บทที่ 48 ช่างเป็นหญิงที่ขาดความรับผิดชอบนัก
ถึงแม้จะไม่รู้ว่า ‘เทพนิยาย’ นั้นคือสิ่งใด แต่ไม่ว่าจะเป็นซินเดอเรลล่า สโนว์ไวต์ และยังมีเงือกน้อยที่หลี่เยว่หานพูดออกมานั้น กลับทำให้หัวใจของเด็กหญิงตัวน้อยอ่อนลงมาก
ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนของหลี่เยว่หาน หลิงซีจึงหลับไปอีกครั้ง หลังจากหลี่เยว่หานแน่ใจว่านางหลับไปแล้ว ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งใจออกมา
กินได้ ดื่มได้ นอนได้ พรุ่งนี้ตื่นขึ้นมาก็จะไม่เป็นอะไรแล้ว
ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเรื่องที่เมิ่งฉีฮ่วนบอกว่าหลิงซีได้รับพิษตั้งแต่ตอนอยู่ในครรภ์มารดานั้นเป็นมาอย่างไร แต่ในสถาณการณ์ที่เด็กเจ็บป่วยขึ้นมานั้น การไม่มีเครื่องมือในการรักษา วิธีที่หลี่เยว่หานทำนั้นจึงนับว่าไม่ผิด
กลางดึก หลี่เยว่หานยังคงไม่หลับ คอยเฝ้าอยู่ข้างกายหลิงซี เช็ดตัวให้นางเป็นช่วง ๆ ผ้าเปียกที่ชุบสุรากลั่นถูกวางไว้บนหน้าผากของหลิงซีตลอดเวลา เธอทำเช่นนี้ซ้ำไปซ้ำมาตลอดทั้งคืน คืนนี้หลิงซีไข้ขึ้นถึงสองครั้ง แต่หลี่เยว่หานมาพบได้ทันเวลาและพยายามหาวิธีทำให้มันคงที่
เมื่อถึงเวลาไก่ขันยามเช้า หลี่เยว่หานก็ดูให้มั่นใจอีกครั้ง อุณหภูมิร่างกายของหลิวซีในครึ่งคืนหลังนั้นเริ่มกลับมาเป็นปกติ เธอถอนหายใจด้วยความโล่งใจ และเผลอหลับไปข้างเตียงของหลิงซี
หลังจากหญิงสาวหลับไปได้ครู่หนึ่ง เมิ่งฉีฮ่วนก็ค่อย ๆ ผลักประตูเปิดเข้ามา เอามือไปแตะหน้าผากของหลิงซีก่อน จากนั้นจึงค่อย ๆ อุ้มหลี่เยว่หานที่กำลังหลับใหลอยู่ขึ้นมา และเดินออกจากห้องของหลิงซีไปด้วยฝีเท้าแผ่วเบา
“อาเมิ่ง…” เมื่อออกมาจากห้องของหลิงซี เมิ่งฉีฮ่วนก็ถูกมู่ชวนที่รู้สึกเป็นห่วงเช่นกันขวางทางเอาไว้
“ชู่ว…” เมิ่งฉีฮ่วนรีบส่งสัญญาณให้มู่ชวนเงียบลง จากนั้นจึงค่อย ๆ ย่องเดินเพื่อพาหลี่เยว่หานกลับไปยังห้องของนาง หลังจากช่วยถอดเสื้อคลุมและรองเท้า และห่มผ้าให้นางแล้ว ชายหนุ่มก็เดินออกจากห้องของหลี่เยว่หานไปอย่างเงียบ ๆ
มู่ชวนรออยู่หน้าประตูด้วยความกังวลใจ
“หลิงซีไม่เป็นอะไรแล้ว” เมิ่งฉีฮ่วนพูดพลางลูบหัวมู่ชวน “พี่สาวหลี่ของเจ้าเก่งยิ่งนัก เพียงแค่คืนเดียว หลิงซีก็ไม่เป็นอะไรแล้ว”
เมื่อได้ยินคำยืนยันของอาเมิ่ง มู่ชวนถึงรู้สึกโล่งใจ “เช่นนั้นก็ดี แต่ไม่รู้ว่าหลิงซีจะป่วยเช่นนี้อีกสักกี่ครั้ง ข้ากลัวเหลือเกิน”
“ไม่ต้องกลัว” เมิ่งฉีฮ่วนโน้มตัวลงไปอุ้มมู่ชวนขึ้นมา “เจ้าเป็นญาติเพียงคนเดียวของหลิงซี ถ้าหากเจ้าไม่มีความกล้าหาญ หลิงซีจะพึ่งพาใครกัน? ถึงแม้ข้าจะรับปากพ่อของเจ้าไว้แล้วว่าจะดูแลพวกเจ้าทั้งสองอย่างดี แต่ถ้าหากวันหนึ่งคนเหล่านั้นตามหาหมู่บ้านไป๋อวิ๋นพบ ข้าก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา”
เมื่อได้ยินเมิ่งฉีฮ่วนพูดถึงพ่อขึ้นมา ดวงตาของมู่ชวนก็หรี่ลง “อาเมิ่ง พวกเราสามารถซ่อนตัวอยู่ในหมู่บ้านไป๋อวิ๋นไปตลอดชีวิตได้หรือไม่?”
“ไม่ได้” เมิ่งฉีฮ่วนตอบกลับเพียงสั้น ๆ “ดังนั้น ก่อนที่พวกเขาจะตามหาพบ มู่ชวนเจ้าต้องรีบเติบโตขึ้น เช่นนี้พวกเราจึงจะสามารถช่วยกันปกป้องหลิงซีและพี่สาวหลี่ของเจ้าได้”
“ข้าไม่เข้าใจ!” มู่ชวนพูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น “เพราะเหตุใดท่านพ่อกับท่านแม่จึงยอมตายแทนที่จะมอบพื้นที่หลิงฉวนออกไป ถ้าหากยอมมอบออกไป อย่างน้อยพวกเขาก็ยังรักษาชีวิตไว้ได้ หลิงซีก็ไม่ต้องทุกข์ทรมานเช่นนี้ อาเมิ่งก็จะยังเป็นองค์ชายรูปงามที่สุดในเมืองหลวง!”
“จงเจิ้งมู่ชวน!” เมิ่งฉีฮ่วนดูเคร่งขรึมขึ้นมาทันที “พื้นที่หลิงฉวนเป็นสมบัติของประเทศ เป็นสิ่งที่ถูกต้องที่ท่านพ่อและท่านแม่ไม่ยอมมอบพื้นที่หลิงฉวนให้กับหัวขโมยพวกนั้นไป!”
“แล้วเหตุใดผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์จึงไม่ปกป้องสมบัติของประเทศไว้ หรือขอให้ลูกชายลูกสาวของเขาปกป้องมันด้วยชีวิตกัน!”
ในที่สุดมู่ชวนก็ทนไม่ไหวจนร้องไห้ออกมา “ตอนที่จากเมืองหลวงมานั้น หลิงซียังไม่ถึงหนึ่งขวบด้วยซ้ำ ท่านพ่อกับท่านแม่ก็ตายต่อหน้าข้า อาเมิ่ง บางครั้งข้าก็อดเกลียดสมบัติของประเทศนี้ไม่ได้ ถ้าหากไม่เป็นเพราะมัน ครอบครัวของเราคงไม่ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้!”
“ไม่ต้องร้องแล้ว เด็กผู้ชายคนหนึ่งจะเอาแต่ร้องไห้ได้อย่างไร” เมิ่งฉีฮ่วนถอนหายใจออกมาเบา ๆ พูดปลอบไม่ให้เด็กชายตัวน้อยร้องไห้ พลางยืนตัวแข็งทื่อไม่รู้ว่าควรจะเช็ดน้ำตาให้เช่นไร
“ข้าเสียใจแทนหลิงซี” มู่ชวนยกมือขึ้นมาปาดน้ำตา “และเจ็บใจแทนอาเมิ่ง”
“ฮึ เหตุใดเจ้าจึงไม่พูดว่าเจ็บใจแทนพี่สาวหลี่ของเจ้า ที่ถูกข้าลากเข้ามาเกี่ยวข้องโดยไม่รู้เรื่องใด ๆ เล่า” เมิ่งฉีฮ่วนแสร้งพูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจ
“พี่สาวหลี่เป็นคนดี” มู่ชวนพูดพลางมองเมิ่งฉีฮ่วนด้วยแววตาจริงจัง “ถ้าหากคนเหล่านั้นตามหาหมู่บ้านไป๋อวิ๋นพบ ข้าก็หวังว่าอาเมิ่งจะสามารถปกป้องพี่สาวหลี่ได้ นางไม่ได้ทำอะไรผิด”
“เจ้าเด็กน่าเกลียด ดูเจ้าพูดเข้า!” เมิ่งฉีฮ่วนลูบหัวของมู่ชวนอีกครั้ง “เอาล่ะ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เข้าไปดูหลิงซีก่อนเถิด ข้าจะไปเตรียมอาหารเช้าให้เจ้า ทำอะไรให้เบา ๆ อย่าเสียงดังจนพี่สาวหลี่ของเจ้าตื่น และคำพูดเมื่อครู่ อย่าพูดต่อหน้าพี่สาวหลี่ของเจ้าเล่า”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น มู่ชวนก็สูดหายใจเข้าอย่างไม่พอใจนัก “รู้แล้ว ท่านก็รู้จักเป็นห่วงภรรยาของท่านเสียบ้างเถอะ”
เมื่อพูดจบ เขาจึงหมุนตัวแล้วเดินไปยังห้องของหลิงซี เมิ่งฉีฮ่วนมองแผ่นหลังของเด็กชายตัวน้อยแล้วจึงส่ายศีรษะไปมา และเดินออกจากสวนไป
ในขณะนั้นเอง ไม่มีใครรู้ว่าหลี่เยว่หานกำลังนั่งยองอยู่หลังประตูห้องของตน จนได้ยินเรื่องที่พวกเขาพูดกันอย่างชัดเจน
พื้นที่หลิงฉวน? สมบัติของประเทศ? ขุนนางชั่วคิดคดทรยศ?
เหมือนว่าเธอจะรู้ความลับที่ไม่ควรรู้เสียแล้ว!
เมื่อได้ยินคำพูดของเมิ่งฉีฮ่วนและจงเจิ้งมู่ชวนเมื่อครู่ เพื่อที่จะรักษาสิ่งที่เรียกว่าพื้นที่หลิงฉวนไว้ พ่อแม่ของสองพี่น้องจึงต้องถูกฆ่าตาย หลังจากนั้น เมิ่งฉีฮ่วนจึงพาสองพี่น้องเดินทางออกมาจากเมืองหลวง หนีมาไกลถึงหมู่บ้านไป๋อวิ๋น
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ในสมองของหลี่เยว่หานก็รู้สึกสับสนขึ้นมา
นี่มันเรื่องอะไรกัน? เมิ่งฉีฮ่วนเป็นผู้มีชื่อเสียงหรือ?
หรือพื้นที่หลิงฉวนจะเป็นสถานที่ที่เมิ่งฉีฮ่วนจะส่งหลิงซีเข้าไปอย่างนั้นหรือ?
จากคำพูดของพวกเขาทั้งสองคนแล้ว ดูเหมือนว่ายังมีคนคอยตามหาพวกเขาอยู่ด้านนอก หากถูกตามหาจนพบ ก็คงจะเกิดอันตรายขึ้นได้…
หลี่เยว่หานอดหวาดกลัวขึ้นมาไม่ได้
ถึงแม้ว่าเธอจะทะลุผ่านมิติมา แต่โชคชะตาก็ไม่ควรเล่นตลกกับเธอเช่นนี้!
ถ้าหากเมิ่งฉีฮ่วนถูกตามหาพบ เขาจะไม่ลากเธอเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยหรอกหรือ!
ไม่ได้! ไม่ได้อย่างเด็ดขาด! เธอจำเป็นต้องรีบออกไป! ออกไปจากบ้านหลังนี้ให้ไกลที่สุด!
ตายเสียยังดีกว่าการมีชีวิตที่ไร้ค่า อย่างไรเธอก็เคยตายมาครั้งหนึ่งแล้ว!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หลี่เยว่หานก็รีบลุกขึ้น จากนั้นจึงเริ่มเก็บข้าวของของตน วันนี้เธอต้องออกไปจากหมู่บ้านไป๋อวิ๋นก่อนจะที่เมิ่งฉีฮ่วนจะกลับมา!
ขณะที่กำลังคิด จู่ ๆ ประตูห้องของหลี่เยว่หานก็ถูกเปิดออก หญิงสาวหันไปมองด้วยความตื่นตระหนก ก่อนจะได้เห็นร่างกายกำยำของเมิ่งฉีฮ่วนที่ยืนอยู่ตรงประตูห้องพอดี เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะรู้ เธอจึงรีบดึงผ้าห่มมาคลุมห่อผ้าที่ใส่ข้าวของไว้ทันที
“ทำ…ทำไมจึงไม่เคาะประตู…” หลี่เยว่หานฝืนยิ้มออกมา
หญิงสาวเพียงเห็นใบหน้าเย็นชาของเมิ่งฉีฮ่วน เดินเข้ามาในห้อง และใช้มืออีกข้างปิดประตูลงจากนั้นจึงเดินเข้ามาหาเธอ
“เก็บข้าวของ คิดจะไปที่ใดหรือ?” เมิ่งฉีฮ่วนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ท่านเข้าใจผิดแล้ว” หลี่เยว่หานแสร้งหัวเราะขึ้นมา “ข้าแค่จัดห้อง จึงบังเอิญเห็นว่าห่อผ้านี้ยังไม่ได้แกะออก ข้าจึงลองแกะออกเท่านั้น ไม่ได้เป็นอย่างที่ท่านคิด!”
“ข้าคิดเช่นไรงั้นหรือ?” เมิ่งฉีฮ่วนเอ่ยถามอีกครั้ง ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหน้าเตียงนอนของหลี่เยว่หาน โน้มตัวเข้าไปตรงหน้าหลี่เยว่หาน เขาขมวดคิ้วขึ้นมาพลางพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่ง “เจ้ากินข้าแล้ว จะไม่รับผิดชอบงั้นหรือ อีกทั้งยังจะเดินจากไป คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะเป็นหญิงที่ไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้”
หลี่เยว่หาน???
MANGA DISCUSSION