บทที่ 132 เหอฮวาที่แปลกไป
“ข้า… ลูกชายของข้า!… ลูกชายของข้าตายแล้ว!!…” หวังฉินรู้สึกว่าท้องฟ้ากำลังถล่มมา
ถ้าหม่าเวยไม่ได้ช่วยพยุงนาง นางอาจจะทรุดลงไปในแอ่งโคลนและล้มลงกับพื้นแล้วก็เป็นได้
หวังฉินซึ่งแต่เดิมได้รับการดูแลอย่างดี ตอนนี้ราวกับแก่ขึ้นมาสิบปีในชั่วพริบตา ใบหน้าของนางสิ้นหวังและทำอะไรไม่ถูก
นั่นคือลูกชายสามคนที่นางภูมิใจที่สุด! แม้ว่าจะกลับมาเพียงปีละ 2-3 ครั้ง แต่ทุกคนในหมู่บ้านรู้ดีว่าบ้านหวังไม่ควรยุ่งด้วย เพราะพวกเขามีลูกชายสามคนที่เป็นนักเลงอยู่นอกบ้าน
แม้ก่อนหน้านี้ หวังเหอฮวาจะถูกเมิ่งฉีฮ่วนทำให้เสียหน้า แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรเกี่ยวกับนางลับหลัง เพราะพวกเขาต่างกลัวลูกชายทั้งสามของบ้านหวัง!
แต่ตอนนี้ลูกชายทั้งสามที่เทียบเท่ากับเสาหลักได้เสียชีวิตไปในชั่วข้ามคืน หวังฉินจะไม่รู้สึกเศร้าได้อย่างไร!
“อย่าเศร้าเกินไปเลย” กัวอี้เคาะปล้องยาสูบของเขากับธรณีประตูและพูดอย่างเย็นชา “แม้ว่าเจ้าเด็กสามคนนั่นจะจากไปแล้ว แต่เหอฮวาของเจ้าก็ยังคงเป็นฮูหยินน้อยของตระกูลหลิ่ว ตราบใดที่นางรักษาตำแหน่งในตระกูลหลิ่วไว้ได้ สถานะของบ้านหวังเจ้าและในหมู่บ้านไป๋อวิ๋นของเราก็จะไม่เปลี่ยนแปลง”
“ใช่… เหอฮวา… ข้ายังมีเหอฮวาอยู่…” หวังฉินดูเหมือนจะฟื้นตัวแล้ว นางคว้ามือของกัวอี้ ก่อนคุกเข่าลงตรงหน้าอีกฝ่าย “พี่ชายกัว พี่ชายกัว! เจ้ามาจากหมู่บ้านของเรา เจ้าเป็นคนที่มีอำนาจมากที่สุด ข้าขอให้เจ้าปกป้องเหอฮวาด้วย อย่าให้ท่านเก้าที่น่ากลัวผู้นั้นทำร้ายเหอฮวาได้!”
“อย่างที่ข้าบอก ท่านก้าวเป็นคนให้ความสำคัญกับงานของเขาและจะไม่ทำร้ายครอบครัวของศัตรู ดังนั้นเหอฮวาของเจ้าจะไม่ตกอยู่ในอันตราย” กัวอี้ถอนหายใจ “แค่เจ้าอย่าไปยุ่งกับบุตรสาวบุญธรรมของตระกูลหลิ่วอีก ตอนข้ากำลังเดินทางกลับ ข้าได้ยินมาว่านายท่านผู้เฒ่าหลิ่วและนายท่านหลิ่วต่างก็ชอบบุตรสาวบุญธรรมคนนี้มาก อย่างไรมารดาของนางก็เสี่ยงชีวิตของตนเพื่อช่วยชีวิตนายท่านผู้เฒ่าหลิ่ว ทั้งผู้หญิงคนนั้นยังมีเหตุผลพอที่จะถอนหมั้นด้วยตนเอง”
หลังจากได้ยินสิ่งนี้ ในที่สุดหวังฉินก็ตอบสนองอย่างล่าช้า “นังสารเลวหวังเฟิ่ง! เป็นความคิดของนางที่ให้ตามหัวจื่อและคนอื่น ๆ กลับมาเพื่อทำลายหลี่เยว่หาน! ข้าน่าจะรู้… ถ้าข้ารู้ว่าพวกเขาทำให้คนอย่างท่านเก้าขุ่นเคืองใจ ถ้าข้ารู้ว่าพวกเขาซ่อนตัวอยู่นานกว่าครึ่งปีเพราะเหตุนี้ ข้าจะไม่เรียกพวกเขากลับมาเพียงเพื่อระบายความโกรธของข้า!”
หวังฉินคร่ำครวญอย่างเสียใจ ดวงตาของหม่าเวยเองก็สั่นไหว ราวกับว่าเขาต้องการที่จะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาก็ยังไม่พูดอะไรในท้ายที่สุด
เมื่อเห็นว่าหวังฉินกำลังร้องไห้อย่างหนัก กัวอี้ก็ทำได้เพียงถอนหายใจ “ขอแสดงความเสียใจด้วย คนไม่สามารถฟื้นคืนชีพได้หลังจากตายไปแล้ว หัวจื่อและคนอื่น ๆ เองก็ถูกตัดสินให้ถูกเนรเทศ ดังนั้น เจ้าจึงไม่สามารถไปเก็บศพได้ คนจากทางการโยนพวกเขาเข้าไปในลานศพโดยตรง อย่างมากที่สุด เราทำได้เพียงแค่สร้างสุสานด้วยเสื้อผ้าเท่านั้น และเราไม่สามารถทำอย่างเอิกเกริกได้ มิฉะนั้นทางการจะจับผิด”
หลังจากพูดจบ กัวอี้ก็ลุกขึ้นและออกจากบ้านหวังไป
หวังฉินทรุดนั่งลงกับพื้นและร้องไห้อยู่ครึ่งคืน จนในที่สุดก็สลบไปในอ้อมแขนของหม่าเวย
วันต่อมา ข่าวที่พี่น้องสามคนของบ้านหวังยั่วโมโหคนที่พวกเขาไม่สามารถยั่วยุได้ กับข่าวที่ว่าพวกเขาถูกฆ่าตายบนถนนตอนถูกเนรเทศก็แพร่กระจายไปทั่วหมู่บ้านไป๋อวิ๋น
สำหรับชื่อของคนที่ไม่ควรไปล่วงเกินนั้น…
คนทั่วไปส่วนใหญ่ไม่เคยได้ยินชื่อท่านเก้า แต่ใครก็ตามที่รอบรู้จะรู้ถึงการมีอยู่ของบุคคลนี้ และใครก็ตามที่พูดถึงเขาก็จะหน้าซีดตัวสั่น ดังนั้นแม้ว่าทุกคนจะรู้สึกว่าพี่น้องทั้งสามคนของบ้านหวังเสียชีวิตอย่างน่าสมเพช แต่ก็ไม่มีใครกล้ามาที่บ้านหวังเพื่อแสดงความเห็นใจ
รวมถึงหวังเฟิ่งด้วย
หลี่เยว่หานอยู่เงียบ ๆ ไปเป็นเวลานาน เพื่อไม่ให้กระตุ้นความสงสัยของผู้คน เธอจงใจปิดประตูเก็บตัวนานกว่าครึ่งเดือน แม้แต่โจวต้าเป่าก็ยังถูกปิดบัง ทุกวันหลังจากที่เมิ่งฉีฮ่วนออกไป เธอจะนั่งที่ลานบ้านและสั่งให้โจวต้าเป่าทำโน่นทำนี่ สะใภ้หลิวรู้สึกสงสารหญิงสาว ดังนั้นจึงเสนอตัวมาดูแลนางและเด็ก ๆ
ครึ่งเดือนต่อมา เธอได้กินยาบำรุงทั้งหมดที่หลิ่วเทียนเสียงนำมาให้ในวันนั้น หลี่เยว่หานก็รู้สึกดีขึ้นมาก แม้แต่สะใภ้บ้านหลิวที่ได้กินของเหล่านี้ด้วยก็ยังอ้วนท้วนขึ้น
ครึ่งเดือนต่อมา ในที่สุดหลี่เยว่หานก็ทนไม่ได้อีกต่อไป และค่อย ๆ เริ่มทำงานในไร่นา และพาหลิงซีออกไปเก็บผลไม้เป็นครั้งคราว ขณะเดียวกันเธอก็ได้ยินข่าวเกี่ยวกับบ้านหวังมาบางส่วน เช่นเดียวกับข่าวของหวังฉินและหวังเฟิ่ง
ดูเหมือนว่า… หม่าเวยและหวังเฟิ่งจะคบชู้กันจนถูกหลี่ต้าเฉิงจับได้ ทำให้ทั้งสองครอบครัวตัดขาดกันโดยสิ้นเชิง
อย่างไรก็ตามคนจากบ้านหลี่ไม่ได้ถูกไล่ออก ได้ยินมาว่าหอยแมลงภู่อย่างหวังเฟิ่งงอกไข่มุก นางกำลังตั้งท้องแล้ว
ว่ากันว่าเป็นเวลาสามหรือสี่เดือนแล้ว ก่อนหน้ายังไม่มีการเปิดเผยการตั้งครรภ์ แต่ต่อมาทารกในครรภ์ก็ใหญ่เกินไปจนไม่สามารถปกปิดได้ อีกทั้งยังมีการทะเลาะกันกับหวังฉินอีก ดังนั้นเรื่องนี้จึงถูกเปิดเผย ซุนไท่กงคิดว่านางท้องอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่บังคับขับไล่บ้านหลี่ออกไป
ตั้งแต่หลี่หรงหรงถูกพาตัวไปที่ตระกูลหลิ่ว นางก็ไม่เคยกลับมา ตรงกันข้าม ทางหวังเหอฮวาได้กลับมาหลายครั้งและแต่ละครั้งก็มีเสน่ห์มากกว่าครั้งก่อน วันนี้ นางกลับมาด้วยรถม้าของจวนตระกูลหลิ่วพร้อมกับสาวใช้และบ่าวแบกหามสองคน
“ถ้าให้ข้าพูด น้องสาวเหอฮวาก็ฉลาดเช่นกัน ไม่เช่นนั้นนางคงไม่สามารถเหยียบย่ำน้องสาวที่ใจร้ายของเจ้าได้” สะใภ้หลิวพึมพำขณะช่วยหลี่เยว่หานเก็บผัก “ทั้งสองคนถูกพาไปในเวลาเดียวกัน สามเดือนผ่านไป หลี่หรงหรงไม่กลับมาเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่น้องสาวเหอฮวาได้กลับมาที่นี่หลายครั้งแล้ว”
หลังจากได้ยินเช่นนี้ หลี่เยว่หานก็ยิ้มจาง ๆ
ตั้งแต่ได้เรียนรู้ความลับของสมบัติแคว้นหลิงฉวนในวันนั้น หัวใจของหลี่เยว่หานก็กว้างขึ้นเรื่อย ๆ อย่างดีที่สุดหลี่หรงหรงและหวังเหอฮวาก็เป็นเพียงสองสิ่งกีดขวางเล็ก ๆ ตอนที่เธอที่มายังโลกนี้ และพวกเขาไม่สามารถหยุดเธอจากการมีชีวิตที่ดีในโลกนี้ได้
ตอนนี้หลี่หรงหรงแต่งงานกับหลิ่วจื้อหย่วนตามที่นางต้องการแล้ว หวังเหอฮวาก็ถือได้ว่าแต่งงานเข้าตระกูลหลิ่วเช่นกัน และคนอย่างหวังเฟิ่งก็ยังมีหัวคิด เพื่อสุขภาพของตน อีกฝ่ายจึงไม่ค่อยมาสร้างปัญหาให้กับเธอ ดังนั้นชีวิตช่วงนี้จึงสงบขึ้นมาก
“นี่ น้องสาวเยว่หาน เจ้าไม่ได้ถามถึงความเป็นอยู่น้องสาวคนเล็กของเจ้าว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างเลยรึ?” สะใภ้บ้านหลิวซุบซิบถาม
“พี่สะใภ้หลิว เจ้าคงเห็นแล้วว่าครึ่งเดือนที่ผ่านมาข้าอยู่ที่นี่อย่างไร ข้าจะไปรู้ข่าวได้จากที่ไหน?” หลี่เยว่หานพูดยิ้ม ๆ คว้าถั่วหนึ่งกำมือแล้วโยนใส่ตระกร้าสะใภ้หลิว “คืนนี้ทำหมูผัดถั่วกัน เดี๋ยวข้าทำเอง”
ทันทีที่นางได้ยินว่าหลี่เยว่หานกำลังจะทำอาหาร ดวงตาของสะใภ้บ้านหลิวก็สว่างขึ้น “ได้ ๆ! ข้าจะไปเอาข้าวที่บ้านมา ข้าอยากกินอาหารฝีมือของเจ้าจนแทบรอไม่ไหวแล้ว!”
“ก๊อก ก๊อก—” ขณะที่สะใภ้บ้านหลิวกำลังจะลุกขึ้น จู่ ๆ ก็มีคนมาเคาะประตูลานบ้าน และเมื่อเธอเงยหน้าขึ้น ก็เห็นหวังเหอฮวาที่สวมเสื้อผ้าแปลกตาทว่าเนื้อดียืนอยู่ที่ประตู
หวังเหอฮวาหวีผมเป็นมวยของสตรีที่แต่งงานแล้ว ดูสง่างามและมีคุณธรรมมากกว่าเดิมเล็กน้อย เมื่อมองไปที่หลี่เยว่หาน ในสายตาของหญิงสาวไม่มีความเอาแต่ใจ ทั้งยังอ่อนโยนกว่าเดิมอีกเล็กน้อย
“ก่อนหน้านี้ข้าได้ยินมาว่าเจ้าต้องนอนพักฟื้นและเพิ่งจะสามารถลงมาเดินได้เมื่อเร็ว ๆ นี้ ข้าคิดว่ายังไงก็ต้องมาขอโทษเจ้า” หวังเหอฮวายืนที่ประตูอย่างระมัดระวังเล็กน้อย ราวกับว่ากำลังรอให้หลี่เยว่หานพยักหน้าเพื่อให้นางเข้าไปในลานบ้าน
MANGA DISCUSSION