บทที่ 33 หวังเหอฮวาพูดถูก
“พี่สาวหลี่ เหตุใดท่านถึงไม่ร้องไห้ออกมา! ข้าอุตส่าห์ช่วยร้องไห้ก่อนท่านแล้ว!” เมื่อออกมาจากห้องโถง เด็กหญิงตัวน้อยก็หยุดร้องไห้ทันที และพูดกับหลี่เยว่หานอย่างไม่ชอบใจ
เมื่อได้ยินประโยคดังกล่าว หลี่เยว่หานก็ถึงกับพูดไม่ออก “เหตุผลที่เจ้าร้องไห้คือต้องการให้ข้าร้องด้วยหรือ?”
“ใช่” เด็กหญิงตัวน้อยตอบด้วยใบหน้าจริงจัง “น้ำตาของสตรีเป็นอาวุธที่ดีที่สุดที่ใช้กำราบผู้ชาย!”
“…” หลี่เยว่หานไม่รู้จะพูดอะไรจริง ๆ!
ใครสอนเรื่องพวกนี้ให้เด็กน้อยผู้นี้กัน?
“หลิงซี? พี่สาวหลี่? มีอะไรกันหรือ?” เสียงของมู่ชวนดังขึ้นมา ทันใดนั้นเอง เด็กชายตัวน้อยก็เดินมาตรงหน้าทันที “หลิงซีไม่สบายตรงไหนหรือ? เหตุใดจึงร้องไห้เช่นนี้? ดวงตาของเจ้ายังไม่หายดี ช่วงนี้ไม่ควรร้องไห้เจ้ารู้หรือไม่?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงซีจึงปล่อยตัวเองลงมาจากบนร่างของหลี่เยว่หาน และจูงมือมู่ชวนวิ่งเหยาะ ๆ ไปยังด้านข้างกำแพงที่นางกับหลี่เยว่หานอยู่เมื่อครู่ เพื่อให้มู่ชวนได้ดูสิ่งที่เกิดขึ้น
เมื่อเห็นทั้งหมดแล้ว มู่ชวนก็ถอนหายใจออกมา จูงมือหลิงซีออกไปจากประตูห้องโถงนี้ ส่งมือของนางไว้ในมือของหลี่เยว่หานพลางพูดขึ้นว่า “พี่หลี่ ช่วยดูแลหลิงซีที ทุกครั้งที่พี่เหอฮวามามักจะส่งเสียงเอะอะ ตอนกลางวันข้าต้องเตรียมอาหาร ท่านพาหลิงซีไปรอในสวนเสียก่อนเถิด ไม่เกินหนึ่งถ้วยชา อาเมิ่งก็จะไล่พี่เหอฮวาออกไปได้แล้ว”
“เจ้ารู้ได้อย่างกัน?” หลี่เยว่หานถูกสองพี่น้องทำให้รู้สึกมึนงงเล็กน้อย “เมื่อก่อนก็เป็นเช่นนี้หรือ?”
“ประมาณนั้น” มู่ชวนแสร้งถอนหายใจออกมา “เพียงแค่อาเมิ่งคิดจะพักผ่อน พี่เหอฮวาก็จะมาถึงหน้าประตู แสดงความในใจต่าง ๆ นา ๆ ออกมา แต่น่าเสียดายที่อาเมิ่งปฏิเสธนางมาโดยตลอด แต่พี่เหอฮวาก็ยังคงแน่วแน่ยิ่งนัก ครั้งต่อไปก็จะมาใหม่อีก”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลี่เยว่หานก็อดไม่ได้ที่จะชูนิ้วโป้งขึ้นมา “เก่งจริง ๆ!”
ไม่เพียงแต่หวังเหอฮวาที่เก่ง เมิ่งฉีฮ่วนที่อดทนกับการก่อกวนของหวังเหอฮวามานานได้เช่นนี้ก็เก่งไม่แพ้กัน!
แต่คิดอีกก็ถูกอีก ตระกูลเมิ่งไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารการกินหรือเครื่องแต่งกายใด ๆ เมิ่งฉีฮ่วนเติบโตมาหล่อเหล่าแม้นิสัยจะไม่ค่อยดีนักก็ตาม รูปร่างก็ดี ตัวก็สูงโปร่ง การที่หวังเหอฮวาจะชอบเขาก็เป็นเรื่องที่สามารถเข้าใจได้
ขณะที่หลี่เยว่หานกำลังคิดถึงสองคนด้านในอยู่นั้น คนกลุ่มหนึ่งก็ผลักประตูบ้านตระกูลเมิ่งเข้ามา
“มู่ชวน! หลิงซี ไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่!” เด็กชายคนหนึ่งรูปร่างค่อนข้างใหญ่ที่อยู่ด้านหน้าสุด ผลักประตูเดินเข้ามา จึงได้เห็นหลิงซีที่ยืนขอบตาแดงก่ำอยู่ด้านข้างมู่ชวน เขาก้าวยาว ๆ เพียงสองสามก้าวก็มาถึง พลางออกแรงผลักหลี่เยว่หานออกไป จากนั้นนำตัวมู่ชวนสองพี่น้องมาปกป้องไว้ด้านหลัง
นี่คือเรื่องอะไรกัน?
หลี่เยว่หานมองไปยังมู่ชวนพลางเอ่ยถาม
“พี่สาวหลี่ นี่คือหลิวหยวนปิน เพื่อนร่วมชั้นในสำนักศึกษาของข้า” มู่ชวนรีบอธิบายออกมาทันที แต่เขาก็ไม่รู้เช่นกันเหตุใดหลิวหยวนปินจึงทำเช่นนี้ เด็กชายจึงหันไปเอ่ยถาม “เจ้ามาได้อย่างไรกัน?”
“ระหว่างทางเจ้าบอกว่าได้ยินเสียงหลิงซีร้องไห้ พวกเราได้ยินมาว่า เมื่อวานนี้ผู้หญิงที่อาเมิ่งพามานั้นคิดจะทำให้หลิงซีจมน้ำ ข้ากลัวว่าลำพังเจ้าคนเดียวจะรับมือไม่ไหว จึงกลับบ้านไปหาท่านพ่อท่านแม่แล้วจึงมาที่นี่” หลิวหยวนปินพูดพลางส่งสัญญาณให้มู่ชวนมองไปด้านข้าง
พ่อและแม่ของหลิวหยวนปินไม่ได้มาเพียงครอบครัวเดียว แต่เรียกเพื่อนบ้านมาด้วย และในมือของคนจำนวนไม่น้อยก็ยังถือไม้นวดแป้งติดมือกันมาด้วย
เมื่อเห็นเช่นนั้น หลี่เยว่หานจึงยกมือขึ้นมาปิดบังใบหน้า อดหัวเราะออกมาไม่ได้ “ข้าอยากให้หลิงซีจมน้ำเมื่อใดกัน เรื่องเมื่อวานนี้ ไม่ได้บอกว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดหรอกหรือ?”
“เข้าใจผิดอะไรกัน! พี่เหอฮวาบอกแล้ว เจ้าเป็นคนจิตใจโหดร้าย แทบจะอยากให้มู่ชวนหลิงซีสองพี่น้องตาย ๆ ไปซะ เช่นนี้เจ้าถึงจะไม่ต้องกลายเป็นแม่เลี้ยง!” หลิวหยวนปินจ้องมองไปยังหลี่เยว่หานด้วยแววตาดุร้าย
“พี่เหอฮวาที่เจ้ากำลังพูดถึงนั้น ตอนนี้อยู่ในห้องโถงเพียงลำพังกับสามีของข้า” เมื่ออยู่ต่อหน้าเด็ก ๆ หลี่เยว่หานไม่ได้พูดจาน่าเกลียดเกินไป แต่เมื่อมองไปยังพ่อแม่ที่อยู่ด้านหลังหลิวหยวนปิน รวมถึงกลุ่มคนที่ครอบครัวหลิวพามานั้น “สิ่งใดถูกสิ่งใดผิด ทุกคนมาพูดกันให้ชัดเจนต่อหน้ากันเถิด”
เมื่อพูดจบ หลี่เยว่หานจึงเดินผ่านหลิวหยวนปินไปเพื่อจะไปอุ้มหลิงซีขึ้นมา และหันไปมองยังห้องโถง
หวังเหอฮวาที่ไม่สนใจอะไรในตอนแรกนั้น เมื่อได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวด้านนอก นางจึงเริ่มตื่นตระหนกจนหันไปถามเมิ่งฉีฮ่วนว่าควรทำเช่นไร แต่น่าเสียดายที่เมิ่งฉีฮ่วนไม่ได้สนใจนางเลยสักนิด และเมื่อหลี่เยว่หานอุ้มหลิงซีเดินเข้ามานั้น หวังเหอฮวาก็หันหลังให้ประตูพลางรีบติดกระดุมเสื้อทันที
แต่ห่วงคล้องหมุดเสื้อนั้นค่อนข้างแข็ง เพื่อให้ง่ายต่อการทำดังนั้นจึงไม่ทำให้ปลดออกและใส่เข้าได้ง่าย ๆ หวังเหอฮวาจัดการอยู่ครู่หนึ่ง แต่กระดุ่มบนรอยผ่าของเสื้อพิมพ์ลายสีน้ำเงินนั้นก็ยังไม่ถูกติดเข้าหากันได้สำเร็จ
“น้องเหอฮวา? นี่เจ้าเป็นอะไรกัน?” เมื่อพ่อแม่ของหลิวหยวนปินเห็นจึงร้อนใจขึ้นมาทันที เห็นหวังเหอฮวาหันหลังให้พวกเขา จึงยิ่งวิ่งเข้าไปล้อมไว้ทันที
เมิ่งฉีฮ่วนเงยหน้าขึ้นไปมองหลี่เยว่หาน แต่น่าเสียดายที่หลี่เยว่หานไม่แม้แต่จะชายตามองเขา
“หวังเหอฮวาอยู่ที่นี่ หลิงซีก็อยู่ที่นี่ เมิ่งฉีฮ่วนสามีของข้าก็อยู่ที่นี่ ข้าก็อยู่ที่นี่เช่นกัน พวกเรามาพูดกันให้ชัดเจนเถิด เหตุใดเมื่อวานหวังเหอฮวาจึงต้องพูดว่าข้าคิดจะทำให้หลิงซีจมน้ำ” หลี่เยว่หานพูดพลางวางหลิงซีลงบนตักของเมิ่งฉีฮ่วน
“เมื่อวานข้าพาหลิงซีขึ้นภูเขาไป หลิงซีไม่ระวังทำให้พริกป่าเข้าตา ถ้าหากไม่ใช้น้ำล้างออกในทันที อาจจะเกิดปัญหาขึ้นกับดวงตาได้ ดังนั้นข้าจึงไม่ได้คิดอะไรมากนัก แล้วอุ้มหลิงซีไปยังลำธารเพื่อให้นางล้างดวงตา”
หลี่เยว่หานพูดพลางมองไปยังหวังเหอฮวาที่ยังไม่หันมาด้วยสายตาเย็นชา พลางพูดต่อ “เมื่อครู่ ในตอนที่หวังเหอฮวาบอกกับสามีของข้าว่า ข้าเป็นหญิงใจยักษ์ใจมาร สามีของข้าจึงถามคำถามนางไป แต่ตอนนี้นางก็ยังไม่ให้คำตอบ สู้พวกท่านลองคิดดูเสียหน่อย ดีหรือไม่”
“เหตุใดหวังเหอฮวาเห็นว่าข้าจะทำให้หลิงซีจมน้ำ แล้วตัวนางจึงไม่เข้ามาหยุดข้าไว้ แต่กลับวิ่งไปป่าวประกาศให้รู้กันทั่วทั้งหมู่บ้านแทน? ถ้าหากข้าคิดจะให้หลิงซีจมน้ำจริง ๆ ขณะที่นางกำลังพยายามตะโกนเรียกคนนั้น หลิงซีคงถูกข้าจับกดน้ำไปเสียแล้ว ดังนั้นข้าและสามีจึงต่างก็สงสัยในเจตนาของนาง”
ทุกคนเป็นคนที่ครอบครัวหลิวตะโกนเรียกให้มาช่วยมู่ชวนและหลิงซี เรื่องที่หลี่เยว่หานจะทำให้หลิงซีจมน้ำเมื่อวานนั้น แพร่กระจายไปทั่วทั้งหมู่บ้านไป๋อวิ่น แต่กลับไม่คิดว่า เมื่อเจอเหตุการณ์ตรงหน้านี้แล้ว ก็ได้แต่มองหน้ากันและพูดไม่ออกกันสักคน
“แม้แต่เด็กตัวแค่นั้นเจ้ายังลงมือ! แล้วข้าจะรู้ได้อย่างไร ว่าเจ้าจะทำอะไรข้าหรือไม่!” ในที่สุดหวังเหอฮวาก็ติดกระดุมเสื้อสำเร็จ นางหันหน้ามาและร้องไห้พลางพูดออกมา “ข้าชอบพี่เมิ่งมาตลอด ในหมู่บ้านใคร ๆ ต่างก็รู้ ข้าเป็นห่วงเด็กทั้งสองคนของเขาผิดตรงไหนกันหรือ!”
“ถูกต้อง” หลี่เยว่หานพยักหน้ารับ พลางปรบมือขึ้นมา “ไม่เพียงแต่ถูกต้อง ยังถูกมาก ๆ เสียด้วย! หากข้าต้องการให้หลิงซีจมน้ำจริง ๆ เจ้ากลับวิ่งไปตามคนมานั้น ไม่เพียงแต่ข้าจะทำให้หลิงซีจมน้ำได้สำเร็จ ยังจะถูกคนที่เจ้าเรียกมาจับตัวไปยังที่ว่าการ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เจ้าจะไม่เพียงแต่สามารถกำจัดหลิงซีที่ขวางทางเจ้าได้สำเร็จ แต่ยังทำให้สามีของข้าเป็นชายโสดได้อีกครั้ง ดังนั้นเจ้าก็จะมีโอกาสแต่งเข้ามาได้ ข้าพูดถูกหรือไม่?”
“ข้าเปล่า…” หวังเหอฮวาไร้เรี่ยวแรงที่จะพูดแก้ตัว
ในขณะนั้นเอง เมิ่งฉีฮ่วนชันกายลุกขึ้นยืนอยู่ด้านข้างหลี่เยว่หาน “ข้ารู้ว่าเจ้าน้อยอกน้อยใจ แต่ข้าคิดไม่ถึงว่า แม้จะแต่งงานกับเจ้าแล้ว หวังเหอฮวาก็ยังไม่ลืมข้า ข้าขอโทษ” พูดพลางใช้มือทั้งสองโอบกอดหลี่เยว่หานเข้ามาในอ้อมแขน
ขณะที่หลี่เยว่หานกำลังคิดจะดิ้นขัดขืนนั้น เธอก็ได้ยินเสียงกระซิบของเมิ่งฉีฮ่วนดังขึ้นมาข้างใบหน้า “แสร้งร้องไห้เสีย!”
MANGA DISCUSSION