บทที่ 12 หมาป่าโบราณตัวใหญ่เช่นนี้ได้อย่างไร
อย่างที่ทุกคนรู้ เมื่อเบื้องบนมีนโยบาย เบื้องล่างก็มีมาตรการตอบโต้
ขณะที่หวังเฟิ่งกำลังง่วนอยู่กับการซ่อนอาหารเช่นข้าวและบะหมี่ ฝ่ายหลี่เยว่หานก็ไปขุดมันเทศที่ปลูกในแปลงผักของบ้านหลี่เช่นกัน
เตาขนาดเล็กถูกสร้างขึ้นอย่างลวก ๆ ด้วยหินจากริมแม่น้ำ และมันเทศที่ล้างแล้วถูกห่อด้วยใบตอง จากนั้นโปะด้วยโคลนสีดำแล้วโยนเข้าไปในเตาไฟขนาดเล็ก
หญิงสาวสร้างตะกร้าง่าย ๆ ด้วยตะกร้าไม้ไผ่ที่เจ้าของเดิมใช้ใส่หญ้าเลี้ยงหมูในวันธรรมดา แล้วนำลงไปในน้ำ และจับปลาตะเพียนอวบอ้วนมาได้สองตัวโดยไม่ต้องออกแรงมาก
นางฆ่าปลาด้วยหินแหลม ๆ จากนั้นก็เสียบมันด้วยกิ่งไม้ ทาน้ำใบสะระแหน่บดเพื่อดับกลิ่นคาว แล้วทำการย่างบนเตาเล็ก ๆ
นำมะเขือเทศป่าสีเขียวครึ่งผลมาบดแล้วทาบนปลาย่างเป็นชั้นน้ำราดรสมะเขือเทศธรรมชาติ
หลี่เยว่หานยังเลือกใบของต้นหอมหมื่นลี้สองใบมาย่างด้วยไฟ บดเป็นผงก่อนโรยบนปลาย่าง
แม้ว่าจะไม่มีเกลือ แต่โชคดีที่ปลาตะเพียนเป็นปลาธรรมชาติทั้งยังอวบอ้วน
ปลาที่ถูกทาด้วยน้ำใบสะระแหน่ได้กำจัดกลิ่นคาวของดินไปหมดแล้ว และเมื่อถูกราดด้วยน้ำมะเขือเทศ รสเปรี้ยวหวานตามธรรมชาติก็ผสมเข้ากับกลิ่นหอมของใบหอมหมื่นลี้ นอกจากสัมผัสที่นุ่มนวลแล้วยังอร่อยมากอีกด้วย!
เมื่อครั้งที่หลี่เยว่หานไปเป็นอาสาสมัคร หญิงสาวได้อาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ยากลำบากและอันตรายมาแล้วทุกรูปแบบ ดังนั้นเธอจึงได้พัฒนาความสามารถในการเอาชีวิตรอดในป่าขึ้น หมู่บ้านเฮยถู่เล็ก ๆ นี้ไม่สามารถทำอะไรเธอได้
หลังจากกินปลาตะเพียนสองตัวและมันเทศอบที่ด้านนอกไหม้เกรียมและด้านในเนียนเนุ่มแล้ว หลี่เยว่หานก็ตบพุงด้วยความพึงพอใจ
หญิงสาวอยู่ในโลกนี้มานานแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้กินอย่างเต็มอิ่ม
หลังจากแตกหักกับหลี่ต้าเฉิงและหวังเฟิ่งเมื่อไม่กี่วันก่อน หลี่เยว่หานก็ตระหนักได้ว่าการหาอาหารกินที่บ้านเป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก ดังนั้นหลี่เยว่หานจึงมุ่งความสนใจไปที่แปลงผักของบ้านหลี่แทน
มันมีมันเทศผลโตอยู่!
หลังจากที่อิ่มแล้ว หลี่เยว่หานก็หาที่สูง ๆ เพื่อซ่อนมันเทศที่เหลือ จากนั้นก็ตรงไปยังทางลาดที่มีแสงแดดสาดส่องพร้อมกับตะกร้าไม้ไผ่ ก่อนจะทอดกายลงบนพื้นหญ้าสีเขียวอ่อน
หลี่เยว่หานเหยียดแขนขาออกอย่างแรง พร้อมครางออกมาด้วยความสบายใจ
กินอิ่มแล้วก็นอน แดดตอนนี้กำลังดีมาก เมื่อสุขกายสบายใจหลี่เยว่หานก็ผล็อยหลับไปทั้งอย่างนั้น
เมิ่งฉีฮ่วนเฝ้าดูกระบวนการทั้งหมดของหลี่เยว่หานที่จับปลามาย่างกินเมื่อครู่นี้ ครั้นเห็นว่าหลี่เยว่หานหลับไปแล้ว เขาก็อดที่จะเข้าไปใกล้นางไม่ได้
คืนนั้นแสงจันทร์สลัวเกินไป เขาจึงจำได้เพียงผิวที่บอบบางกับแขนเล็ก ๆ ของนางเท่านั้น เมื่อมองไปยังร่างบางท่ามกลางแสงจากดวงอาทิตย์ในตอนนี้ ขนสีอ่อนเส้นเล็ก ๆ บนใบหน้าของหญิงสาวกำลังทอแสงเล็กน้อย ซึ่งดูคล้ายกับว่านางสามารถเปล่งแสงออกมาได้และใบหน้านั้นเปล่งประกายเป็นอย่างมาก
เมิ่งฉีฮ่วนตะลึงงัน
ครั้งแรกที่เขาได้พบนาง เมิ่งฉีฮ่วนไปล่าสัตว์ป่าบนภูเขาและหลงทาง เมื่อเห็นนางลอยอยู่ในน้ำภายใต้แสงจันทร์ เขาก็กระโดดลงไปช่วยโดยไม่คิด
ใครจะรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นกินเสร็จแล้วจะปัดก้นยกกระโปรงวิ่งหนีไปเสียอย่างนั้น
ครั้งที่สองที่เขาได้พบนางคือในวันนั้น เขาบังเอิญไปขายขนสัตว์ในหมู่บ้านเฮยถู่ จึงได้เห็นทักษะการแสดงที่ยอดเยี่ยมของนาง
วันนี้เป็นครั้งที่สามแล้ว เมิ่งฉีฮ่วนเพิ่งผ่านมาที่นี่และได้ยินเสียงฟืนปริแตกจากการเผาไหม้ ดังนั้นเขาจึงค้นหาอย่างระมัดระวังและบังเอิญไปเจอเข้ากับนางที่กำลังจับปลา
สามครั้งแล้วที่ได้พบกัน เมิ่งฉีฮ่วนได้เห็นใบหน้าทั้งสามรูปแบบของนาง ชายหนุ่มจึงอดที่จะสงสัยเกี่ยวกับหลี่เยว่หานไม่ได้
ยามนี้นางกำลังนอนหลับสนิท เขาอดที่จะกลั่นแกล้งนางไม่ได้
ดวงตาของเมิ่งฉีฮ่วนเป็นประกาย ก่อนเขาจะเข้าไปในป่าหลังจากนั้นไม่นาน เสียงหมาป่าร้องโหยหวนก็ดังขึ้น เสียงนั้นสามารถปลุกหลี่เยว่หานที่กำลังหลับอยู่บนเนินที่มีแสงแดดสาดส่องถึงขึ้นทันที
ทันทีที่หญิงสาวลืมตาขึ้น เธอก็เห็นหมาป่าที่ตัวใหญ่กว่าสัตว์ร้ายทั่วไปพุ่งออกมาจากป่า
“เชี่ย!”
ก่อนที่เธอจะทันคิดว่าหมาป่าตัวนี้ตัวใหญ่ขนาดนี้ได้อย่างไร มันก็พุ่งเข้ามาหาเธอแล้ว
หญิงสาวมีเวลาเพียงพอแค่กันมันไว้ด้วยตะกร้าไม้ไผ่ ก่อนที่เธอจะโดนหมาป่าตัวนั้นกระแทกจนกระเด็นออกไป
“แม่นางระวัง!” พรานคนหนึ่งซึ่งคลุมหน้าคลุมตาไล่ตามหมาป่ามาจากในป่า เขาง้างคันธนูและยิงออกไป
ทว่า มันพลาดเป้าและเกือบจะยิงโดนหลี่เยว่หาน
“พี่ชาย ท่านช่วยยิงให้แม่นยำกว่านี้ได้หรือไม่!” หลี่เยว่หานคำรามออกมาอย่างกระวนกระวาย
หมาป่าพุ่งเข้ามาหาหญิงสาวอีกครั้ง โดยมันกระโจนใส่อย่างดุร้าย ปากที่เต็มไปด้วยเขี้ยวแหลมคมอยู่ใกล้แค่เอื้อม ซึ่งมันมีกลิ่นเหม็นสาปคละคลุ้งไปทั่ว
ทางหลี่เยว่หานก็กลิ้งออกห่างจากหมาป่าทันทีตามสัญชาตญาณ โดยนางหลีกเลี่ยงคมเขี้ยวของหมาป่าไปได้อย่างฉิวเฉียด!
“ฟุ่บ” ลูกธนูอีกดอกพุ่งผ่านอากาศและตกลงที่เท้าของหลี่เยว่หาน
หลี่เยว่หานตัวสั่นด้วยความตกใจ ก่อนจะคำรามด้วยความโกรธ “เจ้ายิงธนูไม่ได้ก็ไม่ต้องยิงธนูได้หรือไม่! ใช้มีดซะสิ!”
หลังจากพูดจบ หลี่เยว่หานก็เห็นหมาป่าที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากเธอกำลังแยกเขี้ยวออกมาและเตรียมโจมตีใส่
สำหรับเมิ่งฉีฮ่วนซึ่งปิดหน้าอยู่ เขาก็ตั้งลูกธนู พลางยกคันธนูขึ้นอีกครั้งอย่างไม่เร่งรีบ
มันค่อนข้างน่าสนใจที่ได้เห็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้ตื่นตระหนก
ทันทีที่คิดได้ สายธนูในมือของเขาก็คลายออก โดยแทบจะพร้อมกัน หมาป่าก็พุ่งเข้าหาหลี่เยว่หาน
ขณะกระโจนขึ้นกลางอากาศ ศีรษะของมันถูกแทงด้วยลูกธนูแหลมคม และตกลงบนเนินที่มีแดดจ้าจนเกิดเสียงดังโครมคราม
เมื่อเห็นว่าวิกฤตสิ้นสุดลงแล้ว หลี่เยว่หานก็ล้มลงกับพื้นอย่างหมดแรง
นางตัดสินใจว่าเมื่อมีโอกาสจะต้องหาอาวุธป้องกันตัวมาไว้ใช้ ในอนาคตมีโอกาสขึ้นเขามากมาย ซึ่งนางไม่ต้องการเผชิญหน้ากับสัตว์ป่าเช่นนี้อีก
สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าหมาป่าตัวนี้ตัวโตขนาดนี้ได้อย่างไร! เป็นไปได้ไหมว่าเพราะไม่มีมลพิษในสมัยโบราณ แม้แต่สัตว์ป่าก็ยังมีขนาดใหญ่กว่าในศตวรรษที่ 21 หลายเท่า!
“ทำให้แม่นางตกใจแล้ว” เสียงทุ้มต่ำของผู้ชายคนนั้นดังขึ้น ทางหลี่เยว่หานพลันตระหนักได้ว่ายังมีคนอยู่อีกคน
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมอง อีกฝ่ายปิดหน้าไม่ให้เห็นใบหน้าชัดเจน แต่ดูจากรูปร่างแล้ว เขาดูแข็งแกร่งมาก ดังนั้นเขาคงเป็นนายพรานอย่างแน่นอน
หลี่เยว่หานโบกมือและพูดว่า “ไม่เป็นไร แต่ความแม่นยำในการยิงธนูของเจ้าจะต้องได้รับการฝึกฝนจริง ๆ”
เมิ่งฉีฮ่วนกลั้นยิ้มและพยักหน้า “เจ้าพูดถูก ข้าเกือบจะทำร้ายเจ้าไป ข้าขอโทษจริง ๆ”
“เรื่องเล็กน้อย เรื่องเล็กน้อย” หลี่เยว่หานพักผ่อนเพียงพอแล้ว ทั้งในใจนางยังคงมีเงาความกลัวเรื่องหมาป่าอยู่ ดังนั้นนางจึงไม่ได้วางแผนที่จะอยู่อาบแดดต่อ
นางลุกขึ้นยืน ปัดดินและใบหญ้าบนตัว โยนตะกร้าไม้ไผ่พาดไหล่ แล้วพูดกับเมิ่งฉีฮ่วนว่า “ไปเถอะ อย่าลืมฝึกยิงธนูให้มากขึ้นด้วยล่ะ!”
“เนื่องจากข้ากับแม่นางล่าเหยื่อตัวนี้มาด้วยกัน แม่นางจะไม่แบ่งส่วนแบ่งกับข้าหรือ?” เมิ่งฉีฮ่วนรีบเรียกหลี่เยว่หานไว้ “หนังและเนื้อสามารถขายได้เงินจำนวนมากเลยนะ!”
หลี่เยว่หานไม่มีความตั้งใจที่จะทำเงินอยู่แล้ว ดังนั้นนางจึงโบกมืออย่างสง่างาม “ถึงเจ้าแบ่งให้ข้า ข้าก็ยกไปไม่ไหว เจ้าเอาไปเองเถิด ว่าแต่การยิงธนูของเจ้าแย่มาก ครั้งหน้าเจ้าขึ้นภูเขามาพร้อมกับมีดจะดีกว่า”
หลังจากพูดจบ หลี่เยว่หานก็ไถลลงไปตามทางลาดอย่างชำนาญ
เมิ่งฉีฮ่วนรีบมองไปข้างหน้า แต่เห็นว่าหลี่เยว่หานกระโดดขึ้นไปบนกิ่งไม้กลางทางลาดแล้ว นางหยุดเพียงครู่เดียวแล้วกระโดดลงไปที่พื้น
ขณะที่เมิ่งฉีฮ่วนกังวลว่านางจะได้รับบาดเจ็บ หลี่เยว่หานก็ม้วนตัวลงจอดที่จุดนั้นอย่างชาญฉลาด ขจัดแรงจากการตกและนางก็ยืนขึ้นอย่างสง่างาม จัดแจงเสื้อผ้าให้เรียบร้อยและลงจากภูเขาไป
ช่างเป็น…สตรีที่พิเศษ…
คราวนี้หนีไม่พ้นแน่
เมื่อมองไปที่แผ่นหลังของหลี่เยว่หาน เมิ่งฉีฮ่วนก็ดึงหน้ากากที่ปิดหน้าออกและอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
MANGA DISCUSSION