บทที่ 25 กล้ามเนื้อของว่าที่สามี
เมื่อเห็นเมิ่งฉีฮ่วนกลับมาแล้ว หลี่เยว่หานก็ต้องการจะหลีกเลี่ยงผู้ชายคนนี้โดยสัญชาตญาณ ทว่าก็นึกขึ้นมาได้ว่า ตอนนี้ตนเองอยู่ในบ้านของคนผู้นี้ หญิงสาวจึงทำได้เพียงยิ้มให้เมิ่งฉีฮ่วนที่อยู่ตรงประตูอย่างไร้ทางเลือก “น้ำเตรียมไว้พร้อมให้ท่านอาบแล้ว ท่านไปอาบน้ำก่อน เสร็จแล้วอาหารคงพร้อมทานพอดี!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เมิ่งฉีฮ่วนก็ตั้งใจจะตอบกลับ ทว่าเขาเห็นร่างน้อย ๆ ของหลิงซีลุกขึ้นยืนก่อนกระโจนเข้าใส่เขา
“หลิงซี” จู่ ๆ หลี่เยว่หานก็เอ่ยปากขึ้นมา “พวกเราตกลงกันแล้วไม่ใช่หรือว่าหากเจ้าช่วยดูไฟดี ๆ พี่สาวจะทำไข่คนให้เจ้าทานคนเดียว?”
ได้ยินคำว่า ‘ไข่คน’ แล้ว หลิงซีก็หยุดเท้าเล็ก ๆ ของนางไว้กลางอากาศ ก่อนจะเม้มปากกลับไปนั่งหน้าเตาด้วยความไม่เต็มใจ ได้แต่เฝ้าดูไฟอย่างว่านอนสอนง่าย
เมื่อเห็นสถาการณ์เช่นนี้เมิ่งฉีฮ่วนก็คาดเดาได้ทันทีว่าหลี่เยว่หานรับมือกับหลิงซีได้อย่างไร เมื่อมองไปที่ใบหน้าบึ้งตึงของเด็กหญิงตัวน้อย เขาก็เกิดความรู้สึกอยากหัวเราะขึ้นมาเล็กน้อย แต่เมิ่งฉีฮ่วนก็ต้องยอมรับว่าหลี่เยว่หานสามารถรับมือกับเด็กได้ดีจริง ๆ
เมิ่งฉีฮ่วนเดินเข้าไปในลาน ก่อนจะเห็นถังน้ำใบหนึ่งวางเอาไว้ด้านข้าง และมู่ชวนที่กำลังชะโงกหัวเข้าไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“มู่ชวน ระวังตกลงไป” เมิ่งฉีฮ่วนรีบเอ่ยเตือนเขา เขาเร่งก้าวเท้ายาว ๆ ไปคว้าตัวมู่ชวนเอาไว้
ทว่ามู่ชวนกลับใช้มือข้างหนึ่งกวักน้ำใส่หน้าของเมิ่งฉีฮ่วน “อาเมิ่ง อาเมิ่ง ข้าอยากอาบน้ำกับท่าน!”
เมิ่งฉีฮ่วนใช้แขนเสื้อปาดน้ำบนใบหน้าด้วยความจำใจ ก่อนจะว่างร่างของมู่ชวนลงช้า ๆ แล้วกล่าวว่า “เอาล่ะ ให้อาเมิ่งล้างตัวเสียก่อน ส่วนเจ้าก็ไปเรียก…อาหญิงของเจ้าให้นำถังน้ำมาอีกสองถัง”
“อาเมิ่งน่าขายหน้า” มู่ชวนหัวเราะออกมา “ท่านยังไม่ได้คำนับฟ้าดินกับพี่สาวหลี่ ดังนั้นข้ากับหลิงซีจึงไม่เรียกนางว่าอาหญิง พวกเราเรียกนางว่าพี่สาว!”
“ผู้ใดให้พวกเจ้าเรียกพี่สาว!” เมิ่งฉีฮ่วนอดคิดถึงค่ำคืนนั้นภายใต้แสงจันทร์ขึ้นมาไม่ได้ ความรู้สึกเริ่มผุดขึ้นมาในใจทันที “นางเป็นอาหญิงของพวกเจ้า!”
“แบร่…” มู่ชวนทำหน้าทะเล้นใส่เมิ่งฉีฮ่วน ก่อนจะหันหลังวิ่งจากไป
หลังจากมองตามแผ่นหลังเด็กชายจนหายลับ เมิ่งฉีฮ่วนก็ถอดเสื้อผ้าของตนเองออก จากนั้นก็ตักน้ำออกจากถังไม้มาเทราดบนตัว
บนร่างกายของเขามีกลิ่นสาบสัตว์อยู่ไม่น้อย จำเป็นต้องล้างออกก่อนจึงจะสามารถอาบน้ำกับมู่ชวนได้
ในตอนนั้นเอง หลี่เยว่หานก็เกิดถือถังน้ำร้อนขนาดใหญ่เข้าไปในลาน ทว่าทันทีที่เงยหน้าขึ้นก็เห็นร่างกายท่อนบนของเมิ่งฉีฮ่วน
เวลานี้ฟ้ายังไม่มืดสนิท หลี่เยว่หานสามารถเห็นกล้ามหน้าท้องแปดลูกและกล้ามแข็ง ๆ ที่ดูแข็งแรงอย่างชัดเจน
บนร่างของเขาเต็มไปด้วยหยดน้ำ กล้ามเนื้อทุกส่วนเต็มไปด้วยพลัง หัวใจของหลี่เยว่หานเต้นระส่ำระสายไม่เป็นจังหวะเมื่อได้เห็นเข้า ถังไม้ในมือจึงแกว่งชนเข้ากับประตู
เมื่อได้ยินเสียง เมิ่งฉีฮ่วนก็เงยหน้าขึ้นมา เผอิญเห็นฉากที่หลี่เยว่หานกลืนน้ำลายตัวเองลงคอพอดี…
แม้ว่าเขาอยากจะไปซ่อนตัวอยู่หลังถังน้ำเหมือนกับดรุณีผู้หนึ่ง แต่เขาก็ยังรั้งตนเองเอาไว้ ก่อนกวักมือให้หลี่เยว่หาน “นำน้ำมาตรงนี้”
เมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูด หลี่เยว่หานก็กลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง วางถังไว้ในมือลงทันทีแล้ววิ่งหนีออกไป “ข้ายกไม่ไหว ท่านมาถือเอาไปเอง!”
ก่อนที่จะทันสิ้นเสียงดี ร่างของหลี่เยว่หานก็หายไปแล้ว
เห็นเช่นนี้แล้ว เมิ่งฉีฮ่วนก็อดรู้สึกอับจนหนทางขึ้นมาเล็กน้อยไม่ได้ สาวน้อยผู้นี้ไม่เห็นมีความคิดริเริ่มด้วยตนเองเหมือนคืนนั้นเลย มันทำให้เขาค่อนข้างคาดไม่ถึงอยู่บ้าง
หลังจากชำระล้างกลิ่นคาวเลือดบนตัวเขาแล้ว เมิ่งฉีฮ่วนและมู่ชวนก็อาบน้ำด้วยกัน จากนั้นก็สวมใส่เสื้อผ้าใหม่ที่สะอาดสะอ้าน เมื่อมาถึงห้องครัวก็พอดีกับเวลาที่หลี่เยว่หานวางอาหารจานสุดท้ายลงบนโต๊ะ
เมื่อได้กลิ่นหอมลอยอบอวล ท้องก็พลันส่งเสียงร้องออกมาทันที เมิ่งฉีฮ่วนเร่งฝีเท้าอย่างไม่ทันรู้ตัว พามู่ชวนมานั่งลงบนโต๊ะอาหาร
“หอมมาก!” มู่ชวนกำตะเกียบในมือ มองไปยังอาหารบนโต๊ะพร้อมน้ำลายที่ใกล้ไหลลงมาจากมุมปาก “พี่สาวหลี่ นี่มันเนื้ออะไรหรือ!”
“ข้าเองก็ไม่แน่ใจ” หลี่เยว่หานตอบกลับ “ข้าเห็นเนื้อแล่ถูกแขวนเอาไว้ เลยหยิบมาทำเป็นเนื้อผัดซอสแดง…น่าเสียดายที่วัตถุดิบมีอยู่อย่างจำกัด ดังนั้นจึงไม่มีสีมากนัก”
แม้ไม่เข้าใจว่าหลี่เยว่หานกำลังพูดสิ่งใด แต่ก็ไม่ได้ขัดขวางมู่ชวนจากการเพลิดเพลินกับอาหาร มันอร่อยเสียจนเขาไม่ต้องการเสียเวลาพูด
ในขณะเดียวกัน หลิงซีก็นั่งอยู่ที่โต๊ะพร้อมจานไข่คนอันสวยงามในมือ
หลังจากนั่งที่โต๊ะ นางก็ไม่ยอมเสียเวลาพูดจาอะไรเหมือนกับพี่ชาย รีบกินอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ เมิ่งฉีฮ่วนก็มองหลี่เยว่หานด้วยความขบขันเล็กน้อย “ข้าไม่รู้ว่าเจ้าจะมีฝีมือดีขนาดนี้” เขารู้ว่าเด็กทั้งสองคนนี้เลือกกินมากแค่ไหน เดิมทีเขาเองก็เคยเชิญแม่ครัวมาทำอาหารที่บ้าน
แต่หลังจากเปลี่ยนแม่ครัวมาหลายครั้ง เด็กทั้งสองก็ล้วนไม่ชอบเป็นอย่างมาก หลิงซีถึงกับปฏิเสธที่จะกินข้าวไปหลายครั้ง
สุดท้ายมู่ชวนก็เริ่มที่จะลงมือปรุงอาหารด้วยตัวเอง ส่วนหลิงซีนั้นไม่ว่ามู่ชวนจะทำอาหารออกมาไม่อร่อยถึงเพียงไหน นางก็จะกินมันอย่างว่าง่ายด้วยความเต็มใจ
ดังนั้นเมิ่งฉีฮ่วนจึงรู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก กับฝีมือการทำอาหารของหลี่เยว่หานที่สามารถทำให้เด็กทั้งสองกินได้อย่างว่าง่าย
“ไม่ได้ดีอะไรขนาดนั้น” หลี่เยว่หานเก็บอุปกรณ์ทำครัวที่ถูกทำความสะอาดทั้งหมดแล้วเข้าที่ ก่อนจะนั่งลงที่โต๊ะอาหาร “หากไม่ใช่เพราะที่บ้านของท่านมีเครื่องปรุงน้อยเกินไป ข้าคงสามารถทำอาหารได้มากกว่านี้!”
หลี่เยว่หานไม่ได้คุยโม้
อย่างไรก็ตาม ในช่วงห้าปีที่เธอเป็นอาสาสมัคร หญิงสาวพักในสถานที่แวดล้อมเลวร้ายมาหมดแล้ว ทักษะในการเอาชีวิตรอดมีอยู่เต็มเปี่ยม ไม่ได้พูดถึงทักษะการทำอาหารที่เป็นเรื่องเล็กน้อยนี่เลย
เมื่อได้ยินหลี่เยว่หานพูดจาใหญ่โตถึงเพียงนี้ เมิ่งฉีฮ่วนก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบเนื้อเข้าปาก ก่อนที่ดวงตาของเขาจะเบิกกว้างขึ้นทันที!
“นี่…” เมิ่งฉีฮ่วนมองหลี่เยว่หานด้วยความตกตะลึง “เจ้าทำอย่างไรให้เนื้อหมูป่าไม่เหม็นสาบแม้แต่น้อย?” ใช่แล้ว เนื้อที่หลี่เยว่หานนำมาใช้คือเนื้อหมูป่าที่เมิ่งฉีฮ่วนนำมาเมื่อวานนี้
ทุกคนล้วนรู้สึกว่าเนื้อหมูป่ามีกลิ่นแรงเกินไป ดังนั้นจึงไม่มีค่าอะไรมากนัก เมิ่งฉีฮ่วนจึงตั้งใจจะนำมันไปแลกเปลี่ยนเป็นไข่ไก่สำหรับตนเอง เด็กสองคน และหลี่เยว่หาน นั่นเองถึงเป็นสาเหตุที่มันถูกทิ้งเอาไว้
“เป็นเนื้อหมูป่าอย่างนั้นหรือ” หลี่เยว่หานพยักหน้ารับรู้ ก่อนคีบเนื้อชิ้นหนึ่งเข้าปาก “ไม่น่าแปลกใจเลยที่เนื้อจะแน่นมาก แม้ว่าเนื้อของหมูป่าจะมีกลิ่นแรง แต่สามารถขจัดทิ้งได้ด้วยการลวกน้ำพร้อมใบกระวานและขิงฝาน”
“ใบกระวาน? ขิงฝาน?” เมิ่งฉีฮ่วนขมวดคิ้วเมื่อได้ยินสองชื่อนี้ที่ไม่คุ้ยเคย “คือสิ่งใด?”
“ใบกระวานเอามาจากต้นหอมหมื่นลี้ ขิงฝานก็คือ…” หลี่เยว่หานกล่าว คิ้วของเธอเองก็ขมวดเข้าหากัน “ท่านไม่รู้ด้วยซ้ำว่าขิงฝานคืออะไร แล้วเหตุใดจึงปลูกเอาไว้หลังลานตั้งมากมาย?”
เมิ่งฉีฮ่วนกะพริบตาปริบ ๆ อย่างไม่เข้าใจ “ด้านหลังลาน? ข้าไม่เคยปลูกอะไรด้านหลังลานเลย ข้าออกล่าสัตว์เพื่อเลี้ยงชีพตั้งแต่มาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านไป๋อวิ๋น ไม่เคยกระทั่งพรวนดินที่หลังลานเสียด้วยซ้ำ”
“ไม่น่าแปลกใจเลย!” หลี่เยว่หานยิ้มออกมา “ก่อนหน้านี้ข้าบอกว่าขิงฝานหลังลานบ้านใกล้จะล้นแล้ว เหตุใดจึงไม่เก็บบ้าง ถามหลิงซีไปนางก็ตอบไม่ได้ ที่แท้ท่านก็ไม่แม้แต่จะรู้จักมัน!”
ไม่รู้เป็นเพราะแสงจากตะเกียงน้ำมันในห้องครัวหรือไม่ เมิ่งฉีฮ่วนจึงรู้สึกว่ารอยยิ้มของหลี่เยว่หานในตอนนี้ช่างเจิดจ้าเป็นอย่างมากจนทำให้เขานิ่งค้างไปชั่วขณะ
MANGA DISCUSSION