บทที่ 115 ทำไมต้องช่วยนาง?
เมื่อพูดจบหลี่เยว่หานก็พาหวังเหอฮวาเดินจากไป อู๋จ้วงจ้วงมองเงินในมือด้วยความสับสน
ก่อนหน้านี้หวังเหอฮวาก็รังแกหลี่เยว่หานเช่นนี้ หญิงสาวควรจะเกลียดนางมิใช่หรือ เหตุใดวันนี้จู่ ๆ จึงออกมาช่วยชีวิตนางไว้กัน?
แต่ไม่ว่าอย่างไรในมือตอนนี้ก็มีเงินอยู่แล้ว เขาจึงไม่อยากเข้าไปยุ่งเรื่องของสตรีเหล่านั้นอีก!
โจวต้าเป่าเองก็รู้สึกสงสัยเช่นกัน แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามหลี่เยว่หาน
เมื่อหญิงสาวมาส่งหวังเหอฮวาใกล้ ๆ จวนของนางแล้ว เธอก็หยุดเดิน
เธอช่วยหวังเหอฮวาจัดแต่งทรงผมกับเสื้อผ้าที่ฉีกขาดให้เรียบร้อย ก่อนจะเช็ดน้ำตา และใส่รองเท้าให้นางโดยไม่พูดใด ๆ จากนั้นก็เอาเสื้อคลุมของตนมาสวมไว้เช่นเดิม “กลับไปเถิด”
หวังเหอฮวาปล่อยให้หลี่เยว่หานจัดแจง ก่อนจะอดถามขึ้นมาไม่ได้ “คนพวกนั้น เจ้าเป็นคนหามาหรือไม่!”
“เจ้านี่ช่างพูดจาประหลาดนัก เหตุใดข้าจึงต้องให้คนมาทำเรื่องน่าอับอายเช่นนี้กับเจ้า แล้วยังต้องรีบไปช่วยเจ้าด้วยตัวเองอีกเล่า?” หลี่เยว่หานขมวดคิ้ว “ข้าไม่ได้หวังว่าเจ้าจะขอบคุณ ทว่าเจ้าก็อย่ามาใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่น”
“เช่นนั้นเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าพวกเขาวางแผนจัดการข้า!” หวังเหอฮวามองหลี่เยว่หานด้วยความโกรธแค้น
“เพราะข้ารู้จักหลี่หรงหรงดี” หลี่เยว่หานแสร้งเอามือทั้งสองข้างประสานไว้ที่หน้าอก มองหวังเหอฮวาพลางพูด “ความบริสุทธิ์ของนางถูกหลิ่วจื้อหย่วนทำลายไปนานแล้ว ทว่าเจ้ายังเป็นเด็กสาวบริสุทธิ์ หากพวกเจ้าเข้าไปที่จวนตระกูลหลิ่วด้วยกัน สำหรับนางแล้ว เจ้าคือภัยคุกคาม ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำลายก็คือความบริสุทธิ์ของเจ้า”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หวังเหอฮวาก็หน้าซีดลง ส่ายศีรษะไม่หยุด “ไม่จริง! หรงหรงเป็นพี่น้องของข้า เหตุใดจึงต้องทำเช่นนั้น!”
“ข้าก็เป็นพี่น้องต่างมารดากับหลี่หรงหรง ตอนนั้นนางเองยังกล้าขึ้นเตียงกับคู่หมั้นของข้าได้ แล้วเจ้าคิดว่ายังมีเรื่องใดที่นางไม่กล้าทำอีกงั้นหรือ?” หลี่เยว่หานพูด พลางมองหวังเหอฮวาอย่างเยาะเย้ย “ก็มีเพียงเจ้าที่มองว่านางเป็นพี่น้อง แต่นางอาจจะมองเจ้าเป็นเพียงคนโง่ที่มีประโยชน์เท่านั้นก็ได้”
“เจ้าอย่ามาเสี้ยมหน่อยเลย!” หวังเหอฮวาตะโกนขึ้นมาอย่างเสียการควบคุม “ข้ากับหรงหรงสนิทสนมกันดี! ถึงแม้เราจะเข้าไปยังจวนตระกูลหลิ่ว ก็ยังนับว่าพี่เป็นพี่น้องที่ดีต่อกัน เจ้าอย่าคิดที่จะทำให้ข้ากับนางหมางใจกัน!”
อาจจะเป็นเพราะเสียงที่ดังเกินไป ทำให้หวังฉินและหม่าเวยรีบเปิดประตูออกมาในทันที ก่อนจะได้เห็นหวังเหอฮวาที่ถึงแม้จัดแต่งเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังดูยุ่งเหยิงอยู่ และหลี่เยว่หานที่ยืนอยู่ตรงข้ามกัน
ส่วนโจวต้าเป่านั้น เพื่อไม่ให้เป็นที่น่าสงสัย จึงซ่อนตัวอยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว
“สะใภ้ตระกูลเมิ่ง เหตุใดเจ้าจึงกล้าทำให้หวังเหอฮวาของเราเป็นเช่นนี้ได้!” หวังฉินกล่าวโทษออกมาทันที “แม้เจ้าจะอิจฉาที่หวังเหอฮวาของเราได้แต่งงานกับคุณชายใหญ่หลิ่ว แต่เจ้าก็ไม่ควรทำเช่นนี้! เพราะตัวเจ้าเองก็แต่งงานแล้วเช่นกัน!”
“ข้าคิดว่าพวกท่านอาจจะเข้าใจอะไรผิดไป ข้า! ตอนนี้เป็นลูกบุญธรรมของตระกูลหลิ่ว และท่านปู่หลิ่วก็ได้บันทึกนามข้าลงลำดับวงศ์ตระกูลแล้ว ดังนั้นข้าจึงถือว่าเป็นคนของตระกูลหลิ่วครึ่งหนึ่ง” หลี่เยว่หานมองหวังฉินด้วยสายตาเย็นชา “ส่วนเพราะเหตุใดหวังเหอฮวาจึงมีสภาพเช่นนี้นั้น ข้าแนะนำว่าให้พวกท่านถามหลี่หรงหรงหลานสาวแสนดีของพวกท่านเถิด ถ้าหากต้องการพยานก็สามารถไปหาอู๋จ้วงจ้วงได้”
พูดจบ หลี่เยว่หานก็หมุนตัวเดินจากไปทันที
วันนี้ที่ช่วยหวังเหอฮวา เป็นเพราะหลี่เยว่หานหัวร้อนขึ้นมาชั่วขณะ ทั้ง ๆ ที่รู้ดีว่านางคงจะไม่รู้สึกขอบคุณตน แต่หญิงสาวก็ทนไม่ได้ หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะประสบการณ์ในชาติก่อน ทำให้เธอไม่สามารถนิ่งเฉยในขณะที่รู้อยู่แล้วว่าหญิงสาวบริสุทธ์กำลังจะถูกล่วงเกิน
แม้หญิงสาวผู้นี้คิดที่จะแย่งเมิ่งฉีฮ่วนไปหลายต่อหลายครั้ง แต่ตนก็ยังจะทำเช่นนี้อยู่ดี
เมื่อกลับถึงจวน เมิ่งฉีฮ่วนก็ได้กล่อมหลิงซีจนหลับไปแล้ว ส่วนมู่ชวนกำลังทำการบ้านอยู่ในห้อง ชายหนุ่มรอหลี่เยว่หานกลับมาอยู่ในครัว ทั้งยังเตรียมอุ่นกับข้าวในหม้อไว้ให้นาง
แม้ว่าเมิ่งฉีฮ่วนจะอยากไปกับหลี่เยว่หาน แต่ก็ไม่สามารถทิ้งหลิงซีและมู่ชวนไว้ที่นี่ได้ หากจะให้โจวต้าเป่าคอยดูแลเด็ก ๆ ก็สู้ให้เขาไปคอยคุ้มกันหญิงสาวแทนเสียยังจะดีกว่า
เมื่อรออยู่เป็นเวลานาน ในที่สุดเมิ่งฉีฮ่วนก็ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวภายในสวน
ไม่นานนักหลี่เยว่หานก็เดินเข้ามาในครัว หลังจากล้างมือแล้ว หญิงสาวก็ยกอาหารที่อุ่นอยู่ในหม้อออกมาด้วยท่าทางปกติ และกินโดยไม่พูดจาใด ๆ
“เจ้าไม่คิดที่จะอธิบายอะไรสักหน่อยหรือ?” เมิ่งฉีฮ่วนเห็นนางไม่พูด จึงอดถามขึ้นมาไม่ได้
“อธิบายอะไรกัน?” หลี่เยว่หานเงยหน้าขึ้นมาอย่างงุนงง ทว่าเมื่อสบตากับเมิ่งฉีฮ่วน จึงพบว่าเขามีสีหน้าที่ไม่ดีนัก จึงตอบกลับไปว่า “ข้าเดา”
“เดา?” เมิ่งฉีฮ่วนไม่เข้าใจ “เจ้าเข้าใจหลี่หรงหรงดีขนาดนั้นเชียวหรือ?”
“ใช่ อย่างไรก็โตมาด้วยกัน และข้าก็เข้าใจดีถึงความรู้สึกที่หลี่หรงหรงมีให้หลิ่วจื้อหย่วน” หลี่เยว่หานพูดพลางทานอาหารไปพลาง “หลี่หรงหรง เพื่อที่จะให้ตนได้แต่งเข้าตระกูลหลิ่ว นางถึงกับยอมมอบกายให้หลิ่วจื้อหย่วน แล้วจะให้ข้าส่งหวังเหอฮวาแต่งเข้าไปยังตระกูลหลิ่วได้อย่างไร”
“หลายครั้งก่อนหน้านี้ นางเคยเข้ามาสร้างความวุ่นวายในจวนของเรา แต่ไม่มีครั้งไหนที่มากับหวังเหอฮวา” หลี่เยว่หานพูด พลางส่ายศีรษะอย่างไม่สบอารมณ์ “หากพูดถึงจิตใจแล้ว หลี่หรงหรงเทียบหวังเหอฮวาไม่ได้หรอก”
“เหตุใดเจ้าจึงมั่นใจนักว่าหลี่หรงหรงจะติดสินบนพวกอู๋จ้วงจ้วง แล้วให้พวกเขาทำเรื่องเสื่อมเสียกับหวังเหอฮวาในวันนี้?” เมิ่งฉีฮ่วนยังคงแปลกใจ
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลี่เยว่หานก็ส่ายศีรษะ “ข้าไม่มั่นใจ ดังนั้นจึงบอกท่านว่าข้าจะไปดูสักหน่อย แล้วท่านลองเดาดูสิว่าเป็นอย่างไร? ข้าเห็นหลี่หรงหรงมองดูอู๋จ้วงจ้วงและพวกแบกหวังเหอฮวาออกไป ดังนั้นทุกอย่างจึงชัดเจน”
“เหตุใดเจ้าจึงต้องช่วยหวังเหอฮวา?” ในที่สุดเมิ่งฉีฮ่วนก็ถามในสิ่งที่ตนอยากรู้ที่สุด “ก่อนหน้านี้นางก็ไม่ได้ดีกับเจ้านัก และยังทำกับเจ้าเกินไปด้วย นางโชคร้ายเช่นนี้ เจ้าควรจะยินดีมิใช่หรือ?”
“เหตุใดข้าต้องยินดี” หลี่เยว่หานมองเมิ่งฉีฮ่วน “แม้ก่อนหน้านี้หวังเหอฮวาจะเคยทำผิดมามาก ทว่านางก็ยังเป็นหญิงสาวไร้มลทินคนหนึ่ง หากนางถูกคนทำร้ายหรือทำอย่างอื่น ข้าก็ต้องรู้สึกยินดีแน่ แต่หากก่อนที่นางจะแต่งงานกลับถูกคนพรากความบริสุทธิ์ไป ข้าย่อมไม่รู้สึกยินดี”
“เพราะเหตุใดกัน?”
“ในยุคนี้สำหรับสตรี ความบริสุทธิ์คือข้อผูกมัดที่มองไม่เห็น หากบริสุทธิ์ข้อผูกมัดนี้ก็คือมงกุฎ แต่ถ้าหากมีมลทิน ข้อผูกมัดนี้ก็จะกลายเป็นคมมีด ข้าพูดไม่ผิดใช่หรือไม่” หลี่เยว่หานพูดพลางมองไปที่เมิ่งฉีฮ่วน “แน่นอนว่าสถานการณ์ระหว่างเรานั้นค่อนข้างพิเศษ”
เมื่อได้ยินหลี่เยว่หานอธิบาย เมิ่งฉีฮ่วนก็พอจะเข้าใจถึงเหตุผลที่นางช่วยหวังเหอฮวาในวันนี้ จึงอดรู้สึกใจอ่อนไม่ได้ “ข้าคิดมาตลอดว่าเจ้าเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น คิดไม่ถึงว่าจะใจอ่อนเช่นนี้”
“ข้าเจ้าคิดเจ้าแค้นแน่อยู่แล้ว” หลี่ยว่หานพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ข้าเพียงแค่รู้สึกว่าหวังเหอฮวาไม่ควรถูกทำลายชีวิตเช่นนี้ นางเพียงแค่ไม่มีสมอง ทว่าจิตใจไม่ได้เลวร้าย มิเช่นนั้น ก่อนหน้านี้คงไม่มาดูแลมู่ชวนกับหลิงซีเพียงเพราะแค่ต้องการจะเอาใจท่านหรอก”
“นาง? จิตใจไม่เลวร้าย?” เมิ่งฉีฮ่วนอดหัวเราะออกมาไม่ได้ “นิยามคำว่าจิตใจดีงามของเจ้านั้นต่ำเกินไปหน่อยหรือไม่?”
MANGA DISCUSSION