บทที่ 17 มารดาเลี้ยงผู้รักใคร่บุตรของสามี
ถ้าหากเมื่อครู่รู้ว่าคนเหล่านี้จะมาทวงหนี้ล่ะก็ นางก็คงไม่แสร้งทำเป็นแม่เลี้ยงใจดีเช่นนี้แน่!
“ใช่ รวมทั้งต้นและดอกคือจำนวนเท่านี้” ชายหน้าบากกดนิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้ นิ้วกลางเข้าหากัน จากนั้นสายตาจึงมองมายังหลี่หรงหรง “ถ้าหากไม่มีเงิน ก็สามารถนำนางผู้นี้มาชำระหนี้แทนได้”
หลี่หรงหรงที่ถูกชายหน้าบากพูดจาให้หวาดกลัว รีบเข้าไปหลบอยู่ด้านหลังของหวังเฟิ่งทันที
หวังเฟิ่งพูดขึ้นมาอย่างไม่หวั่นใจ “พี่ชาย เรื่องใดใครก่อ ผู้นั้นก็ต้องรับผิดชอบ ในเมื่อเยว่หานเป็นคนติดหนี้พวกท่าน ก็ต้องไปตามที่เยว่หาน ไม่ใช่เรื่องที่หรงหรงของเราจะต้องเข้าไปยุ่ง!”
ในตอนนี้ หลี่ต้าเฉิงที่อุ้มหลี่เยว่หานกลับเข้าไปในห้องจึงเดินออกมา “เยว่หานติดเงินพวกเจ้า? หมายความว่าอย่างไร? เจ้ามีหลักฐานหรือไม่?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ชายหน้าบากจึงฉีกยิ้มเย็น ก่อนจะหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ พลางเดินไปตรงหน้าหวังเฟิ่งและหลี่ต้าเฉิง “นี่คือหนังสือสัญญาที่หลี่เยว่หานประทับรอยนิ้วมือไว้ หรือพวกท่านคิดที่จะไม่ชดใช้หนี้กัน? จะบอกอะไรให้ ลูกพี่ของเราไม่ใช่คนที่จะมาหาเรื่องได้ง่าย ๆ หากพวกเจ้าไม่คิดชดใช้หนี้ก็จงรอวันที่จะโดนเฆี่ยนตีวันละสามครั้งได้เลย!”
“พี่ชายผู้นี้พูดได้ดี พูดได้ดีจริง ๆ!” หวังเฟิ่งกลัวว่าหลี่ต้าเฉิงจะโง่จนทำให้อีกฝ่ายขุ่นเคืองใจได้ จึงรีบชิงพูดขึ้นมาก่อนหลี่ต้าเฉิง “พี่ชายมาได้ถูกจังหวะนัก ยัยหนูเยว่หานพึ่งจะสิ้นใจไปเมื่อครู่เอง!”
เดิมทีนั้น ผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้ว่าวันนี้ครอบครัวหลี่ได้พากันไปยังบ้านตระกูลหลิ่วในเมือง เพื่อพูดคุยเรื่องการแต่งงานกันทั้งครอบครัว และได้ยินว่าพวกเขาไม่ได้รับการต้อนรับ คนจำนวนไม่น้อยจึงคิดมาดูเรื่องสนุกกัน
แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะได้บังอิญมาพบกับกลุ่มชายหน้าบากที่มาตามทวงหนี้ ผู้คนที่เฝ้ามองดูอยู่รอบ ๆ จึงยิ่งรู้สึกตื่นเต้นขึ้นไปอีก
หลี่เยว่หานที่เดิมทีมีชื่อในเรื่องความน่ารักน่าเอ็นดู ไม่รู้ว่ามีคนจำนวนมากเพียงใดที่อิจฉาหลี่ต้าเฉิงที่มีลูกสาวน่ารักเช่นนี้ แล้วยังจะมีเรื่องการแต่งงานระหว่างตระกูลหลิ่วอีก
แต่ผ่านไปเพียงไม่กี่วัน เรื่องการแต่งระหว่างตระกูลหลิ่วกลับถูกยกเลิกไป หลี่เยว่หานกลายเป็นคนเสียสติและยังมีหนี้สินก้อนโตเช่นนี้อีก ทุกคนจึงรู้สึกสนุกที่เห็นครอบครัวหลี่เผชิญคราวเคราะห์เช่นนี้!
แต่ตอนนี้ หวังเฟิ่งกลับพูดว่าหลี่เยว่หานตายแล้ว!
เรื่องนี้ราวกับสายฟ้าผ่าลงมากลางพื้นดิน กระทบถึงจิตใจของคนในหมู่บ้านเฮยถู่ ทุกคนรู้สึกตกใจจนแทบจะไม่สามารถแสดงปฏิกิริยาตอบสนองใด ๆ ออกมา
ชายหน้าบากกลับยิ้มออกมา “อย่างไรกัน ชดใช้หนี้ไม่ได้จึงตายให้พวกเราดูอย่างนั้นหรือ?”
พูดพลางโบกมือข้างหนึ่งขึ้นมา ผู้ที่ติดตามชายหน้าบากมาอีกสองสามคนจึงผลักหวังเฟิ่งและหลี่ต้าเฉิงออกเพื่อเดินเข้ามาในบ้านสกุลหลี่
และในขณะนั้นเอง หลี่หรงหรงจึงสังเกตเห็นว่า มีชายร่างสูงแต่ปิดอำพลางใบหน้าของตนไว้ได้เดินออกมา
ถึงแม้จะมองไม่ชัดเจนว่าชายผู้นี้มีรูปลักษณ์เป็นเช่นไร แต่หลี่หรงหรงกลับต้องกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว
“พี่ชาย! ท่านคิดว่าเราควรทำเช่นไรดี!” เมื่อชายหน้าบากเห็นชายที่เดินออกมา ท่าทางดุร้ายเมื่อครู่จึงถูกแทนที่ด้วยความเคารพยำเกรงในทันที
เมื่อเห็นเช่นนั้น หลี่หรงหรงจึงยิ่งรู้สึกใจเต้นเร็วขึ้นมา ดูเหมือนว่าสายตาจะจับจ้องอยู่บนร่างของชายผู้นั้นจนไม่อาจละสายตาออกมาได้
“มีชีวิตต้องพบคน ตายก็ต้องพบศพ” เมิ่งฉีฮ่วนพูดขึ้นมาสั้น ๆ
เมื่อชายหน้าบากได้ยินเช่นนั้น ก็รีบหันไปจ้องมองหวังเฟิ่งด้วยแววตาดุร้ายทันที “ศพของหลี่เยว่หานอยู่ที่ใด!”
“อยู่…” หวังเฟิ่งคิดจะชี้นิ้วไปยังห้องของหลี่เยว่หาน แต่กลับถูกหลี่ต้าเฉิงรั้งไว้เสียก่อน
“พวกพี่ชาย ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเหตุใดเยว่หานจึงเป็นหนี้พวกท่านมากมายเช่นนี้ แต่คนก็ได้ตายจากไปแล้ว หรือพวกท่านยังต้องการนำร่างไร้วิญญาณของนางไปด้วยอย่างนั้นหรือ!” ตอนนี้หลี่ต้าเฉิงไม่สนใจว่าหลี่เยว่หานจะเป็นหรือตาย แต่เพียงแค่ต้องการให้คนเหล่านี้ออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
เมื่อคิดถึงอาการหายใจโรยราของหลี่เยว่หานเมื่อครู่แล้ว มีโอกาสสูงที่จะรักษาไม่ได้แล้ว
“ลูกพี่ของเราพูดแล้ว มีชีวิตต้องพบคน ตายก็ต้องพบศพ!” ชายหน้าบากพูดพลางแสดงสีหน้าโมโหออกมา
เมื่อได้ยินอีกฝ่ายกล่าวประโยคนี้ออกมา หลี่ต้าเฉิงรู้สึกโกรธมากและต้องการพูดอะไรบางอย่าง
หวังเฟิ่งรีบดึงมือเขาทันที เพื่อไม่ให้เขาพูดอะไรต่อ จากนั้นจึงพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงประจบสอพลอ “พี่ใหญ่ของท่านอยู่ที่ใดกัน เยว่หานของเราเสียสติไปแล้วจริง ๆ เช้าวันนี้เราสองสามีภรรยาพึ่งพาน้องสาวของนางไปจัดการเรื่องบางอย่างในเมือง แต่เมื่อกลับมาถึงบ้าน เยว่หานก็ไร้ลมหายใจไปเสียแล้ว”
“ถ้าหากพวกท่านไม่เชื่อล่ะก็ ข้าสามารถนำทางพวกท่านไปดูยังห้องของนางได้ เนื้อตัวของนางเย็นไปหมดแล้ว!”
คำพูดของหวังเฟิ่งพูดได้น่าเชื่อถือมาก จนทำให้ชายหน้าบากไม่รู้จะทำเช่นไร เขาจึงมองไปยังเมิ่งฉีฮ่วนที่นั่งอยู่ด้านข้าง ราวกับรอให้เขาพูดอะไรบางอย่าง
แต่เมิ่งฉีฮ่วนกลับไม่พูดอะไร
หลี่หรงหรงถูกหลิ่วจื้อหย่วนทอดทิ้ง วันนี้ทั้งครอบครัวกลับถูกตระกูลหลิ่วทำให้อับอายขายหน้า ภายในใจของนางจึงไม่หลงเหลือความอับอายใด ๆ แล้ว
เมื่อเห็นรูปร่างที่ดูสง่าสงามและแข็งแกร่งของเมิ่งฉีฮ่วน และชายหน้าบากที่มีท่าทางไม่น่ายุ่งเกี่ยวด้วยเช่นนี้ จึงมีความคิดอื่น จึงพูดขึ้นมาทันที “พี่ชาย พี่สาวของข้าจากไปเป็นเทพธิดาเสียแล้ว ถ้าหากหรงหรงพอจะถูกอกถูกใจพวกท่าน ได้โปรดนำหรงหรงไปชำระหนี้แทนพี่สาวเถิด!”
หลี่หรงหรงพูดพลางแสดงท่าทางอย่างเด็ดเดี่ยวออกมา
เดิมทีนั้น ผู้คนในหมู่บ้านเฮยถู่เป็นคนจิตใจบริสุทธิ์ที่ดูอ่อนต่อโลก เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่หรงหรง จึงนึกตลกที่วันนี้หลี่หรงหรงกลายเป็นหญิงใจง่ายไปเสียแล้ว มันจึงช่วยไม่ได้ที่จะเกิดเสียงซุบซิบนินทาเกี่ยวกับหลี่หรงหรงขึ้นมาอย่างเกินจริง
เมิ่งฉีฮ่วนที่นั่งด้วยท่าทางนิ่งสงบกลับส่งเสียงหัวเราะออกมา
“เจ้าคิดว่า หญิงใจง่ายคนหนึ่งมีค่าถึงเจ็ดสิบตำลึงหรือ?” เมิ่งฉีฮ่วนหัวเราะพลางพูดขึ้นมา “หรือเจ้าคิดว่าข้าจะสนใจผู้หญิงที่หลิ่วจื้อหย่วนเขี่ยทิ้งอย่างนั้นหรือ?”
“ท่าน…” หลี่หรงหรงแทบจะไม่เชื่อว่าชายที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ในสายตาของนางตรงหน้านี้ จะพูดคำพูดเช่นนี้ออกมา ทำให้นางรู้สึกโมโหจนหน้าแดงก่อนที่มันจะซีดลง “ข้าเพียงแค่ต้องการชดใช้หนี้แทนคนในครอบครัวเท่านั้น! ไม่ได้คิดมากมายเหมือนที่ท่านคิด!”
“โอ้” เมิ่งฉีฮ่วนพยักหน้ารับ ก่อนจะหันหน้ากลับมาทันที “หน้าบาก เจ้าอยากเก็บหญิงใจง่ายเช่นนี้ไปหรือไม่?”
ชายหน้าบากที่จู่ ๆ ถูกเอ่ยถามขึ้นมาชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบส่ายศีรษะทันที “หญิงใจง่ายจะมีค่าเป็นเงินเพียงใดกัน เงินเจ็ดสิบตำลึงน่าจะซื้อหญิงสาวได้หลายคน ใครจะชอบหญิงใจง่ายเช่นนี้กัน!”
“พูดถูก” เมิ่งฉีฮ่วนพยักหน้า จากนั้นจึงหันหน้าไปยังหลี่หรงหรง “ข้าก็ไม่ต้องการหญิงใจง่ายเช่นกัน”
ภายในหนึ่งวัน หลี่หรงหรงกลับถูกดูถูกติด ๆ กันถึงสองครั้ง นางรู้สึกโมโหจนแทบเสียสติ “ท่านมีเหตุผลใดจึงดูถูกผู้อื่นเช่นนี้!”
“จะพูดว่านี่เป็นการดูถูกนั้นก็จริง” เมิ่งฉีฮ่วนถอนหายใจออกมา “เช่นนั้น ข้าก็คิดว่าเจ้าที่บอกว่าจะใช้ตัวเองเพื่อชดใช้หนี้ ก็เป็นการดูถูกข้าเช่นกัน”
“ท่าน…” หลี่หรงหรงอยากจะพูดอะไรบางอย่าง และหวังเฟิ่งเห็นว่าไม่สามารถรั้งนางไว้ได้ จึงรีบเอามือปิดปากนางเพื่อไม่ให้นางพูดต่อไปอีก
“ท่านพี่! ท่านเจรจากับพี่ชายพวกนี้เสียก่อนเถิด ข้าจะพาหรงหรงกลับห้องเสียก่อน!” ไม่รู้ว่าหวังเฟิ่งกำลังมีความคิดอะไรอยู่ จึงรีบปิดปากหลี่หรงหรงและรีบพานางเข้าไปในห้องของหลี่เยว่หานทันที
“ท่านแม่ เหตุใดท่านต้องขวางข้าไว้! ชายผู้นั้นกำลังพูดจาดูถูกข้า!” หลี่หรงหรงตะโกนเสียงดัง
หวังเฟิ่งรีบปิดประตูทันที นางรีบเอานิ้วชี้ส่งสัญญาณให้หลี่หรงหรงเงียบเสียงลง จากนั้นจึงรีบสาวเท้าเดินไปยังหลี่เยว่หานที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง สูดหายใจเข้าลึก ๆ ราวกับกำลังรวบรวมความกล้า ก่อนจะเอามือไปอังใต้จมูกของหลี่เยว่หาน
เมื่อเห็นการกระทำของหวังเฟิ่ง หลี่หรงหรงจึงอดสงสัยขึ้นมาไม่ได้ “ท่านแม่ ท่านกำลังทำสิ่งใดกัน?”
หญิงสาวกลับเห็นสีหน้าของหวังเฟิ่งดีอกดีใจขึ้นมา “ยังโชคดี ถึงแม้ลมหายใจจะอ่อนแรง แต่ก็ยังไม่หมดลมหายใจ! หรงเออร์ เจ้ารีบออกไปตะโกนเสียงดัง ๆ ว่าหลี่เยว่หานยังมีชีวิตอยู่!”
“เพราะเหตุใดกัน!” หลี่หรงหรงรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา “ข้าคิดว่าควรจะรีบใช้มีดแทงนางให้ตายเสียจะดีกว่า!”
MANGA DISCUSSION