บทที่ 3 ข้าไปจับปลาจริง ๆ
ถึงแม้ศีรษะของเธอจะเจ็บจากการกระแทก แต่เมื่อได้กลับถึงห้องหลี่เยว่หานก็อดถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกไม่ได้
แม้จะไม่ล่วงรู้แน่ชัดว่าเจ้าของร่างกับสองแม่ลูกคู่นั้นเข้ากันได้มากน้อยเพียงใด แต่จากส่วนหนึ่งของความทรงจำ และท่าทางที่หลี่หรงหรงแสดงต่อเธอแล้ว เจ้าของร่างอาจไม่มีสถานะอะไรในครอบครัวนี้เลย
ในเมื่อไม่มีน้ำร้อน หลี่เยว่หานก็ทำได้แค่เพียงเปลี่ยนไปใส่เสื้อผ้าสะอาดที่อยู่ภายในห้อง
เมื่อนางปรากฏตัวต่อหน้าสองแม่ลูกอีกครั้ง รอยยิ้มไม่ยี่หระของนางก็ทำให้หัวใจของหวังเฟิ่งสั่นสะท้าน
“พูดมา ว่าเมื่อคืนเจ้าทำสิ่งใดลงไป” หวังเฟิ่งแสร้งทำท่าทางสงบมองไปที่หลี่เยว่หานด้วยสีหน้าจริงจัง ราวกับกำลังสอบสวนนักโทษ
หลี่เยว่หานไม่มีทางทำท่าทางยอมจำนนดั่งเช่นด้านหน้าประตูบ้าน นางแย้มยิ้มระรื่นพลางกล่าวออกมา “เมื่อคืนข้าก็จับปลามาให้ท่านแม่อย่างไรเล่า”
ขณะพูดหญิงสาวก็หรี่ตาลงมองหวังเฟิ่งพร้อมรอยยิ้ม
หวังเฟิ่งรู้สึกหนาวเย็นยะเยือกที่แผ่นหลัง ทว่านางก็แสร้งแสดงท่าทางแข็งกร้าว “เจ้า…เจ้าพูดความจริงออกมา! เจ้าเป็นคนใช่หรือไม่!”
หลี่เยว่หานแย้มยิ้มอ่อนหวาน “ท่านแม่กำลังพูดสิ่งใดอยู่กัน ข้าย่อมต้องเป็นมนุษย์อยู่แล้ว”
หลังจากได้ยินคำพูดของนาง หวังเฟิ่งก็แอยถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“เพียงแต่ว่าเมื่อคืนข้าได้เห็นเฮยไป๋อู่ฉาง*[1] ในยมโลก พวกเขาต่างสวมหมวกทรงสูง ท่านแม่ ท่านคิดว่าข้าจะประสบโชคหรือไม่?”
ขณะที่พูดหลี่เยว่หานก็จับมือหวังเฟิ่ง ร่างนี้อ่อนแอเป็นอย่างมาก แล้วยังแช่น้ำจนเปียกปอน ทั้งเมื่อคืนยังออกแรงอย่างนัก ดังนั้นมือของหลี่เยว่หานจึงเย็นเยียบเป็นอย่างมาก
ชาวบ้านในหมู่บ้านเฮยถู่ต่างเป็นคนซื่อ ๆ ความเชื่อเรื่องผีสางเทวดาแพร่หลาย คำโกหกที่หลี่เยว่หานเอ่ยออกมาจึงทำให้หวังเฟิ่งหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
หวังเฟิ่งไม่ถามอะไรอีก นางรีบวิ่งออกจากบ้าน พาหลี่หรงหรงไปปักธูปสักการะที่วัดของหมู่บ้านตั้งแต่หัววัน
หลี่เยว่หานยืนกอดอกมองแผ่นหลังของแม่เลี้ยงหวังเฟิ่ง ที่รีบร้อนออกไปด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ยที่มุมปาก
“เยว่หาน เยว่หาน!” มีเสียงชายผู้หนึ่งดังขึ้นมา
หลี่เยว่หานขมวดคิ้ว นี่เป็นเรื่องล้อเล่นใช่หรือไม่ เสียงนี้เหมือนกับพ่อของเธอไม่ผิดเพี้ยน!
ก่อนที่หลี่เยว่หานจะหันหน้ากลับไป หลี่ต้าเฉิงก็เดินมาถึงด้านหลังของหลี่เยว่หานแล้ว “นังเด็กนี่ ข้าเรียกเจ้าตั้งนาน เหตุใดจึงไม่ขานรับ!”
“ข้าไม่ว่าง กำลังส่งบรรพบุรุษอยู่” หลี่เยว่หานปรายตามองครั้งเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นหลี่ต้าเฉิง แม้จะเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่ออย่างยิ่ง แต่หวังเฟิ่งเองก็ยังเหมือนหวังเฟิ่งผู้นั้นทุกประการ และยังมีหลี่ต้าเฉิงที่ดูเหมือนหลี่ต้าเฉิงผู้นั้นอีกคน เธอจึงไม่รู้สึกประหลาดใจอะไรมากมาย
“ส่งบรรพบุรุษอะไร! นังเด็กนี่พูดจาอะไรไร้สาระ! รีบไปทำข้าวเช้าเร็วเข้า! เจ้าต้องการจะให้ข้าหิวตายหรืออย่างไร!”
“ท่านเพิ่งตื่นหรือ?” หลี่เยว่หานรู้สึกงงงวยอยู่บ้าง ชาวบ้านหมู่บ้านเฮยถู่ต่างขยันขันแข็งกันเป็นพิเศษ เมื่อรวมกับความวุ่นวายหน้าประตูบ้านก่อนหน้านี้แล้ว หลี่ต้าเฉิงไม่ได้ยินสิ่งใดแม้แต่น้อยจริงหรือ?
“อะไร? เจ้าจะมายุ่งอะไรเรื่องของข้า? รีบไปทำอาหารเช้าให้ข้าเสีย อย่ามัวแต่เสียเวลา!” หลี่ต้าเฉิงพูดคำด่าคำ ก่อนจะเดินจากไป
หลี่เยว่หานมองแผ่นหลังของเขา สีหน้าเธอเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงอย่างอดไม่ได้ ท่าทางช่างเหมือนกับพ่อของเธอไม่มีผิด
เธอจะไม่ทำอาหารให้คนในครอบครัวนี้ ทว่าตอนนี้เธอเองก็หิวเช่นกัน จึงได้แต่ไปห้องครัวก่อนเอาแป้งที่มีมาทำเป็นน้ำแกงข้นสำหรับเป็นอาหารเช้า
เมื่อกินน้ำแกงข้นเสร็จแล้ว หลี่เยว่หานก็เช็ดปาก ก่อนจะล้างชามให้สะอาดแล้วออกไปจากครัว ทว่าบังเอิญพบเข้ากับหวังเฟิ่ง หลี่ต้าเฉิง และหลี่หรงหรงที่เดินมาพร้อมกัน
บนทางเดินแคบ ๆ ทั้งสองฝ่ายต่างหยุดนิ่ง
หลี่ต้าเฉิงสูดจมูก ขณะที่ท้องส่งเสียงร้องโครกคราก
หลี่เยว่หานไม่พูดอะไร ทำเพียงแค่จับจ้องไปที่หวังเฟิ่ง
หวังเฟิ่งเป็นดังวัวสันหลังหวะ ดังนั้นหลังจากเห็นหลี่เยว่หานจับจ้องตนอยู่พักหนึ่งก็ไม่อาจทนไหว นางดึงชายเสื้อของหลี่ต้าเฉิงเบา ๆ แล้วกล่าวออกมา “ข้าเห็นหลี่เยว่หานหยอกเย้ากับชายหนุ่มจริง ๆ”
“ฮึ่ม!” หลี่ต้าเฉิงแค่นเสียงเย็น “ข้าไม่เคยคิดว่าครอบครัวหลี่ของข้าจะมีโสเภณี! ยามที่ข้าให้เจ้าไปทำอาหารเช้าเจ้าหายหัวไปไหนมา!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลี่เยว่หานก็รู้สึกขบขันในใจ อีกฝ่ายยังคงคิดถึงอาหารเช้าอยู่หรือ ฝันไปเถอะ!
หากแต่ใบหน้าของหญิงสาวก็ยังคงสงบนิ่ง หญิงสาวพูดขึ้นเบา ๆ “โสเภณีอะไรกัน? หมายถึงหรงหรงหรือ?”
“เจ้ากำลังพูดเรื่องเหลวไหลอันใด!” หลี่หรงหรงที่จู่ ๆ ถูกอีกฝ่ายเรียกพลันโมโหและเงื้อมมือขึ้นจะตบหลี่เยว่หาน แต่ถูกหลี่ต้าเฉิงหยุดไว้เสียก่อน
“เมื่อคืนเจ้าไปไหนมา!” หลี่ต้าเฉิงถามขึ้นด้วยใบหน้าจริงจัง “แม่เจ้าบอกกับข้าว่านางไม่เคยพูดว่าอยากกินปลา และนางก็ไม่ได้ขอให้เจ้าไปจับปลาตอนกลางคืน!”
“ถ้าเยว่หานเต็มใจจะพูด นางคงพูดไปนานแล้ว เด็กผู้หญิงคนนี้ดื้อรั้นนัก หากนางไม่เห็นโลงศพก็คงไม่หลั่งน้ำตา หากให้ข้าพูด เราไปเชิญย่าเฒ่าของหมู่บ้านมาตรวจร่างกายนาง อย่างถูกต้องชัดเจนก็ย่อมได้!” หวังเฟิ่งพูดพลางมองไปที่หลี่เยว่หานด้วยสีหน้ากังวล “เยว่หาน ที่แม่ทำนี่ก็เพื่อประโยชน์ของตัวเจ้าเอง!”
หลังจากได้ยิน หลี่เยว่หานก็มองไปที่หวังเฟิ่งอย่างเงียบ ๆ และกล่าวว่า “จริงหรือ? หินมากมายนั่นก็เพื่อประโยชน์ของข้าหรือ?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หวังเฟิ่งก็หน้าซีดลงทันทีด้วยความตกใจ!
“หินอะไรกัน!” หลี่ต้าเฉิงขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนใจร้อน “หลี่เยว่หาน นังเด็กเวร บอกข้ามาว่าเมื่อคืนเจ้าไปไหนมา! นอกจากนี้ อาหารเช้าของบิดาเจ้าอยู่ที่ใด!”
“ข้าบอกท่านแล้วว่าเมื่อคืนข้าไปจับปลาให้กับนาง” หลี่เยว่หานมองไปที่หลี่ต้าเฉิงอย่างจริงจัง
ก่อนมา หวังเฟิ่งได้บอกหลี่ต้าเฉิงเกี่ยวกับเรื่องที่หลี่เยว่หานถูกผีเข้าไปแล้ว
แม้ว่าหลี่ต้าเฉินจะไม่เชื่อเรื่องนี้จริง ๆ แต่เมื่อได้เห็นบุตรสาวคนโตของเขาซึ่งมีนิสัยและอารมณ์แตกต่างจากในอดีตอย่างสิ้นเชิงกำลังมองตรงมาที่เขา แผ่นหลังของเขาก็อดที่จะมีขนลุกวาบขึ้นมาไม่ได้
“เหลวไหล! แม่ของเจ้าบอกว่าเมื่อคืนนี้นางไม่ได้ให้เจ้าไปจับปลา!” หลี่ต้าเฉิงพูดด้วยใบหน้าที่มืดครึ้ม “อาหารเช้าเล่า! นังเด็กเวร เจ้าขี้เกียจอีกแล้วหรือ!”
เมื่อเห็นหลี่ต้าเฉิงซักถามย้ำเกี่ยวกับอาหารเช้า หญิงสาวก็ยกมือขึ้น “ข้ากินอาหารเช้าไปคนเดียวแล้ว ส่วนท่านแม่ ท่านก็รู้แก่ใจดีว่าได้ให้ข้าไปจับปลาเมื่อคืนนี้หรือไม่”
หลี่ต้าเฉิงอาจไม่รู้ว่าหวังเฟิ่งทำอะไรไป
เป็นเรื่องจริงที่ต้องบอกว่าหลี่เยว่หานเป็นบุตรสาวของหลี่ต้าเฉิง หากชื่อเสียงฉาวโฉ่แพร่ออกไป มันจะไม่ส่งผลดีต่อตัวหลี่ต้าเฉิงเลย
นี่จึงทำให้หลี่เยว่หานแน่ใจว่าหวังเฟิ่งจะไม่กล้าบอกความจริงกับหลี่ต้าเฉิง
“ข้าบอกให้เจ้าทำอาหารเช้า แต่เจ้ากลับกินมันเข้าไปเองเรอะ!” หลี่ต้าเฉิงโกรธมากเมื่อได้ยินว่าหลี่เยว่หานกินอาหารเช้าของตนไป!
“ถูกต้อง ท่านพ่อควรสั่งสอนบทเรียนให้นางเสียบ้าง! เมื่อคืนนางไม่กลับบ้าน! นางเป็นนังโสเภณี!” หลี่หรงหรงสุมไฟยุยง
หลี่เยว่หานไม่รีบร้อน เธอมองหวังเฟิ่งด้วยรอยยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “ท่านแม่ เมื่อคืนข้าได้ไปจับปลาให้ท่านหรือไม่?”
“…” หวังเฟิ่งไม่เคยเห็นหลี่เยว่หานเป็นแบบนี้มาก่อน ชั่วขณะหนึ่งนางรู้สึกกลัวและหลบไปที่ด้านข้างของหลี่ต้าเฉิง
หลี่ต้าเฉิงรู้สึกสับสน “ทำไมเจ้าถึงมาซ่อนตัวอยู่ตรงนี้! นางไม่ได้จะกินเจ้าเสียหน่อย!”
เมื่อหวังเฟิ่งถูกหลี่ต้าเฉิงตะคอกใส่ นางก็ตัวสั่นเทาทันทีและพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ใช่ เมื่อคืนข้าบอกว่าอยากกินปลา ข้าเลยให้เยว่หานไปจับมา ข้าลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิทเลย ข้าลืมไป…”
หลังจากได้ยินสิ่งนี้ หลี่หรงหรงก็งงงวยและพูดว่า “ท่านแม่ เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อใด เหตุใดข้าไม่รู้?”
“ทำไมเจ้าถึงคิดว่าจะรู้เรื่องของแม่เจ้าทุกอย่างเล่า?” หลี่เยว่หานกอดอกพิงกรอบประตูห้องครัวพลางมองไปที่หลี่หรงหรงอย่างขบขัน
“เจ้า…” หลี่หรงหรงรู้สึกเพียงว่าวันนี้หลี่เยว่หานแตกต่างไปจากเดิมมาก แต่มันแตกต่างกันอย่างไรนางไม่สามารถบอกได้
รู้แต่เพียงวันนี้นางถูกข่มอยู่ตลอด ซึ่งมันน่าโมโหอย่างยิ่ง
[1] เฮยไป๋อู่ฉาง(黑白无常) เป็นชื่อเรียกเทพสององค์ หนึ่งคือไป๋อู่ฉางที่มีหน้าที่รับวิญญาณคนดีไปตัดสินในยมโลก อีกหนึ่งคือเฮยอู่ฉาง มีหน้าที่จับวิญญาณบาปไปรับกรรมในนรก
MANGA DISCUSSION