บทที่ 2 หวังเฟิ่งกับผีร้ายในใจ
มีคนมุงดูมากขึ้นเรื่อย ๆ หลี่เยว่หานที่ถูกผลักจนล้มไปบนพื้นไม่ได้ลุกขึ้น และยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม ดวงตาของเธอแดงระเรื่อขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงกล่าวออกมาพร้อมเสียงสะอื้นไห้ “ท่านแม่ ข้ารู้ว่าข้าผิดไปแล้ว เมื่อคืนมันมืดเกินไปข้าจึงไม่สามารถจับปลาได้ ท่านจึงไม่ยอมเปิดประตูให้ข้าหลังจากร้องเรียกครึ่งค่อนคืน…ข้ารออยู่หน้าประตูทั้งคืน ไม่ได้หมายความว่าข้าไม่กลับบ้าน!”
เมื่อคนรอบข้างได้ยินเช่นนี้ต่างก็พากันไม่พอใจขึ้นมา
หลี่เยว่หานเติบโตมาในหมู่บ้านเฮยถู่ นางทั้งฉลาดเฉลียวและมีความสามารถ มีคนจำนวนไม่น้อยที่ชื่นชอบนาง น่าเสียดายที่นางถูกหมั้นหมายไว้นานแล้ว มิเช่นนั้นคงมีคนมาสู่ขอจนธรณีประตูถูกย่ำจนพัง
“แม้จะเป็นแม่เลี้ยง แต่ก็ทำเกินไปแล้ว หลี่เยว่หานอายุเท่าไหร่กันเชียว จึงให้ออกไปจับปลากลางค่ำกลางคืน จนตอนนี้ก็ยังไม่ยอมให้นางเข้าบ้าน ถึงไม่ชอบแต่ก็ไม่สมควรรังแกกันเช่นนี้!”
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว เยว่หานฉลาดเฉลียวรู้ความตั้งแต่เด็ก ตระกูลหลี่ทำเช่นนี้นับว่าเกินไปจริง ๆ!”
“ดูสภาพของหานเยว่ก็รู้ว่านางรออยู่ด้านนอกประตูบ้านมาทั้งคืน! ไม่แปลกใจเลยที่เมื่อคืนข้าได้ยินเสียงคนร้องไห้ลาง ๆ ตอนนั้นข้าคิดว่าเป็นผีเสียอีก!”
…
หวังเฟิ่งไม่ทันคาดคิดว่าหลี่เยว่หานที่สิ้นลมหายใจไปแล้วเมื่อวานนี้ จะยังคงสามารถปรากฏตัวต่อหน้านางในวันนี้ได้ ด้วยความตื่นตระหนกนางจึงคิดเพียงแต่จะขับไล่หลี่เยว่หานที่ไม่รู้ว่าเป็นคนหรือผีออกไป ทว่ากลับถูกหลี่เยว่หานตลบหลังอย่างไม่คาดคิด!
“หลี่เยว่หาน เจ้าไม่ทำตัวเป็นกุลสตรี เที่ยวเตร่ยามวิกาล ทั้งยังกล้าใส่ร้ายแม่ของข้า ช่างหาญกล้าเป็นอย่างยิ่ง!” แม้หลี่หรงหรงจะไม่รู้ว่าเมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่นั่นก็ไม่ได้ส่งผลอะไรต่อความเกลียดชังที่มีต่อหลี่เยว่หาน
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลี่เยว่หานที่นั่งอยู่บนพื้นก็ยิ่งสะอื้นร่ำไห้ออกมามากยิ่งขึ้น ทว่าหญิงสาวไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมา
เธอรู้ว่าผู้คนย่อมเห็นใจผู้อ่อนแอ และในสถาณการณ์ปัจจุบัน หากเธอได้ชื่อว่าเที่ยวเตร่ยามวิกาลจะยิ่งมีเรื่องยุ่งยากตามมามากมายในอนาคต
ยิ่งหลี่เยว่หานร้องไห้ออกมากเท่าไหร่ ผู้คนที่อยู่รอบข้างยิ่งเห็นใจนางมากเท่านั้น ถ้อยคำประณามการกระทำของแม่เลี้ยงและลูกสาวก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน
เพราะไม่รู้ว่าหลี่เยว่หานที่อยู่เบื้องหน้าเป็นคนหรือเป็นผี อีกทั้งหวังเฟิ่งยังรู้สึกได้ว่าหลี่เยว่หานแตกต่างไปจากเมื่อก่อน ดังนั้นนางจึงไม่พูดอะไรสักคำ ทำเพียงรอดูท่าทีของหลี่เยว่หาน
“หลี่เยว่หาน! เจ้าพูดออกมาให้ชัดเจนว่าแม่ของข้าไม่เคยสั่งให้เจ้าไปหาปลาตอนกลางคืน!” ทว่าหลี่หรงหรงนั้นไม่ได้นิ่งเหมือนกับหวังเฟิ่ง นางก้าวออกไปด้านหน้าก่อนจะออกแรงดึงแขนหลี่เยว่หาน “ลุกขึ้น!”
“ได้…ได้…” หลี่เยว่หานกล่าวอย่างสะอึกสะอื้น “ท่านแม่ไม่ได้สั่งให้ข้าออกไปหาปลาตอนกลางคือ เป็นข้าที่ต้องการออกไปหาปลาด้วยตัวเอง ฮือออ…”
ยิ่งหลี่เยว่หานร้องไห้ออกมามากเท่าไร เหล่าชาวบ้านก็ยิ่งเจ็บใจแทนนางมากเท่านั้น
หลี่หรงหรงโกรธมากจนผลักหลี่เยว่หานล้มลงไปบนพื้นอีกครั้ง “หลี่เยว่หาน เจ้ายังกล้าทำตัวหน้าไม่อาย!”
“พอแล้วหรงเอ๋อร์!” สุดท้ายหวังเฟิ่งก็เปิดปากพูดขึ้นมา “เยว่หาน มันเป็นความผิดของแม่เอง แม่ไม่ควรพูดว่าอยากกินปลา เพราะเจ้าเป็นเด็กกตัญญูจึงตั้งใจจะออกไปหาปลาแม้เป็นเวลากลางคืน แม่ไม่รู้จึงปิดลงกลอนประตูโดยไม่ได้ตั้งใจ พื้นมันเย็นเจ้ารีบลุกขึ้นมาเถิด”
กล่าวจบ หวังเฟิ่งก็ยืนมือออกมาหาหลี่เยว่หานด้วยรอยยิ้มอันแตกต่างจากท่าทางเท้าเอวอย่างดุร้ายเมื่อครู่อย่างสิ้นเชิง
หลี่หานเยว่อดปรบมือให้หวังเฟิ่งในใจไม่ได้!
ความสามารถในการแสดงยอดเยี่ยมเหลือเกิน!
หากมือไม่สั่นคงจะสมบูรณ์แบบยิ่งกว่านี้!
เมื่อหลี่เยว่หานยื่นมือเย็น ๆ ของเธอจับมือของหวังเฟิ่ง เธอก็สังเกตได้ว่ามือของหวังเฟิ่งสั่นสะท้านอย่างชัดเจน
หลี่เยว่หานเห็นว่านางหวาดกลัวถึงเพียงนี้ ภายในใจก็ยิ่งเกิดความั่นใจ
หลังจากได้ยินหวังเฟิ่งกล่าวเช่นนี้ ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็ชื่นชมกับความกตัญญูของหลี่เยว่หาน ทั้งยังกล่าวว่าหวังเฟิ่งสะเพร่าเกินไป หากฟังให้ดีแล้วจะพบว่าคำครหาที่หวังเฟิ่งใช้ให้เด็กสาวไปจับปลากลางดึกก็หายไปแล้ว
น่าเสียดาย ความทรงจำที่เจ้าของร่างทิ้งเอาไว้นั้นมีจำกัด ความทรงจำเกี่ยวกับการถูกหวังเฟิ่งรังแกมีอยู่เพียงไม่กี่ฉาก
ดูไม่ค่อยเหมือนกับหวังเฟิ่งที่อยู่เบื้องหน้าเธอเท่าไหร่นัก
“ท่านแม่ เยว่หานไม่สามารถจับปลาได้ ทั้งยังสะดุดก้อนหินจนเสื้อผ้าเปียก ท่านแม่โปรดอย่าตำหนิข้าเลย” เมื่อทุกคนกำลังจะจากไป ทันใดนั้นเองหลี่เยว่หานก็พลันเอ่ยขึ้นมา ดึงความสนใจของผู้คนกลับมาอีกครั้ง
เมื่อหวังเฟิ่งได้ยินหลี่เยว่หานเอ่ยคำว่า ‘ก้อนหิน’ ขนที่หลังก็พลันลุกขึ้นมา รอยยิ้มบนใบหน้าของนางแข็งทื่อลงไปเล็กน้อย “จะทำเช่นนั้นได้อย่างไร เจ้าทนหนาวอยู่ด้านนอกมาทั้งคืนแล้ว รีบกลับไปอาบน้ำร้อนเถิด แม่จะไปต้มน้ำขิงมาช่วยเจ้าคลายหนาว”
ขณะพูด หวังเฟิ่งก็แสดงท่าทางเปี่ยมไปด้วยความรักและความเมตตา ทำให้คนรอบข้างที่เห็นต่างก็ชื่นชม
เป็นแม่เลี้ยงแต่กลับรักและเมตตาถึงเพียงนี้ นับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริง ๆ!
หลี่เยว่หานบรรลุจุดประสงค์แล้วจึงกล่าวตอบกลับไปว่า “ขอบคุณท่านแม่! เยว่หานรู้ว่าท่านแม่ยังคงรักเยว่หาน!”
หลี่เยว่หานกล่าวออกมาเป็นประโยคสั้น ๆ ด้วยความซาบซึ้งจนแทบน้ำตาไหล
“แม่ข้าไม่ได้รักเจ้า! ไอ้ตัวเสียเงินเปล่า!*[1]” หลี่หรงหรงที่อยู่ด้านข้างโกรธจนยื่นมือออกไปผลักหลี่เยว่หาน
เมื่อหวังเฟิ่งเห็นก็รีบห้ามปรามทันที “หรงเอ๋อร์ เหตุใดเจ้าจึงไม่รู้ความเช่นนี้! อย่างไรเสียเยว่หานก็เป็นพี่สาวของเจ้า!”
“ข้าไม่มีพี่สาวอย่างนาง!” หลี่หรงหรงโกรธจนตัวสั่น “เห็นได้ชัดว่านางออกไปเที่ยวเตร่ยามวิกาล เหตุใดท่านถึงต้องถือหางนางเช่นนี้ด้วย!”
“หรงเอ๋อร์!” หวังเฟิ่งเกรงว่าหากหลี่หรงหรงพูดต่อไปจะทำให้หลี่เยว่หานโกรธ ในเมื่อไม่รู้ว่าหลี่เยว่หานที่อยู่เบื้องหน้าเป็นคนหรือเป็นผี ก็ควรจะรู้จักรักษาสถานการณ์เอาไว้ก่อน “อย่าพูดจาไร้สาระ!”
เห็นเช่นนี้ หลี่เยว่หานก็แอบถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก หลี่หรงหรงผู้นี้สมควรเป็นต้นแบบของสาวอกใหญ่ไร้สมองอย่างแท้จริง
ต่อหน้าคนมากมายถึงเพียงนี้ หลี่หรงหรงยังคงกัดเธอเหมือนหมาบ้า ไม่รู้จริง ๆ ว่าในหัวของนางมีสมองอยู่หรือไม่
ตามความทรงจำเจ้าของร่าง หลี่หรงหรงผู้นี้ไม่พอใจนางที่อยู่ในฐานะ ‘พี่สาว’ เป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงพยายามกลั่นแกล้งนางอยู่เสมอ
เจ้าของร่างเป็นคนจิตใจดี มักยอมทนไม่ทำสิ่งใด แต่หลี่เยว่หานคนนี้ไม่ได้มีนิสัยดีเช่นนั้น!
“หลี่หรงหรงผู้นี้เป็นอะไรกัน ทำตัวประหนึ่งไร้การอบรมสั่งสอน แตกต่างจากเยว่หานอย่างสิ้นเชิง!”
“พ่อแม่เป็นแบบใดก็ให้กำเนิดลูกแบบนั้น*[2] เจ้าคิดว่าอย่างไรกับเรื่องหลี่หรงหรง!”
ในขนาดที่พูดออก สายตาของคนจำนวนไม่น้อยก็มองไปที่หวังเฟิ่งอย่างมีนัยยะ
หลี่หรงหรงโกรธแทบตาย และยิ่งหลี่เยว่หานมองนางมาด้วยสายตาว่างเปล่า นางยิ่งโกรธจนไม่สามารถระงับได้ นางตรงไปคว้าผมของหลี่เยว่หานในทันที!
“นังคนไร้ค่านี่!”
หลี่เยว่หานถูกหลี่หรงหรงโยนลงไปกับพื้นโดยไร้การปัดป้อง หัวของเธอกระแทกลงพื้นอย่างแรง ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้น้ำตาของเธอไหลออกมา
“หลี่หรงหรง! เจ้ากำลังทำสิ่งใดอยู่!” เมื่อเห็นลูกสาวของตนเองกระทำการหุนหันพลันแล่น หวังเฟิ่งก็รีบไปคว้าตัวนางเอาไว้ แลดูคล้ายกำลังปกป้องหลี่เยว่หาน ทั้งที่แท้จริงแล้วนางกำลังกลัวหลี่เยว่หาน
“หญิงเที่ยวเตร่ยามวิกาลอย่างเจ้าสมควรตายแล้ว! ผู้ใดจะล่วงรู้ว่ากลางค่ำกลางคืนเจ้าไปมั่วอะไรมา! ท่านแม่ไม่เคยกล่าวว่าอยากกินปลาเสียหน่อย!” หลี่หรงหรงตะโกนเสียงดัง “หลี่เยว่หาน เจ้ามันเป็นเพียงแค่คนไร้ค่า!”
หลี่เยว่หานที่ยังคงไม่ฟื้นตัวจากความเจ็บปวดนั่งอยู่บนพื้นด้วยความงุนงง ไม่พูดหรือขยับตัวใด ๆ อาโจวที่อยู่ด้านข้างเห็นสภาพนางเป็นเช่นนี้ จึงเข้ามาช่วยพยุงนางขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง “เยว่หาน เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ไม่…ไม่เจ็บ…” หลี่เยว่หานตอบอย่างหลบเลี่ยง ก่อนจะดึงแขนของตัวเองออกจากมืออาโจว
หลังจากนั้นหญิงสาวก็เดินโซซัดโซเซกลับไปยังห้องของตนเอง ระหว่างที่หลี่หรงหรงยังคงส่งเสียงดังอยู่ที่หน้าประตู
เมื่อเห็นฉากนี้ ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
เด็กที่ไม่มีแม่ สถานะย่ำแย่ ถูกใครรังแกก็ล้วนไม่กล้าจะเอ่ยสิ่งใด
[1] ไอ้ตัวเสียเงินเปล่า (赔钱货) เป็นคำโบราณ ใช้ในเชิงลบกับลูกสาว ที่ต้องเสียค่าสินเจ้าสาวให้แต่งออกจากบ้านไป
[2] พ่อแม่เป็นแบบใดก็ให้กำเนิดลูกแบบนั้น แปลเอาแค่ความหมายมาจาก龙生龙凤生凤,老鼠生子会打洞 แปลตรง ๆ ว่า มังกรให้กำเนิดมังกร หงส์(凤)ให้กำเนิดหงส์ หนูก็ให้กำเนิดหนู หมายถึง พ่อแม่เป็นแบบใดลูกก็เป็นเช่นนั้น ใช้เปรียบเปรยกับอาจารย์ลูกศิษย์ได้ด้วย
MANGA DISCUSSION