บทที่ 4 เลือดสุนัขดำ
หลี่ต้าเฉิงที่ด้านข้างเห็นว่าเรื่องนี้ได้รับการชี้แจงแล้วก็ไม่สนใจมันอีก แม้เขาจะรู้สึกว่าวันนี้หลี่เยว่หานดูแปลก ๆ ไป แต่เขาก็เชื่อหวังเฟิ่ง
จากนั้นเขาก็มองไปที่หลี่เยว่หานด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม “รีบทำอาหารเช้าเร็วเข้า! บิดาของเจ้ายังต้องรีบไปทำงาน!”
เมื่อได้ยิน หลี่เยว่หานก็จำได้ว่าหลี่ต้าเฉิงและคนงานที่แข็งแรงสองสามคนในหมู่บ้านกำลังทำงานตัดไม้ ซึ่งทุกวันหลี่ต้าเฉิงจะไม่ตื่นนอนจนกว่าจะถึงเช้า และตรงไปตัดไม้ทันทีหลังจากทานอาหารเสร็จ
ดังนั้นโดยพื้นฐานแล้ว หลี่ต้าเฉิงจึงไม่รู้เรื่องที่หวังเฟิ่งทารุณหลี่เยว่หาน ถึงจะรู้มันก็เป็นเพียงหนึ่งในหลาย ๆ เรื่อง
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หญิงสาวก็รู้สึกเศร้าแทนเจ้าของร่างเดิม
“มีเพียงน้ำแกงข้นอยู่ในหม้อ ให้ท่านกินเท่านั้น” หลี่เยว่หานพูดพร้อมกับลุกขึ้น ทางหลี่ต้าเฉิงรีบตรงเข้าไปในครัวทันที
หลี่หรงหรงต้องการติดตามไปด้วยเช่นกัน แต่หลี่เยว่หานหยุดนางไว้
“เจ้าคิดจะทำอะไร!” หลี่หรงหรงจ้องมองอีกฝ่าย
“ไม่มีอะไร” หลี่เยว่หานมองไปที่หลี่หรงหรงอย่างสงบและพูดด้วยน้ำเสียงปกติราวกับบอกว่าวันนี้อากาศดีจริง ๆ
“เจ้า…” หลี่หรงหรงยกมือขึ้นนางต้องการที่จะตบหลี่เยว่หาน หลี่เยว่หานมองไปทางหวังเฟิ่ง นางตกใจจนรีบพุ่งมาเพื่อจับตัวหลี่หรงหรงเอาไว้
“ท่านแม่ ท่านหยุดข้าเพื่ออันใด!” หลี่หรงหรงหดหู่ใจยิ่ง! ปกติแล้วนางก็ทุบตีหลี่เยว่หานเช่นนี้ และแม่ของนางก็ไม่เคยแยแสมาก่อน!
“ก็ไม่มีอันใด เพียงแต่ลูกอย่ามาทะเลาะกับพี่สาวต่อหน้าพ่อเจ้า!” หวังเฟิ่งแสร้งพูดอย่างสงบ แต่จริง ๆ แล้วเสียงของนางสั่นเล็กน้อย
ช่วยไม่ได้ หลี่เยว่หานที่ยืนอยู่ตรงหน้านางนั้นชั่วร้ายจริง ๆ! เห็นได้ชัดว่าเมื่อคืนนี้อีกฝ่ายหมดลมหายใจไปแล้ว ดังนั้นนางจึงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อลากอีกฝ่ายไปที่ขอบสระ และผูกก้อนหินขนาดใหญ่สองสามก้อนไว้กับศพเป็นพิเศษเพื่อให้ร่างจมลงไปก้นสระ
แต่ตอนนี้ หลี่เยว่หานกำลังยืนอยู่ต่อหน้านางและยังมีชีวิต แม้แต่ร่องรอยของการถูกมัดเมื่อคืนที่ข้อมือของอีกฝ่ายก็ยังไม่หายไป เห็นได้ชัดว่านางกลับมาเพื่อแก้แค้น!
หวังเฟิ่งตัดสินใจแล้วว่าจะจัดการกับหลี่เยว่หานอีกครั้ง หลังจากที่หลี่ต้าเฉิงออกไปทำงานแล้ว
“ท่านแม่ ท่านกำลังคิดอะไรอยู่หรือ?” เมื่อเห็นหวังเฟิ่งยืนเหม่อลอยอยู่ หลี่เยว่หานก็ถามขึ้นทันที
หวังเฟิ่งตัวสั่นเทาด้วยความตกใจ “ไม่… ข้าไม่ได้คิดอันใดเลย…”
“ท่านแม่?” หลี่หรงหรงรู้สึกว่าในวันนี้ไม่เพียงแต่หลี่เยว่หานเท่านั้นที่แปลกเป็นพิเศษ แม้แต่แม่ของนางก็แปลกไปมากเช่นกัน
“ไปกันเถอะ หรงเอ๋อร์ พวกเรากลับห้องกันก่อน” หวังเฟิ่งกลัวหลี่เยว่หาน ดังนั้นจึงรีบลากหลี่หรงหรงออกไป
เมื่อมองไปที่ด้านหลังของสองแม่ลูก หลี่เยว่หานก็ยิ้มเยาะเย้ยอีกครั้ง
หลี่ต้าเฉิงไปทำงานหลังจากกินน้ำแกงข้นเสร็จ ทางพวกหวังเฟิ่งและลูกสาวก็ซ่อนตัวอยู่ในห้องไม่กล้าออกมา ส่วนหลี่เยว่หานนอนอาบแดดอย่างสุขสบายอยู่ในลานบ้าน
ในสมัยโบราณนี้ด้วยการรักษาทางการแพทย์ที่ล้าหลัง หญิงสาวจึงจะป่วยไม่ได้ ยิ่งพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบันแล้ว แม้ว่าเธอจะป่วย ครอบครัวหลี่ก็คงไม่คิดรักษาเธอ
ดังนั้นเธอควรจะอาบแดดให้มากเสียหน่อย เพราะเมื่อคืนร่างกายของเธอทนทรมานมามาก
เมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ ไม่ว่าหลี่เยว่หานจะเป็นคนผิวหนาแค่ไหน เธอก็อดที่จะหน้าแดงไม่ได้
การเล่นกลเพื่อหลอกหวังเฟิ่งสามารถหลอกนางได้เพียงชั่วขณะ แต่ด้วยความเฉลียวฉลาดของหวังเฟิ่ง นางจะกลับมามีสติในอีกไม่ช้าอย่างแน่นอน
ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่นางต้องการคือการแย่งการแต่งงานที่ดี ที่มารดาผู้ให้กำเนิดเจ้าของเดิมเตรียมไว้ก่อนเสียชีวิต ไปให้กับบุตรสาวของนางเอง
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หลี่เยว่หานก็พยายามอย่างหนักเพื่อระลึกถึงเรื่องการแต่งงานของเจ้าของเดิม
แต่น่าเสียดายที่ชิ้นส่วนความทรงจำที่เจ้าของเดิมทิ้งไว้ มีเพียงแนวคิดทั่วไปของการแต่งงานครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เธอจะไม่รู้รูปลักษณ์ของคู่แต่งงานเท่านั้น แต่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าครอบครัวของอีกฝ่ายอยู่ที่ไหนหรือนามของเขาคืออะไร
แม้จะไม่สามารถกำหนดได้ว่าความทรงจำส่วนไหนไม่สมบูรณ์ แต่นี่ก็แปลกเกินไป
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ หลี่เยว่หานก็อดที่จะรู้สึกกังวลขึ้นมาเล็กน้อยไม่ได้ แต่แดดกำลังดี หญิงสาวจึงอาบแดดและผล็อยหลับไปในที่สุด
“ว้าย” ด้วยกลิ่นเหม็นที่โถมใส่ หลี่เยว่หานพลันกระโดดขึ้น เมื่อมองออกไปไม่ไกล หญิงสาวก็เห็นหวังเฟิ่งและลูกสาวของนาง กำลังมองมาที่เธออย่างระแวดระวังพร้อมกับถังเปล่าในมือ
ในเวลานี้ ร่างของหลี่เยว่หานปกคลุมไปด้วยเลือด ซึ่งกลิ่นเหม็นของมันท่วมท้นจมูก!
“เจ้ากำลังเล่นกลอันใดกันอยู่?” แม้ว่าหลี่เยว่หานจะถูกเลือดสาดใส่ แต่นางก็ไม่ร้อนรน
“นี่คือเลือดหมาดำ! เจ้าบอกว่าเมื่อคืนเจ้าเจอผีไม่ใช่เหรอ แม่มาที่นี่เพื่อไล่มันออก!” หวังเฟิ่งมีรอยยิ้มแข็งทื่อบนใบหน้าของนาง ทางหลี่หรงหรงนั้นซ่อนตัวอยู่ข้างหลังหวังเฟิ่ง เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายหวาดกลัวหลี่เยว่หาน
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลี่เยว่หานก็รู้สึกขบขัน
หวังเฟิ่งผู้นี้ได้กลับมามีสติและพร้อมที่จะโต้กลับแล้ว
เมื่อเห็นว่าหลี่เยว่หานยังคงปลอดภัยหลังจากถูกสาดด้วยเลือดหมาดำ หวังเฟิ่งก็รู้สึกสบายใจ
นางเองก็เข้าใจดีว่าถึงหลี่เยว่หานจะไปบอกคนอื่นว่าถูกนางมอมยา แล้วยังไงเล่า? หลี่เยว่หานไม่มีหลักฐานอยู่ในมือ ทั้งมันไม่ใช่เรื่องที่จะพูดจาส่ง ๆ ได้
“หลี่เยว่หาน ในเมื่อเจ้าไม่มีอะไรทำก็ไปทำอาหารเย็นซะ” หวังเฟิ่งวางถังเลือดสุนัขลงอย่างใจเย็น และเริ่มแสดงสีหน้าตามปกติ
หลังจากได้ยินสิ่งนี้ หลี่เยว่หานก็ยกยิ้ม “เจ้าจะให้ข้าปรุงอาหารด้วยเลือดสุนัขดำหรือ?”
หวังเฟิ่งรู้สึกขยะแขยงอยู่ครู่หนึ่งและพูดขึ้นทันที “งั้นเจ้าก็ไปอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าซะ”
“ข้าไม่มีเสื้อผ้าใส่แล้ว ข้ามีเสื้อผ้าทั้งหมดแค่สองชุด ตัวเมื่อเช้ายังไม่แห้งเลย ดังนั้นโปรดไปที่ห้องของหรงหรงแล้วหาเสื้อผ้ามาให้ข้าใส่ซะ”
หลังจากพูดจบ หญิงสาวก็ไม่สนใจว่าหวังเฟิ่งและหลี่หรงหรงจะมีปฏิกิริยาอย่างไร ดังนั้นเธอจึงทำท่าจะจากไป
“แม่! ข้าไม่ต้องการให้นังสารเลวนี่สวมเสื้อผ้าของข้า!” หลี่หรงหรงตะโกนเสียงดังทันที!
“ในเมื่อหรงหรงไม่เต็มใจ ข้าจะปล่อยมันไว้อย่างนี้ ที่บ้านไม่มีอาหาร ดังนั้นข้าจะไปที่ทุ่งผักเพื่อเก็บผักเสียก่อน” หลังจากพูดจบ หลี่เยว่หานก็หมุนตัวไปหยิบตะกร้าผักและทำทีราวกับว่าจะเดินออกไป
เธอไม่รังเกียจที่จะถูกชาวบ้านมองในสภาพนี้
“เดี๋ยวก่อนเยว่หาน แม่กำลังจะไปเอาเสื้อผ้าให้เจ้า เจ้าจะออกไปแบบนี้ไม่ได้!” หวังเฟิ่งซึ่งเดิมวางแผนที่จะชักสีหน้าใส่หลี่เยว่หานเล็กน้อย ตื่นตระหนกขึ้นมาทันทีที่ได้ยินว่านางกำลังจะออกไปข้างนอกในสภาพนี้
นางไม่ต้องการถูกผู้คนในหมู่บ้านเฮยถู่ชี้นิ้วประณามอีก!
เมื่อเห็นหวังเฟิ่งรีบไปที่ห้องของหลี่หรงหรงเพื่อนำเสื้อผ้ามาให้นาง หลี่เยว่หานก็ยิ้มออกมาอย่างดูถูกเหยียดหยาม
หลังจากถูกสาดเลือดหมาใส่ไปทั่วตัว เธอต้องทำให้สองแม่ลูกหลั่งเลือดออกมาด้วย!
ในไม่ช้า หวังเฟิ่งก็เดินมาพร้อมกับชุดที่ดูก็รู้ว่าเป็นชุดล่างหีบ ที่ไม่ได้ใส่มานานแล้ว
“นี่คือเสื้อผ้าที่ดีที่สุดของหรงเอ๋อร์ รีบเปลี่ยนแล้วไปเก็บผักมาทำอาหารเถอะ!” หวังเฟิ่งพูดพลางโยนชุดลงบนโต๊ะข้าง ๆ
หลี่เยว่หานขี้เกียจจะไปสนใจเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ ดังนั้นเธอจึงอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างเชื่อฟัง ก่อนไปที่ทุ่งผักเพื่อเก็บผัก
“ยัยหนูเยว่หาน ทำไมแม่เลี้ยงของเจ้าถึงให้เจ้าออกมาทำงานโดยไม่ให้เจ้าพักผ่อนเลยเล่า” อาหญิงโจวข้างบ้านกระตือรือร้นมาก ในเวลานี้นางเห็นหลี่เยว่หานปรากฏตัวในทุ่งผักโดยสวมเสื้อผ้าเก่า ๆ และถือตะกร้าผักไว้ในมือ นางจึงอดสงสัยไม่ได้
“ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว แต่แม่กับหรงเอ๋อร์ไม่รู้วิธีทำอาหาร ดังนั้นข้าจึงปล่อยให้ทั้งสองคนหิวไม่ได้” หลี่เยว่หานบอกโดยไม่ปิดบัง
ครั้นได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของอาหญิงโจวดำมืดลงทันที นางดึงหลี่เยว่หานออกไปและพูดด้วยเสียงที่ต่ำลง “เจ้าไม่ได้บอกพ่อของเจ้า เรื่องที่แม่เลี้ยงของเจ้าและหลี่หรงหรงกลั่นแกล้งเจ้ารึ?”
หลี่เยว่หานนึกถึงความทรงจำของเจ้าของเดิมอย่างระมัดระวัง นางบอกแล้ว แต่น่าเสียดายที่หวังเฟิ่งเป่าหูข้างหมอน ทางหลี่ต้าเฉิงจึงแสร้งทำเป็นว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น ดังนั้นเจ้าของร่างเดิมจึงยอมรับมันอย่างเงียบ ๆ และไม่พูดอะไรออกมาอีก
“ข้าบอกไปแล้ว แต่พ่อคงยุ่งเกินไป ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถปกป้องข้าได้ตลอดเวลา” หลี่เยว่หานจงใจเผยรอยยิ้มหมองเศร้าซึ่งดูน่าเป็นห่วงออกมา
MANGA DISCUSSION