียด้วยซ้ำว่าเมิ่งฉีฮ่วนลงมืออย่างไร สับสนกับการถูกตอบโต้จนรู้สึกอับอายขายหน้าและโมโห
“เหตุใดข้าจึงต้องปล่อยเจ้าไป” เมิ่งฉีฮ่วนกล่าวขึ้นมาขณะใช้ขาสกัดลูกเตะของหลี่เยว่หาน ก่อนร่างกายท่อนบนจะโน้มลงไปกระซิบใกล้หูของหลี่เยว่หาน “ถ้าเจ้าไม่คิดจะรับผิดชอบข้า ข้าก็ได้แต่ต้องรับผิดชอบเจ้า”
เมื่อได้ยินเช่นนี้หลี่เยว่หานก็หน้าแดงไปจนถึงหู พยายามดิ้นรนอย่างสุดแรง
“ก็ได้ ข้าจะไม่ทำอะไรเจ้า” แรงที่เมิ่งฉีฮ่วนใช้คลายลงไปไม่น้อย “แต่ตัวตนเจ้าตอนนี้เป็นฮูหยินของข้าแล้ว หากหลังจากสองปีหน้า เจ้ายังต้องการจะจากไป ข้าก็จะไม่รั้งเอาไว้”
“เหตุใดจึงต้องสองปี!” หลี่เยว่หานถามกลับ
“หลังจากสองปี หลิงซีก็จะอายุห้าขวบปี สามารถดูแลตัวเองได้บ้างแล้ว” เมิ่งฉีฮ่วนกล่าว ก่อนจะปล่อยหลี่เยว่หาน น้ำเสียงของเขาดูอ่อนลงเล็กน้อย
หลี่เยว่หานยืนขึ้น ก่อนจะนวดข้อมือที่เจ็บของตนเองไปมา พลางจ้องไปทางเมิ่งฉีฮ่วนด้วยความโกรธเคือง “ดูไม่ออกเลยว่าท่านจะสนใจใยดีเด็กสองคนที่เป็นเพียงแค่หมากด้วย”
เมิ่งฉีฮ่วนมองดูนางนวดข้อมือตัวเอง ก่อนจะเพิ่งตระหนักได้ว่าเมื่อครู่เขาลงมือหนักเกินไป สีหน้าจึงย่ำแย่ลงเล็กน้อย “สองพี่น้องก็ถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ เหตุใดข้าจึงจะไม่สนใจใยดี ยิ่งไปกว่านั้นตอนมาที่หมู่บ้านไป๋อวิ๋นหลิงซีก็ยังอายุไม่ถึงหนึ่งขวบ ถือได้ว่าเป็นเด็กคนหนึ่งที่ข้าเลี้ยงมากับมือ”
“เหอะ” ได้ยินเขาพูดเช่นนั้น หลี่เยว่หานก็อดส่งเสียงออกมาไม่ได้ “เหตุจึงต้องแสร้งแสดงออกมาเช่นนั้น”
เมิ่งฉีฮ่วนได้ยินนางพึมพำเสียงเบา แต่ก็ทำราวกับไม่ได้ยิน เขาหยิบถุงเงินออกมาแล้ววางไปด้านข้างหลี่เยว่หาน “ข้ารู้ว่าเจ้ามีความคิดที่จะหาเงิน เงินเหล่านี้ข้าให้เจ้ายืม รอเจ้าหามาได้ก็ค่อยจ่ายคืนข้าแบบไม่ต้องคิดดอกเบี้ย”
พูดจบ เมิ่งฉีฮ่วนก็หันหลังเดินจากไป
หลี่เยว่หานรีบหยิบถุงเงินขึ้นมา ก่อนจะพบว่าด้านในมีสัญญาหนี้และเงินอีกหลายตำลึงใส่รวมไว้ด้วยกัน หลี่เยว่หานรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แต่ก็ยังรีบนำสัญญาหนี้ออกมาเผาทิ้งไปจนหมดสิ้น
หลังจากจัดระเบียบตัวเองแล้ว หลี่เยว่หานก็ไปที่ห้องของหลิงซีเพื่อดูเด็กหญิงตัวน้อย หลังจากแน่ใจว่านางไม่มีอาการอะไร ก็รู้สึกเหนื่อยล้าไปทั้งตัวจึงตัดสินใจกลับไปยังห้องของตนเอง
เมื่อเข้าไปด้านใน เธอก็เห็นขวดกระเบื้องเคลือบสีขาวขนาดเล็กอันหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะ
หลี่เยว่หานเปิดขวดกระเบื้องเคลือบด้วยความสงสัย เธอดมมันก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นมา นี่เป็นยาช่วยในการไหลเวียนโลหิตสลายเลือดคลั่ง เมิ่งฉีฮ่วนมีความรู้สึกผิดเกิดขึ้นในใจด้วยหรือ?
คิดเช่นนี้แล้ว หลี่เยว่หานก็ไม่เกรงใจ เทยาออกมาทาลงบนข้อมือที่เปลี่ยนเป็นสีแดงจากแรงของเมิ่งฉีฮ่วนเมื่อครู่ ขณะที่ทาก็ต้องรู้สึกประหลาดใจ ยาทั้งหมดถูกดูดซึมเข้าไปในผิวหนังก่อนออกฤทธิ์อย่างรวดเร็ว
เพียงช่วงเวลาสั้น ๆ ข้อมือของหลี่เยว่หานที่บวมแดงก็บรรเทาลง เหลือเพียงรอยสีแดงจาง ๆ น่าตกตะลึงจนหญิงสาวแทบอ้าปากค้าง!
กระทั่งในศตวรรษที่ 21 ก็ยังไม่มียาที่สามารถรักษาได้ทันทีเช่นนี้!
ส่วนผสมของยานี้มีอะไรบ้าง?
เหตุใดเมิ่งฉีฮ่วนจึงมีมัน?
ใช่แล้ว เธอเคยได้ยินจากมู่ชวนว่าเมิ่งฉีฮ่วนรู้วิธีทำยา เป็นไปได้หรือไม่ที่เขาจะไม่ได้มีความรู้ทางการแพทย์แค่เพียงผิวเผิน แต่มีความรู้ด้านนี้อย่างลึกซึ้ง?
เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้ว หลี่เยว่หานก็อดคร่ำครวญออกมาไม่ได้ ความวิตกกังวลเรื่องไข้ของหลิงซีเมื่อคืนช่างเกินจำเป็นจริง ๆ
หากรู้แต่แรกว่าทักษะการแพทย์ของเมิ่งฉีฮ่วนเก่งกาจขนาดนี้ ตนคงจะไม่ตึงเครียดถึงเพียงนั้น!
หลี่เยว่หานบิดขี้เกียจ หลังจากไม่ได้นอนมาทั้งคืนทั้งยังออกแรงทำงานยุ่งที่ลานด้านหลังเป็นเวลานาน เธอหมดเรี่ยวแรงเป็นอย่างยิ่ง เพียงแค่หัวถึงหมอนก็หลับไปในทันที
ท่ามกลางความสะลึมสะลือ หลี่เยว่หานคล้ายได้ยินเสียงคนกำลังร้องไห้ เธออดลืมตาขึ้นมาด้วยความงุนงงไม่ได้ ก่อนจะต้องตกตะลึงขึ้นมาทันที
เหตุใดเธอจึงอยู่ในสุสาน?
ไม่สิ เธอไม่ได้อยู่ที่แคว้นตงฮั่นหรอกหรือ? เหตุใดจึงย้อนกลับมายังศตวรรษที่ 21!
“เยว่หาน เธอสามารถจากไปอย่างสบายใจ ฉันจะช่วยดูแลพ่อของเธอให้เอง” มีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมา เมื่อหลี่เยว่หานหันไปมองก็พบว่าคนผู้นั้นคือหวังเฟิ่ง แม่เลี้ยงของเธอที่อยู่ในยุคสมัยใหม่!
สิ่งที่ทำให้หลี่เยว่หานคาดไม่ถึงก็คือ พ่อของเธอที่นั่งอยู่บนรถเข็น แววตาของเขาว่างเปล่าเหม่อลอย
“ป้าหวังเฟิ่งอย่าได้โศกเศร้าจนเกินไป ตอนนี้เยว่หานก็จากไปแล้ว การดูแลคุณลุงให้ดีถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุด” หญิงสาวผู้หนึ่งที่หลี่เยว่หานไม่คุ้นหน้ายืนอยู่ด้านข้างหวังเฟิ่งพร้อมเอ่ยปลอบใจ
“หลังจากนี้จะอยู่ต่อไปยังไง!” หวังเฟิ่งยิ่งร้องไห้หนักขึ้น “พ่อของเยว่หานเป็นอัลไซเมอร์ไปแล้ว เดิมทีหวังว่าเยว่หานกลับประเทศมาจะสามารถช่วยกันดูแลเขาได้ แต่ใครจะรู้ว่าเด็กคนนี้จะคิดไม่ตก ถึงกับกระโดดตึกลงมา!”
“คุณป้าอย่าคิดแบบนั้น เยว่หานตอนอยู่ต่างประเทศกับพวกเราก็ต้องทนทุกข์ทรมานจากภาวะซึมเศร้าอย่างรุนแรง อาจเป็นเพราะโรคซึมเศร้ากำเริบ ดังนั้นเธอจึงคิดไม่ตกแบบนี้” หญิงสาวคนนั้นปลอบอีกครั้ง
ในตอนนั้นเองหลี่เยว่หานก็นึกขึ้นมาได้ว่าผู้หญิงคนนี้คือใคร!
ตอนที่เธอไปเป็นอาสาสมัครอยู่ต่างประเทศ หลี่เยว่หานได้รับการเลือกให้เป็นหัวหน้าทีมอาสาสมัครเนื่องจากความสามารถอันโดดเด่นของเธอ! และผู้หญิงคนนี้คือผู้ที่แข่งขันกับเธอเพื่อแย่งชิงตำแหน่งหัวหน้าทีมในตอนนั้น! ชื่อของผู้หญิงคนนี้คือเฉินเม่ยเซวียน! หลังจากนั้นก็ได้ยินมาว่ามีเรื่องเกิดขึ้นกับครอบครัวของเธอ จึงต้องกลับประเทศ ทว่าทำไมเธอจึงรู้จักกับหวังเฟิ่งได้?
“เม่ยเซวียนช่างจิตใจดี…” หวังเฟิ่งร้องไห้ซบไหล่ของเฉินเม่ยเซวียน ในตอนนั้นเองหลี่เยว่หานก็เห็นคนในชุดดำหลายคนมาที่หลุมฝังศพของเธอด้วย
เมื่อดูให้ดี ก็พบว่าคือเพื่อนร่วมทีมอาสาสมัคร
“คุณป้า โปรดระงับความเสียใจ” ผู้นำในครั้งนี้คือจ้าวอวี๋ที่เป็นลูกศิษย์ของหลี่เยว่หาน และก็เป็นผู้ช่วยของหลี่เยว่หานมาโดยตลอด
“ขอบคุณพวกเธอมากที่กลับมาส่งหลี่เยว่หานเป็นครั้งสุดท้าย” หวังเฟิ่งยืนตัวตรง ก่อนมองไปที่จ้าวอวี๋ด้วยดวงตาแดงก่ำ จากนั้นก็ถอนหายใจออกมา
“คุณป้า ฉันขอถามคำถามสักเล็กน้อย” จ้าวอวี๋วางมือลงบนหลุมศพของหลี่เยว่หาน ก่อนจะยืนตัวตรงมองไปที่หวังเฟิ่ง “อาจารย์หลี่เข้มแข็งและมองโลกในแง่ดีมาโดยตลอด ทำไมถึงกระโดดตึกกะทันหัน? แล้วทำไมศพของเธอจึงถูกเผาทันทีโดยไม่มีการชันสูตร?”
ได้ยินเช่นนี้แล้ว ใบหน้าของหวังเฟิ่งก็ยิ่งเศร้าโศกมากยิ่งขึ้น “นั่นคือชั้นที่ยี่สิบเจ็ดเลยนะ! เมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่เยว่หานของบ้านเราเป็นคนดีอย่างมาก ตายตกด้วยสภาพไม่น่าดูแบบนั้น จะส่งไปชันสูตรได้ยังไง!”
หลี่เยว่หานที่ได้ยินก็โกรธขึ้นมาเป็นฟืนเป็นไฟ!
ไม่มีการชันสูตรศพก็ยืนยันว่าเธอฆ่าตัวตายอย่างนั้นหรือ! เธอไม่มีทางทำแบบนั้นแน่!
MANGA DISCUSSION