บทที่ 37 ว่าร้ายคนอื่น
สะใภ้สกุลหลิวที่จู่ ๆ ก็ถูกเรียกชื่อชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็ส่ายหน้า “เปล่านี่ ตอนเหล่าหลิวสามีข้ากลับมาเพียงพูดว่าสะใภ้สกุลเมิ่งทำอาหารอร่อยยิ่ง แต่ปากก็สะอาดสะอ้านดีนะ”
วาจานี้กล่าวได้อย่างชัดเจนตรงไปตรงมายิ่ง
สะใภ้หลิวเป็นคนเข้าใจเรื่องราวคนหนึ่ง ทราบว่าหวังเหอฮวามีเจตนาไม่บริสุทธิ์ คิดจะยืมมือนางว่าร้ายคนอื่น
แต่หลิวโหย่วฉายมักขึ้นเขาไปล่าสัตว์กับเมิ่งฉีฮ่วนเป็นประจำ ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นเมิ่งฉีฮ่วนที่ดูแลหลิวโหย่วฉาย สะใภ้หลิวไม่ได้โง่งมถึงขั้นจะไปร่วมมือกับหวังเหอฮวา
เห็นว่าอีกฝ่ายไม่ให้ความร่วมมือ หวังเหอฮวาก็ร้อนใจเสียแล้ว “ทำไมจะไม่ใช่ล่ะ! เมื่อเย็นวานข้ายังกินข้าวกับพี่ใหญ่หลิวที่บ้านสกุลเมิ่งอยู่เลย อาหารมื้อนั้นอย่างน้อยก็ใช้น้ำมันไปครึ่งตำลึงแล้วนะ!”
ได้ยินเช่นนั้น สะใภ้หลิวก็ไม่พอใจ “นั่นเป็นเรื่องในครอบครัวของพวกเขา โหย่วฉายของข้ากลับมาก็เอาแต่ชมว่าฝีมือทำครัวของสะใภ้เมิ่งดียิ่งนัก ยังเปรยให้ข้าไปเรียนรู้เอาไว้บ้างอยู่เลย!”
“พวกท่านต้องตัดใจใช้น้ำมันให้ได้ก่อนถึงจะอร่อย!” หวังเหอฮวาโมโห “ตัดใจใช้น้ำมันเยอะไม่ได้ก็ทำออกมาไม่อร่อยหรอกนะ!”
“เจ้าเด็กคนนี้นี่มันอย่างไรกัน?” สะใภ้เมิ่งดูไม่ใช่คนแย่อะไร หญิงสาวพลันขมวดคิ้ว “กินข้าวที่บ้านคนอื่นจนอิ่มหมีพีมัน พอกินเสร็จก็แล่นมานินทาว่าสะใภ้สกุลเมิ่งใช้น้ำมันเปลือง เจ้ามีความสามารถขนาดนั้นไฉนไม่ไปทำเสียเองเลยเล่า!”
ครั้นส่อเค้าว่าจะทะเลาะกันขึ้นมาก็มีคนรีบเข้ามาเกลี้ยกล่อม “อย่าโมโหกันเลย น้องเหอฮวาก็แค่รู้สึกว่าสะใภ้เมิ่งดูแลบ้านไม่เป็นเท่านั้นเอง”
“นางไม่ใช่คนสกุลเมิ่งเสียหน่อย จะสนไปไยว่าสะใภ้เมิ่งใช้น้ำมันเปลืองหรือไม่เปลือง” สะใภ้หลิวกลอกตา “อีกอย่างนะ ตอนสะใภ้เมิ่งทำอาหารมีกลิ่นหอมปานไหน ใครที่เคยเดินผ่านเรือนพวกเขาล้วนรู้ดี ต่อให้นางใช้น้ำมันเยอะจริง ก็เป็นเพราะน้องชายเมิ่งเต็มใจปรนเปรอ เกี่ยวอันใดกับคนนอก!”
ได้ยินวาจานี้ หลี่เยว่หานก็ต้องปรบมือให้สะใภ้หลิวอยู่ในใจ
คนที่เข้าใจเหตุผลเช่นนี้ อยู่ในยุคสมัยนี้ไม่มีทางเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ภาระในครอบครัวตนเองยังจัดการไม่หวาดไม่ไหว แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปสนใจเรื่องชาวบ้าน
“พี่สะใภ้หลิว ท่านพูดแบบนี้ช่างไม่น่าฟังเอาเสียเลย” หวังเหอฮวาถอนหายใจ “เมื่อก่อนข้ามีใจให้พี่เมิ่งก็จริง แต่เขาก็แต่งงานแล้ว ข้าปล่อยวางไปนานแล้ว ท่านมาพูดถึงตอนนี้มิเท่ากับว่ากำลังตบหน้าข้าอยู่หรือ?”
“นั่นก็เป็นเพราะเจ้าเอาหน้ามาให้คนตบเองไม่ใช่เรอะ?” หลี่เยว่หานยกถังซักผ้าเดินเข้ามา ทักทายสะใภ้หลิวเสร็จก็หันมาหาหวังเหอฮวา
“เมื่อวานเจ้ามากินข้าวที่บ้านข้า ปลาต้มพริกหม้อนั้นข้าใช้ปลาสองตัวเต็ม ๆ เชียวนะ เจ้ากินเสร็จแล้วก็กลับไป ก้างปลาบนโต๊ะยังกองโตกว่าของพี่ใหญ่หลิวเป็นเท่าตัว ทำไมหรือ กินของคนอื่นเสร็จก็มานินทาคนเขาเสียแล้ว?”
พอหลี่เยว่หานปรากฏตัว บรรยากาศก็เปลี่ยนไปทันควัน
หวังเหอฮวาคิดไม่ถึงว่าหลี่เยว่หานจะมาเจอเข้าพอดี จึงมีสีหน้ากระอักกระอ่วน “มีอะไรก็พูดไปตามนั้น แม่นางหลี่เจ้าทำอาหารอร่อยจริง เมื่อวานข้าเลยตามใจปากไปหน่อย”
“รับของคนอื่นต้องมือไม้อ่อน กินของคนอื่นต้องปากหวาน เจ้าโตมาขนาดนี้ พ่อแม่เจ้าไม่ได้สอนหลักการครองตนง่าย ๆ แบบนี้ให้เจ้าเลยงั้นรึ?”
หลี่เยว่หานไม่คิดจะปล่อยหวังเหอฮวาไปง่าย ๆ “เริ่มจากสร้างข่าวโคมลอยว่าข้าจะปล่อยให้หลิงซีน้อยจมน้ำตาย เมื่อวานก็รับคำต่อหน้าคนตั้งมากมายว่าจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้ข้า แต่ประโยคที่ว่า ‘คิดไม่ถึงว่านางจะเต็มใจเป็นแม่เลี้ยงขนาดนี้’ ของเจ้าหมายความว่าอย่างไรกันแน่?”
เผชิญหน้ากับหลี่เยว่หานที่พูดจาฉอด ๆ หวังเหอฮวาตกเป็นรองอย่างเห็นได้ชัด “ข้าพูดไม่เก่ง ไม่รู้จักพูดจา แม่นางหลี่โปรดอย่าถือสาเลย”
“อย่ามาเรียกว่าแม่นางหลี่อย่างนั้นแม่นางหลี่อย่างนี้ ตอนนี้ข้าเป็นภรรยาของเมิ่งฉีฮ่วนแล้ว เป็นภรรยาเอก เรียกข้าว่าสะใภ้เมิ่งก็ไม่เกินไป!” หลี่เยว่หานกล่าวพลางมองนางอย่างดูแคลน
“เด็กสาวที่ยังไม่ออกเรือนแต่ปากกลับไม่มีหูรูด ไม่รู้ว่าพ่อแม่สั่งสอนเจ้ามาอย่างไร มารยาทพื้นฐานที่สุดก็ยังไม่มี”
ว่าแล้ว หลี่เยว่หานก็เดินเชิดหน้าจากไป ทิ้งหวังเหอฮวาที่โมโหจนทำอะไรไม่ถูกไว้เบื้องหลัง หญิงสาวฮัมเพลงเสียงเบา ๆ แล้วตรงไปซักผ้าที่ริมแม่น้ำ
หวังเหอฮวามองตามเงาหลังของหลี่เยว่หาน ในใจนึกโมโหยิ่งนัก อยากผรุสวาทด่าทอแต่ก็ถูกหลี่เยว่หานตอกกลับจนพูดไม่ออก ต้องวิ่งกลับเรือนไปพร้อมน้ำตาคลอเบ้า
สะใภ้หลิวมองตามเงาหลังของหวังเหอฮวาพลางแสยะยิ้ม “เมื่อก่อนดูไม่ออกเลยว่าหวังเหอฮวาผู้นี้แอบทำเรื่องชั่วร้ายลับหลังคนอื่น!”
“จริงด้วย เมื่อก่อนคิดเพียงว่านางเป็นเด็กสาวที่รู้ความคนหนึ่ง คิดไม่ถึงว่า…”
ตั้งแต่นั้นมา กล่าวได้ว่าหวังเหอฮวาเป็นคนทำให้ชื่อเสียงของนางในหมู่บ้านไป๋อวิ๋นเลวร้ายลงด้วยตัวนางเอง
ครึ่งเดือนผ่านไป หลี่เยว่หานก็ทำให้คนในหมู่บ้านคุ้นเคยกับเธอได้แล้ว เวลาไปซักผ้ายังมีคนมาทักทาย ถามไถ่ว่าแต่ละวันเธอทำของอร่อยอะไรบ้าง กลิ่นหอมโชยไปครึ่งหมู่บ้านเลยทีเดียว
หลี่เยว่หานหาได้ปิดบัง บอกเคล็ดลับทำอาหารเล็ก ๆ น้อย ๆ ของตนเองต่อทุกคนอย่างใจกว้าง แต่พอทุกคนได้ยินว่าหญิงสาวใช้น้ำมันเยอะ ก็ต้องส่ายศีรษะไปตาม ๆ กัน
“เด็กน้อย พี่สะใภ้อายุมากกว่าเจ้าหลายปี ขอพูดกับเจ้าตรง ๆ เลยนะ”
ระหว่างทางขากลับ สะใภ้หลิวตั้งใจมายืนรอหลี่เยว่หานโดยเฉพาะ “เกรงว่าหวังเหอฮวายังไม่ได้ตัดใจจากคนของเจ้า เจ้าอย่าได้ตกหลุมพรางของนางอีกเชียว”
ได้ยินดังนั้น หลี่เยว่หานก็พยักหน้า พร้อมทั้งเชื้อเชิญอีกฝ่าย “พี่สะใภ้หลิว ว่าง ๆ ก็มานั่งเล่นที่บ้านข้าสิเจ้าคะ พริกป่าที่ข้าเอากลับมาจากบนเขาออกผลแล้วพอดี ท่านก็เอากลับไปทำอาหารด้วยเลย”
“ดีสิ!” สะใภ้หลิวฟังแล้วก็ตาวาววับ “เจ้าช่วยบอกเคล็ดลับทำอาหารให้ข้าด้วยนะ วันนี้ข้าจะได้จำกลับไปทำเพื่อเปลี่ยนรสชาติบ้าง!”
“ไม่มีปัญหา!”
คนทั้งสองพูดคุยกลั้วเสียงหัวเราะกลับไปที่บ้านสกุลเมิ่งด้วยกันเช่นนี้เอง
สะใภ้หลิวช่วยหลี่เยว่หานตากผ้าเสร็จก็ตามอีกฝ่ายไปที่ท้ายเรือน เห็นหลิงซีกำลังนั่งเล่นดินโคลนอยู่ในร่มตามลำพังก็หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ “หายากนักที่จะได้เห็นนางหนูหลิงซีว่าง่ายแบบนี้ ปกติซนอย่างกับอะไรดี”
“หลิงซีเป็นเด็กดีจะตาย” หลี่เยว่หานพูดแล้วเรียกหลิงซีเข้ามาหา ใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดมือน้อย ๆ ของนางจนสะอาด หาน้ำให้นางดื่มแล้วก็อุ้มเด็กน้อยเอาไว้ในอ้อมอก “ปกติตอนข้าทำอาหารก็ได้หลิงซีนี่แหละคอยดูไฟให้”
“จริงหรือ!” สะใภ้หลิวเห็นนางปฏิบัติต่อหลิงซีอย่างอ่อนโยนยิ่ง ไม่คล้ายว่าเสแสร้งแกล้งทำ ก็ยิ่งรู้สึกสนิทใจกับหลี่เยว่หานมากกว่าเดิม “ไม่ง่ายเลยที่เด็กสาวอย่างเจ้าจะยอมเป็นแม่เลี้ยง ข้าเห็นหลิงซีถูกเจ้าประคบประหงมจนตัวขาวจ้ำม่ำไปหมดแล้ว เช่นนี้ข้าย่อมดูออกว่าเจ้าเป็นคนจิตใจเอื้ออารีเพียงใด!”
“พี่สาวไม่ใช่แม่เลี้ยงของหลิงซี!” หลิงซีที่ถูกอุ้มอยู่กล่าวเสียงเจื้อยแจ้ว “หลิงซีไม่ใช่ลูกสาวของอาเมิ่ง พี่สาวเป็นพี่สาวของหลิงซีต่างหาก!”
ได้ยินอย่างนั้น สะใภ้หลิวก็ยิ้มออกมาอย่างอดไม่อยู่ “เจ้าเรียกเขาว่าอาเมิ่ง แต่ทำไมถึงเรียกภรรยาของเขาว่าพี่สาวเล่า ควรเรียกว่าอาหญิงสิ”
ถึงอย่างไรหลิงซีก็อายุยังน้อย ไม่เข้าใจวาจาของสะใภ้หลิว จึงเพียงมุ่ยปากแล้วซบลงบนคอของหลี่เยว่หาน ไม่ยอมพูดจาอีก
หลี่เยว่หานเห็นแล้วก็ยิ้ม ๆ “พี่สะใภ้หลิว ประเดี๋ยวข้าจะเอาพริกป่าที่ตากแห้งแล้วมาให้ท่าน เอาไปผัดก็จะหอมอย่าบอกใครเชียว!”
“ดีสิ!” สะใภ้หลิวพยักหน้าติดต่อกัน ดีใจยิ่งนัก
MANGA DISCUSSION