บทที่ 111 ไปขนมูลม้า
ทันทีที่คำพูดของหลี่เยว่หานกล่าวออกมา สีหน้าของหวังเฟิ่งก็เปลี่ยนไป “เจ้า…เจ้ากำลังพูดถึงอะไร! ข้าจะแช่งพ่อของเจ้าเพราะเงินเล็กน้อยได้อย่างไร!”
“โลกนี้คาดเดาไม่ได้ ใจคนยิ่งไม่อาจคาดเดา ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกัน” หลี่เยว่หานพูดและกำลังจะกลับขึ้นรถม้า
หวังเฟิ่งยังเป็นกังวลเรื่องหนึ่ง “ทำไมตระกูลหลิ่วถึงให้เครื่องประดับทองคำแก่เจ้า! เจ้าทำอะไรลงไป!”
หลี่เยว่หานหยุดชะงักชั่วคราว เธอยืนตัวตรงอีกครั้ง และมองลงไปที่หวังเฟิ่งด้วยสายตาเยาะเย้ย “ดูเหมือนว่าเจ้าเป็นห่วงข้ามาก ทั้งยังรู้ด้วยว่าตระกูลหลิ่วให้เครื่องประดับทองคำกับข้าชุดหนึ่ง”
หลี่เยว่หานรู้ว่าตระกูลหลิ่วจะไม่ปิดบังเรื่องแบบนี้ และจะเผยแพร่มันเพื่อชื่อเสียงของหญิงสาว ดังนั้นเธอจึงไม่เคยคิดที่จะซ่อนมัน ยังไงซะ ตนก็ไม่สามารถซ่อนมันได้
“เจ้าไม่ต้องสนใจว่าข้าจะรู้ได้อย่างไร!” เมื่อเห็นว่าหลี่เยว่หานไม่ปฏิเสธ ดวงตาของหวังเฟิ่งก็สว่างขึ้นทันที “เร็วเข้า เอาชุดเครื่องประดับทองคำออกมา เพื่อที่น้องสาวของเจ้าจะได้เป็นบุคคลสำคัญยามนางแต่งงาน!”
“ไม่” หลี่เยว่หานปฏิเสธอย่างราบเรียบ “ใครอีกที่อยากได้รองเท้าที่พัง ๆ เช่นหลี่หรงหรงกัน? อยากแต่งงาน? กำลังฝันอยู่หรือ?”
“หุบปากเน่า ๆ ของเจ้าไปซะ!” หวังเฟิ่งก่นด่าพร้อมกับวางมือบนสะโพกของนาง “หรงเอ๋อร์ของเรากำลังจะแต่งเข้าคฤหาสน์หลิ่วเพื่อเป็นนายหญิง ถ้าเจ้ากล้าใส่ร้ายนาง ภายหลังจะมีคนมาฆ่าเจ้า!”
เมิ่งฉีฮ่วนในรถม้าไม่สามารถนั่งนิ่งได้อีกต่อไป เขาลงจากรถม้าทันที ก่อนโอบเอวของหลี่เยว่หานพลางพูดว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้เยว่หานเป็นบุตรสาวบุญธรรมของตระกูลหลิ่ว เจ้ายังกล้าด่านางเหมือนเดิมเช่นนั้นหรือ? เจ้าไม่กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับหลี่หรงหรง หลังจากที่นางแต่งเข้าไป?”
“โอ้ บุตรสาวบุญธรรมน่าทึ่งยิ่ง พ่อเจ้ายังมีชีวิตอยู่ แต่ยังคิดออกไปหาข้างนอก บุตรสาวแบบนี้ยังจะมาทำอะไรอยู่ที่นี่อีกเล่า!” หวังเฟิ่งกล่าวอย่างดุร้าย ตรงกันข้าม นางดูเหมือนจะไม่หวาดกลัวสิ่งใดเลย ดูเหมือนว่าการที่หลี่หรงหรงกำลังจะเป็นอนุของหลิ่วจื้อหย่วนจะทำให้นางผยองยิ่ง
“หวังเฟิ่ง! เจ้ากำลังพูดเรื่องอะไรอยู่ที่นี่!” เสียงของหลี่ต้าเฉิงดังขึ้น และทันทีที่เขาฝ่าฝูงชนมาได้ ก็เข้ามาลากหวังเฟิ่งไป “กลับบ้านไปทำอาหารซะ!”
“ทำอาหารอะไรกัน!” หวังเฟิ่งตะคอกกลับ “บุตรสาวที่ดีของท่านจำไม่ได้แล้วว่าท่านเป็นพ่อ ทั้งยังไปมีพ่ออีกคนอยู่ข้างนอกนั่น!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลี่ต้าเฉิงก็ขมวดคิ้ว “เฟิ่งเอ๋อร์ หยุดสร้างปัญหา อย่าปล่อยให้คนอื่นเห็นเป็นเรื่องตลก”
“ท่านยังมีเรื่องตลกให้ดูอีกหรือ?” หวังเฟิ่งถามหลี่ต้าเฉิง “ยังไงซะมีเรื่องตลกมากกว่านี้ก็ไม่ต่าง ดังนั้นให้ทุกคนฟังกันชัด ๆ เลยว่าหลี่เยว่หานที่ไร้ยางอายคนนี้ ทำตัวไร้ยางอายออกไปหาพ่ออีกคนข้างนอก ทั้งที่พ่อแท้ ๆ ของนางยังมีชีวิตอยู่ดี!”
“หลี่ต้าเฉิง ข้าเคารพเจ้าในฐานะผู้อาวุโสและในฐานะพ่อของเยว่หาน ข้าไม่ต้องการทำให้เจ้าลำบาก” ก่อนที่หลี่เยว่หานจะพูดอะไร เมิ่งฉีฮ่วนก็พูดขึ้นก่อน “ข้าแค่อยากจะบอกว่าถ้าเจ้าไม่ดูแลผู้หญิงบ้าของเจ้าให้ดีได้ ข้ารับรองว่าไม่เพียงแต่หลี่หรงหรงจะไม่สามารถเป็นอนุของตระกูลหลิ่วได้ แต่จะไม่มีใครในแปดหมู่บ้านระยะสิบลี้ที่จะเต็มใจแต่งกับนาง!”
หลังจากได้ยินเช่นนี้ หลี่ต้าเฉิงก็รีบปิดปากของหวังเฟิ่ง ลากนางไปข้างหลังอย่างแรง พลางพูดขณะที่เขาเดินออกไป “ข้าเข้าใจแล้ว ข้าสัญญาว่านางจะหยุดพูดเรื่องไร้สาระ!”
เมื่อเห็นหลี่ต้าเฉิงลากหวังเฟิ่งไปไกลขึ้นเรื่อย ๆ ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะพูดกัน
“ตระกูลหลี่นี้แปลกจริง ๆ ลูกสาวของพวกเขากำลังจะเป็นอนุ แต่พวกเขาก็กล้าที่จะมาอวด!”
“เจ้าไม่รู้หรอก ตระกูลหลิ่วเป็นหนึ่งในตระกูลที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอ การแต่งงานกับครอบครัวของพวกเขาในฐานะอนุยังดีกว่าแต่งงานกับคนธรรมดาอย่างพวกเรา!”
“หึ อนุก็คืออนุ พูดตรง ๆ อนุยังคืนของได้ แต่ภรรยาทำไม่ได้ จะภูมิใจอะไรนักหนา!”
“อีกฝ่ายคิดว่ามันยอดเยี่ยมน่ะสิ”
“ไม่แปลกใจเลยที่ข้าได้ยินมาว่าหลี่หรงหรงล่อลวงนายน้อยหลิ่ว แม่กับลูกสาวคู่นี้วางแผนที่จะให้หลี่หรงหรงเป็นอนุของตระกูลหลิ่วนี่เอง!”
…
หลี่เยว่หานไม่ได้ยินการสนทนาเบื้องหลัง เธอถูกเมิ่งฉีฮ่วนลากเข้าไปในรถม้า และรถม้าไม่หยุดจนกว่าจะถึงประตูบ้านเมิ่ง
ทันทีที่รถหยุด โจวต้าเป่าก็วิ่งมาจากข้างในทันที “พี่เมิ่ง! พี่สะใภ้! พวกท่านกลับมาแล้ว!” แม้ว่าโจวต้าเป่าจะเดินกะโผลกกะเผลก แต่เขาก็ยังวิ่งค่อนข้างเร็ว
หลี่เยว่หานลงจากรถม้ามาเห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มของโจวต้าเป่าก็ยิ้มตามเช่นกัน “เจ้าทำงานหนักมาสองสามวันแล้ว ข้าจะจ่ายให้เจ้าในภายหลัง”
“พี่สะใภ้พูดอะไรกัน” โจวต้าเป่าเป็นฝ่ายเข้าไปช่วยเมิ่งฉีฮ่วนขนของทั้งหมดบนรถม้าและถือเข้าไปในบ้าน “การที่ข้า โจวต้าเป่า ช่วยพี่สะใภ้ดูแลบ้านนั้นเป็นสิ่งที่ข้าควรทำอยู่แล้ว!”
เมื่อรู้ว่าโจวต้าเป่ากำลังพูดเอาใจ หลี่เยว่หานก็ไม่ได้เปิดเผยเขา
หลังจากขนของทั้งหมดบนรถม้าออกมาแล้ว เมิ่งฉีฮ่วนก็ตกลงค่าจ้างกับคนขับรถม้า และกลับมาจ่ายให้โจวต้าเป่า เมื่อเห็นว่าการตากถั่วเหลืองในสวนนั้นเรียบร้อยมาก หลี่เยว่หานจึงตัดสินใจให้โจวต้าเป่าอีกห้าสิบอีแปะ เห็นเช่นนั้นโจวต้าเป่าก็มีความสุขมาก
หลังจากที่ส่งโจวต้าเป่าออกไปแล้ว หลี่เยว่หานก็เริ่มจัดการกับสิ่งที่เธอได้รับมาจากการไปเมืองหลิวชิงครั้งนี้
ก่อนอื่น หลี่เยว่หานทำเงินได้เต็มห้าร้อยตำลึงด้วยการเป็นล่ามแปลสองครั้งและการขายเนื้อตุ๋น จากนั้นก็มีแอปเปิลถุงใหญ่ที่นำกลับมาจากโกดังของเวินเทียนเหล่ย เถาองุ่นที่จะนำมาทำลูกเกตมัดหนึ่ง เกลือหยาบยี่สิบชั่งที่ซื้อมาจากอำเภอหย่งหนิง และข้าวฟ่างอีกหนึ่งร้อยชั่งที่จะส่งมายังหมู่บ้านในไม่ช้า
หลี่เยว่หานถือเถาองุ่นและเกลือหยาบ โดยทันทีที่กลับถึงบ้าน หญิงสาวก็ทำการปลูกเถาองุ่น โดยทั่วไปแล้วการเพาะต้นกล้าก่อนจะนำมาทำลูกเกด จะใช้การปักชำเป็นหลัก หลี่เยว่หานกังวลเกี่ยวกับสภาพอากาศที่หนาวเย็นในฤดูใบไม้ร่วง ดังนั้นเธอจึงวางแผนที่จะใช้ไม้ลงกระถางก่อน แล้วจึงย้ายลงดินหลังจากที่ระบบรากพัฒนาขึ้น
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เธอก็หาอ่างดินเผาขนาดใหญ่มา และขอให้เมิ่งฉีฮ่วนไปที่บ้านของคนขับรถม้าเพื่อขอมูลม้ามาด้วย
“เจ้าต้องการสิ่งนั้นไปเพื่ออะไร?” เมิ่งฉีฮ่วนไม่คาดคิดว่าหลี่เยว่หานจะเอ่ยขอเช่นนั้น จึงอดที่จะประหลาดใจไม่ได้ “มูลม้าไม่เหมือนมูลวัวนะ มันสามารถเผาได้หลังจากการอบแห้ง”
“ท่านแค่ไปขอมันมาก็พอ” หลี่เยว่หานไม่รู้จะอธิบายกับเมิ่งฉีฮ่วนอย่างไร ดังนั้นจึงได้แต่กระตุ้นให้ชายหนุ่มไป ทั้งยังนำถุงใบใหญ่มาให้เขาอย่างเอาใจใส่ โดยบอกให้เขาเติมมาให้เต็ม
แม้ว่าเมิ่งฉีฮ่วนจะงงงวย แต่ก็ยังออกไปแม้จะไม่เต็มใจนัก
ทันทีที่ชายหนุ่มออกไป หลี่เยว่หานก็แช่เถาองุ่นลงในน้ำ จากนั้นเติมน้ำเย็นครึ่งหม้อ และเทเกลือหยาบทั้งยี่สิบชั่งที่เธอซื้อมาลงไป
เมื่ออุณหภูมิในหม้อสูงขึ้น เกลือหยาบที่หลี่เยว่หานเทลงไปก็ค่อย ๆ ละลาย
หญิงสาวกวนน้ำอย่างแรง โดยพยายามละลายเกลือหยาบทั้งหมด
หลังจากที่เกลือทั้งหมดละลายเป็นน้ำเกลือแล้ว เธอก็เพิ่มความร้อนและต้มน้ำต่อไป เมื่อน้ำแห้งสนิทก็จะเหลือชั้นเกลือไว้ที่ก้นหม้อ
หลังจากกลั่นเกลือหยาบยี่สิบชั่งด้วยวิธีนี้แล้วจะเหลือเกลืออยู่ราวแปดชั่ง เกลือที่ถูกกลั่นด้วยวิธีนี้จะไม่มีรสขมเลย และสีก็ดีด้วย ซึ่งเหมาะสำหรับทำซอสถั่วเหลือง!
ในที่สุดเมื่อเมิ่งฉีฮ่วนกลับมาพร้อมกับถุงมูลม้า ทั้งยังมีแต่กลิ่นเหม็นบนหลัง เขาก็เห็นหลี่เยว่หานกำลังต้มน้ำอยู่ ดังนั้นชายหนุ่มจึงก้าวไปข้างหน้า “แม้ว่ามันจะเหม็นนิดหน่อย แต่ข้าก็ไม่จำเป็นต้องอาบน้ำในตอนกลางวันแสก ๆ เช่นนี้”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลี่เยว่หานก็มองเมิ่งฉีฮ่วน “ใครบอกว่านี่คือน้ำสำหรับอาบของเจ้า? มันเต็มไปด้วยเกลือนะ!”
“เจ้า…เจ้าเปลี่ยนเกลือทั้งหมดให้กลายเป็นน้ำหรือ?” คราวนี้เป็นตาของเมิ่งฉีฮ่วนที่ต้องตกตะลึงบ้าง
MANGA DISCUSSION