บทที่ 120 สู้สามต่อหนึ่งทุกครั้งมันก็เหนื่อย
ในตอนบ่าย เมื่อมู่ชวนไปสำนักศึกษา หลี่เยว่หานก็แบกหลิงซีไว้บนหลัง แล้วขึ้นไปบนภูเขา
ระหว่างทางเธอได้พบกับหวังเฟิ่งที่ยิ้มแย้มแจ่มใสอย่างมีความสุข หวังเฟิ่งต้องการที่จะโอ้อวดต่อหน้าหลี่เยว่หาน ทว่านางไม่คาดคิดว่าหญิงสาวจะจากไปโดยไม่แม้แต่จะมองนางเลย ท่าทีเช่นนั้นของอีกฝ่ายทำให้หวังเฟิ่งโกรธแทบตายแล้ว
บนภูเขา หลี่เยว่หานมองไปที่ทุ่งพริกป่าและพบว่ามันเต็มไปด้วยวัชพืชแล้ว ดังนั้นเธอจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจเล็กน้อย
ช่วงนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้น ทำให้หญิงสาวไม่ได้มาดูแลจัดการพวกมัน ไม่เช่นนั้นหากต้นกล้าพริกป่าเหล่านี้ถูกเอากลับไป มันอาจจะงอกออกมาแล้วก็เป็นได้ น่าเสียดายที่ตอนนี้ที่ดินถูกปกคลุมไปด้วยวัชพืช ทั้งต้นกล้าอ่อนก็ไม่สามารถรับสารอาหารได้ ดังนั้นพวกมันจึงไม่รอด
บนภูเขา เธอเก็บผลซานจา*[1]มาครึ่งตะกร้า เมื่อเห็นว่าเริ่มเย็นแล้ว หลี่เยว่หานจึงลงจากภูเขาไปพร้อมกับตะกร้าใบเล็ก
หลังจากกลับถึงบ้าน หลี่เยว่หานหยิบหม้อมาอุ่น ใส่น้ำมันลงไปเล็กน้อย และรอให้น้ำมันละลาย จากนั้นหญิงสาวก็โยนน้ำตาลทั้งหมดที่มู่ชวนขอมาจากหวังเฟิ่งลงไป
แม้ว่าน้ำตาลเหล่านี้จะมีคุณภาพต่ำ ทว่าก็เป็น้ำตาลบริสุทธิ์ เพียงแต่ในระหว่างกระบวนการผลิตมีการเติมน้ำจำนวนมากลงไปก็เท่านั้น
หลี่เยว่หานใช้ประโยชน์จากเวลาที่น้ำเชื่อมกำลังต้ม หาไม้ไผ่สองสามต้นมาสับเป็นเส้นด้วยมีด แล้วปอกให้เป็นแท่งทีละอัน จากนั้นล้างผลซานจา เอาแกนกับส่วนหัวออก แล้วเสียบเข้ากับไม้ทีละอัน
“อาหญิง หลิงซีกินซานจาได้ไหมเจ้าคะ!” หลิงซีซึ่งกำลังจดจ่ออยู่กับการดูไฟรู้สึกหิวแล้ว และเมื่อเห็นว่าหลี่เยว่หานล้างผลซานจาหมดแล้ว นางจึงอดถามพลางกลืนน้ำลายไม่ได้
เมื่อเห็นเช่นนี้ หลี่เยว่หานก็ยิ้มและป้อนซานจาเข้าไปในปากของหลิงซี “ย่อมได้ วันนี้เจ้ากับพี่ชายของเจ้าสามารถกินซานจาเชื่อมได้แค่จำนวนหนึ่งเท่านั้น ไว้เราจะกินส่วนที่เหลือต่อในวันพรุ่งนี้”
“เจ้าค่ะ!” หลิงซีพยักหน้าอย่างจริงจังขณะกินผลซานจาเข้าไป
เมื่อน้ำเชื่อมเกือบเดือด หลี่เยว่หานก็หยิบช้อนขนาดใหญ่และเริ่มเทน้ำเชื่อมลงบนไม้เสียบผลซานจา แล้ววางลงบนจานเพื่อผึ่งให้แห้ง
สำหรับถังหูลู่สองสามไม้สุดท้าย หลี่เยว่หานหมุนพวกมันสองสามครั้งเพื่อทำถังหูลู่พันไหม*[2] ก่อนแขวนพวกมันไว้บนเชือกฟางใต้ชายคาเพื่อผึ่งให้แห้ง
มู่ชวนกลับมาจากสำนักศึกษาพร้อมกับเมิ่งฉีฮ่วน ทันทีที่เขาเข้าไปในประตู เขาก็เห็นถังหูลู่พันไหมห้อยอยู่ใต้ชายคาบ้าน เด็กชายกระโดดขึ้นลงอย่างมีความสุขทันที
“อาเมิ่ง ข้าเอื้อมไม่ถึง!” หลังจากกระโดดเป็นเวลานาน มู่ชวนก็เอื้อมมือไม่ถึงถังหูลู่พันไหมที่ห้อยไว้เสียที ดังนั้นเขาจึงรู้สึกกังวลเล็กน้อย
ครั้นได้ยินการเคลื่อนไหว หลี่เยว่หานก็มองออกมาจากห้องครัวและพูดว่า “ยังมีบางส่วนอยู่ข้างใน ไม่ว่าจะพูดยังไง หลิงซีก็อยากจะรอเจ้ากลับมากินด้วยกัน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของมู่ชวนก็สว่างขึ้นทันที เด็กชายทิ้งอาเมิ่งของเขาไว้ข้างหลังโดยไม่ได้คิดอะไร และรีบตรงเข้าไปในครัวโดยไม่พูดอะไรสักคำ เมื่อเห็นถังหูลู่จานใหญ่สองจาน ดวงตาของมู่ชวนก็เปล่งประกาย
“พี่ชาย มากินด้วยกันเถอะ!” หลิงซีรู้สึกอยากกินตั้งนานแล้ว แต่นางก็ยังยืนกรานที่จะรอมู่ชวนกลับมา ดังนั้นในขณะนี้นางจึงถือถังหูลู่ด้วยแววตาวาบวับ ก่อนจะเหยียดแขนเล็ก ๆ ของนางไปทางมู่ชวน
“ตกลง!” มู่ชวนไม่แม้แต่จะวางย่ามใส่หนังสือ เขารับถังหูลู่จากมือของหลิงซีมา และเริ่มกิน
เมิ่งฉีฮ่วนที่เดินเข้ามาเห็นพี่ชายน้องสาวกำลังกินถังหูลู่กันอย่างมีความสุข จึงอดที่จะรู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อยไม่ได้ “การกินน้ำตาลมากเกินไปจะทำให้ฟันของเจ้าผุ”
“ไม่!” หลิงซีรีบอธิบายอย่างจริงจัง “อาหญิงบอกว่า พี่ชายกับหลิงซีกินได้วันละไม้เท่านั้น ฟันจะได้ไม่ผุ!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เมิ่งฉีหวนก็เม้มริมฝีปาก
ชายหนุ่มรู้สึกอยู่เสมอว่าในครอบครัวนี้ คำพูดของเขาดูเหมือนจะไร้ความหมายมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว…
เมื่อเห็นใบหน้าที่หดหู่ของเขา หลี่เยว่หานก็ตบบ่าเบา ๆ “พี่ชาย สถานะของเจ้าดูคล้ายว่าจะตกต่ำลงเรื่อย ๆ นะ?”
“เรียกอะไร! ข้าเป็นสามีของเจ้า!” เมิ่งฉีฮ่วนแสร้งทำเป็นจริงจัง ทันใดนั้นเขาก็สูดกลิ่นในอากาศ “คืนนี้เจ้าตุ๋นเนื้อหรือ?”
“ใช่ ซีอิ๊วใช้ได้ดี ข้าจึงลองทำหมูตุ๋นดู และมันจะได้ที่เร็ว ๆ นี้” หลี่เยว่หานพูดพร้อมกับมองไปที่เมิ่งฉีฮ่วนอย่างมีความสุข “ลูกสาวของหวังเฟิ่งได้เป็นอนุ นางมีความสุขมากจนแจกขนมงานแต่งไปทั่วหมู่บ้าน น้ำตาลทั้งหมดที่ใช้ทำถังหูลู่นั้น มู่ชวนได้รับมาจากหวังเฟิ่ง”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เมิ่งฉีฮ่วนก็พูดไม่ออกเล็กน้อย “ที่บ้านมิใช่มีน้ำตาลหรือ…”
“นี่มันต่างกัน พวกมันไม่มีพรแห่งความสุข” หลี่เยว่หานพูดพลางเอียงศีรษะ “อย่างไรหลี่หรงหรงก็เป็นน้องสาวของข้าเช่นกัน เมื่อน้องสาวแต่งงาน พี่สาวเช่นข้าก็ควรจะได้กินขนมจากนางบ้าง ถือเสียว่าเป็นพร ยังไงซะงานแต่งครั้งนี้นางก็เป็นคนฉกมันไปจากข้า”
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่เต็มใจนัก” เมิ่งฉีฮ่วนพูดด้วยน้ำเสียงไม่สื่ออารมณ์
“ไม่เลย ไม่เลย” หลี่เยว่หานโบกมือ “ข้าเป็นคนของตระกูลหลิ่วครึ่งหนึ่งแล้ว ยามที่เห็นข้า หลี่หรงหรงอาจจะต้องคำนับด้วยซ้ำ ยังไงซะอนุก็ไม่มีตำแหน่ง”
“วันนี้ข้าได้ยินจากหลี่ต้าเฉิงว่า… ในอดีตการที่แม่ของข้าจะแต่งให้เขานั้นไม่ใช่เรื่องง่าย” จู่ ๆ หลี่เยว่หานก็หยุดสิ่งที่เธอกำลังทำ
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เมิ่งฉีฮ่วนก็ไปนั่งยอง ๆ หน้าเตาอย่างเงียบ ๆ ท่าทีคล้ายจะโกรธอยู่บ้าง “มันผ่านมาหลายปีแล้ว เจ้าไม่สามารถทำอะไรได้อีกทั้งนั้น”
“โอ้…” หลี่เยว่หานตอบอย่างหดหู่เล็กน้อย
อาหารเย็นคือหมูตุ๋น ผัดพริกหยวก และไข่กวนกับกุ้ยช่ายฝรั่ง ทั้งสี่คนในครอบครัวกินกันอย่างมีความสุขมาก ทั้งหลี่เยว่หานยังขอให้เมิ่งฉีฮ่วนมอบหมูตุ๋นครึ่งชามกับโจวต้าเป่า
อย่างไรในช่วงนี้โจวต้าเป่าก็ได้ช่วยเหลือหลี่เยว่หานไว้มาก อีกทั้งเขาก็ยังโสดด้วย เมื่อเมิ่งฉีฮ่วนกลับมา เขาบอกว่าตาของโจวต้าเป่าแทบจะถลนออกมาเมื่อเห็นชาม และยังถามยืนยันอีกหลายครั้งว่านี่คือของสำหรับเขาจริงหรือ จากนั้นอีกฝ่ายก็รับมันมา และกินอย่างหิวโหย
“โจวต้าเป่าค่อนข้างน่าเวทนา พ่อแม่ของเขายังไม่ยอมรับว่าเขาเป็นลูกชายอีกหรือ?” หลี่เยว่หานถามขณะจัดครัว
“เมื่อก่อนโจวต้าเป่าอยู่ในพรรค พ่อของเขาแทบอ้อนวอนไม่ให้เขาทำเรื่องโง่ ๆ แบบนั้น แต่โจวต้าเป่าไม่ฟัง เขาสร้างปัญหาเล็กน้อยพร้อมกับคนในพรรค เมื่อมีคนจำเขาได้ก็มาขอค่าเสียหายจากครอบครัวโจวต้าเป่า พ่อโจวเกือบจะเอาเงินของครอบครัวทั้งหมดมอบให้ไป ส่วนแม่โจวเองก็ร้องไห้จนตาแทบบอด แต่ก็ไม่สามารถพาโจวต้าเป่ากลับมาได้ ดังนั้นพ่อโจวที่ใจสลายจึงตัดความสัมพันธ์กับลูกชายคนนี้”
หลังจากพูดแล้ว เมิ่งฉีฮ่วนก็พลันชะงัก “ใช่แล้ว พี่ชายของหวังเหอฮวาเองก็เคยอยู่ในพรรคกับโจวต้าเป่า แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีข่าวคราวอะไรอีก”
“หือ? หวังเหอฮวามีพี่ชายด้วย?” หลี่เยว่หานอดประหลาดใจไม่ได้ “ข้าคิดว่าหวังเหอฮวาเป็นบุตรสาวคนเดียวในบ้านหวังเสียอีก”
“หวังเหอฮวามีพี่ชายสามคน” เมิ่งฉีหวนเม้มปาก “นั่นเป็นสาเหตุที่ข้ามีปัญหาเล็กน้อยยามหวังเหอฮวามารังควานข้า การต่อสู้สามต่อหนึ่งทุกครั้งก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ดี นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ข้าปล่อยให้หวังเหอฮวามาดูแลเจ้าตัวน้อยทั้งสองที่นี่”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลี่เยว่หานก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้ “สู้สามต่อหนึ่งทุกครั้งหมายความว่าอย่างไร? หรือท่านเคยต่อสู้กับพี่ชายของหวังเหอฮวารึ?”
“สู้กันไม่น้อย” เมิ่งฉีหวนพูด ใบหน้าของเขาดูจริงจังขึ้นเล็กน้อย “พอพูดถึงเรื่องนี้ ข้าไม่เห็นพี่ชายสามคนของหวังเหอฮวามานานกว่าครึ่งปีแล้ว พวกเขาไม่ปรากฏตัวเลย งานใหญ่เช่นการแต่งงานของหวังเหอฮวาในครั้งนี้ บางทีอาจซ่อนอุบายบางอย่างเอาไว้”
“ทำไมท่านถึงพูดแบบนั้นล่ะ?” หลี่เยว่หานสงสัยเล็กน้อย
“ทั้งสามคนนี้แตกต่างจากโจวต้าเป่า” เมิ่งฉีฮ่วนกล่าวและหยุดการเคลื่อนไหวของมือ “ในช่วงนี้เจ้าควรจะระวังตัวเมื่อออกไปข้างนอก และพยายามให้โจวต้าเป่าคอยติดตามเจ้าไว้ด้วย”
[1] ซานจา 山楂 เป็นไม้ผลขนาดเล็กประเภทเบอร์รี่ชนิดหนึ่งในสกุลฮอว์ธอร์น ของวงศ์กุหลาบ คนส่วนมากรู้จักในฐานะเป็นผลไม้และขนมหวานกินเล่น
[2] ถังหูลู่พันไหม 拔丝糖葫芦 คือการหมุนถังหูลู่เร็ว ๆ จนน้ำตาลที่เคลือบอยู่บนถังหูลู่กลายเป็นเส้นไหม
MANGA DISCUSSION