ตอนที่ 268 ต่างรับผิดชอบหน้าที่ตน
………………..
“นี่คือลุงเก้า ชื่อจริงทุกคนรู้จักกันดี ข้าก็ไม่ขอพูดถึงแล้วกันนะ”
พอถูกเอ่ยชื่อ ลุงเก้ารีบลุกขึ้นยืนยิ้มให้ทุกคนแล้วจึงนั่งลงฟังช่างไม้หลิวพูดต่อ
ช่างไม้หลิวแนะนำไปพลาง ลุงเก้าก็เสริมไปพลางว่าตนรับผิดชอบเรื่องใด คนที่เหลืออีกสองสามคนก็ดำเนินตามรูปแบบเดียวกันนี้
อย่างไรเสียก็เป็นการประชุมอย่างจริงจังครั้งแรก การแบ่งงานที่ชัดเจนเป็นระบบเช่นนี้ ช่างไม้หลิวไม่อาจพูดได้กระจ่างแจ้งนัก
แต่ทุกคนก็ไม่ได้ใส่ใจ อย่างไรเสียก็ฟังเข้าใจกันหมดแล้ว
ลุงเก้าก่อนหน้านี้เคยเป็นหัวหน้าหน่วยย่อยฝ่ายสกัดหินของโรงโม่น้ำ รับผิดชอบดูแลส่วนงานสกัดหินเป็นหลัก
ตอนนี้โรงงานกังหันน้ำเหลือเพียงห้องผลิตห้องเดียว นานๆ ครั้งจึงจะรับงานเล็กๆ น้อยๆ คนงานส่วนใหญ่จากเมื่อก่อนจึงถูกย้ายไปที่โรงงานเครื่องเขียนแล้ว ดังนั้นจึงเลื่อนตำแหน่งให้ลุงเก้าเป็นผู้จัดการทั่วไปของโรงงานกังหันน้ำทั้งหมด มีลูกน้องอยู่ใต้คำสั่งสองคน รับผิดชอบงานซ่อมแซมและผลิตกังหันน้ำในภายภาคหน้าทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว
อีกทั้ง ตอนนี้ที่กำลังสร้างโรงงานใหม่ ลุงเก้ายังรับหน้าที่เป็นหัวหน้าผู้ควบคุมการก่อสร้างโรงเรือนใหม่เป็นการชั่วคราวด้วย
ซุ่นจื่อยังคงรับผิดชอบด้านการขาย การติดต่อประสานงานภายนอกล้วนเป็นเขาที่จัดการ เขาเป็นคนเข้ากับคนง่าย พูดจาเป็น ทั้งยังหน้าหนา ลดตัวลงไปเจรจาได้ ไม้ที่ขนกลับมาจากโรงงานหลายครั้งล้วนได้เขาช่วยประสานงานอยู่เบื้องหลัง
หลิวไป่และหลิวเฝยปัจจุบันเป็นหัวหน้าหน่วยขนส่ง หลิวไป่ยังควบตำแหน่งหัวหน้าผู้คุ้มกัน รับผิดชอบงานป้องกันการโจรกรรมและอัคคีภัยสำหรับวัตถุดิบ
หลิวจ้งรับผิดชอบการจัดซื้อ เครื่องมือช่างไม้ที่โรงงานต้องการในตอนนี้ล้วนเป็นหน้าที่ของเขา อีกทั้งยังรับเหมางานจัดซื้อผักผลไม้ น้ำมัน และธัญพืชประจำวันสำหรับห้องครัวด้วย
ขอเพียงเป็นสิ่งของที่ต้องออกไปจัดซื้อนอกหมู่บ้านล้วนให้หลิวจ้งเป็นผู้รับผิดชอบ
เนื่องจากเครื่องมือขนส่งมีเพียงเกวียนวัวที่บ้านของฉินเหยาทิ้งไว้ให้ ดังนั้นในช่วงครึ่งเดือนกว่ามานี้ สามพี่น้องจึงมักจะเดินทางออกไปด้วยเกวียนคันเดียวกัน
“ผู้จัดการฉิน หากเงินในโรงงานของเราพอ ข้าอยากจะซื้อรถม้าให้โรงงานเราเพิ่มอีกสักคัน จะได้ใช้งานสะดวกขึ้นบ้าง” หลิวจ้งลองเสนอแนะขึ้นมา
ฉินเหยายิ้มให้เขา “ปัญหานี้เดี๋ยวพวกเราจะหารือกันเป็นพิเศษ”
หลิวจ้งยินดีขึ้นมา แต่ก็พยายามสงบใจรอให้ช่างไม้หลิวแนะนำคนจนจบ
ที่เหลือก็เป็นเรื่องของฝ่ายผลิตแล้ว
ช่างไม้หลิวรับผิดชอบการผลิตหีบหนังสือด้วยตนเอง ใต้บังคับบัญชายังมีหัวหน้างานย่อยอีกสองสามคน รับผิดชอบขั้นตอนการผลิตแต่ละส่วน
ผิวเคลือบเป็นหน้าตาที่สำคัญที่สุดของหีบหนังสือ ดังนั้นสถานะของหน่วยลงสีจึงสูงกว่าหน่วยผลิตอื่นๆ มอบหมายให้อวิ๋นเหนียงเป็นผู้รับผิดชอบหลักชั่วคราว
ตอนนี้ฝ่ายผลิตมีคนงานรวมแปดสิบคน บวกกับพวกหัวหน้างานเหล่านี้และนางเหอกับนางชิวในห้องครัว รวมเป็นจำนวนคนทั้งสิ้นหนึ่งร้อยคนพอดี
อวิ๋นเหนียงกล่าวว่า ช่างลงสีใต้คำสั่งของนาง นางได้สอนไปเกือบหมดแล้ว สามารถเข้าสู่กระบวนการผลิตได้ทุกเมื่อ
ทางช่างไม้หลิวก็เช่นกัน เนื่องจากแต่ละคนรับผิดชอบเพียงส่วนเล็กๆ ส่วนใดส่วนหนึ่ง คนเก่าสอนคนใหม่ ปัจจุบันแต่ละหน่วยย่อยจึงล้วนบรรลุข้อกำหนดพื้นฐานในการปฏิบัติงานแล้ว
หลังจากการแนะนำเหล่านี้ ฉินเหยาก็มีความเข้าใจในสถานการณ์ของแต่ละคนลึกซึ้งยิ่งขึ้น เนื้อหาการประชุมในช่วงต่อไปจึงสามารถอธิบายขยายความได้สะดวกขึ้น
ในบรรดาผู้ที่อยู่ในที่นี้ คนที่เขียนหนังสือเป็นมีเพียงฉินเหยา ช่างไม้หลิว และหลิวฉี รวมแล้วมีคนรู้หนังสือเพียงสามคน ในจำนวนนี้ช่างไม้หลิวยังรู้เพียงครึ่งๆ กลางๆ ฉินเหยารู้สึกว่าปล่อยไว้เช่นนี้ต่อไปไม่ได้
ดังนั้น ปัญหาแรกที่หยิบยกขึ้นมาหารือก็คือการจัดชั้นเรียนสอนอ่านเขียน
ทุกคนค่อนข้างประหลาดใจ เพราะช่วงเวลาที่ฉินเหยาไม่อยู่ การที่ทุกคนไม่รู้หนังสือก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการสื่อสารและการทำงาน
แต่การอ่านออกเขียนได้เป็นเรื่องศักดิ์สิทธิ์ในสายตาของชาวบ้านมาโดยตลอด ดังนั้นจึงแทบไม่มีผู้ใดคัดค้าน ผ่านมติเป็นเอกฉันท์
แต่รายละเอียดว่าจะจัดชั้นเรียนสอนอ่านเขียนนี้อย่างไร ใครคือกลุ่มเป้าหมายที่จะสอน มาตรฐานการเรียนรู้คืออะไร ฯลฯ ล้วนยังต้องมีการเตรียมการ
ฉินเหยามองไปยังซุ่นจื่อ ปัจจุบันเขามีงานน้อยที่สุด “ซุ่นจื่อ เรื่องชั้นเรียนสอนอ่านเขียนนี้เจ้าเป็นผู้รับผิดชอบจัดการไปก่อน ลองคิดวางแผนการมาดูก่อน คิดได้แล้วค่อยมาบอกข้า”
รับคำเสร็จ ใบหน้าก็พลันย่นเข้าหากัน เพราะเขาเป็นคนที่ไม่เคยแม้แต่จะเข้าสำนักศึกษาพอเจอเรื่องเกี่ยวกับการเรียนหนังสือเข้าก็พลันมืดแปดด้านจริงๆ
แต่ในไม่ช้าสีหน้าของซุ่นจื่อก็คลายออก เขานึกขึ้นได้ในทันใดว่า ตนเองดูเหมือนจะยังมีหลิวจี้ สหายรักผู้นี้ที่สามารถช่วยออกความคิดได้!
หลังจากจัดการเรื่องชั้นเรียนสอนอ่านเขียนแล้ว ฉินเหยาก็นำตารางแผนงานที่ตนทำเตรียมไว้ก่อนหน้านี้ออกมา อ่านให้ทุกคนฟัง
“บัดนี้การก่อสร้างโรงเรือนใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว โรงเรือนเดิมก็ยังอยู่ ดังนั้นเริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป ก็สามารถจัดให้คนงานส่วนหนึ่งผลัดกันเข้าประจำตำแหน่งเพื่อทดลองการผลิตได้”
“วันสุดท้ายของเดือนนี้โรงเรือนใหม่จะก่อสร้างแล้วเสร็จ วันที่หนึ่งของเดือนหน้า จะเข้าสู่สถานะการผลิตเต็มรูปแบบทันที!”
“กลางเดือนเจ็ด พวกเราจะต้องส่งมอบหีบหนังสือพลังเซียนชุดแรกจำนวนสามพันใบ หีบหนังสือที่เหลืออีกหกพันใบ จะต้องส่งมอบให้หมดก่อนสิ้นเดือนเก้า เพื่อให้แน่ใจว่าจะสามารถทำงานส่งมอบได้ทันตามกำหนด ช่วงเวลานี้ทุกคนคงต้องลำบากกันหน่อยแล้ว”
“แต่จะอาศัยว่าเวลางานสั้นแล้วนำของไม่ดีปะปนส่งไปไม่ได้ พวกเราจะต้องรับประกันทั้งคุณภาพและปริมาณ ส่งมอบสินค้าให้ได้ตามกำหนด!”
เมื่อครู่ยังยิ้มแย้มอยู่ พอพูดถึงตรงนี้ ทั้งร่างของฉินเหยาพลันก็เคร่งขรึมขึ้น กล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า
“ขอเพียงคุณภาพของสินค้าที่ส่งมอบครั้งนี้ผ่านการตรวจสอบก็จะมีคำสั่งซื้อหนึ่งหมื่น สองหมื่น หรือแม้กระทั่งสามหมื่นชิ้นตามมาอีก!”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ลมหายใจของทุกคนในที่นั้นพลันสะดุดอย่างเห็นได้ชัด
พวกเขาเข้าใจดี เพื่อคำสั่งซื้อที่ไม่ขาดสาย เพื่อชีวิตที่ดีกินอิ่มนอนอุ่น พวกเขาต่างแอบรวบรวมกำลังใจอย่างเงียบๆ ตั้งมั่นว่าจะต้องทำงานส่งมอบครั้งนี้ให้สำเร็จอย่างงดงามให้จงได้!
เรื่องที่ท่านผู้ใหญ่บ้านเคยกังวลก่อนหน้านี้ก็ได้รับคำตอบจากคำพูดของฉินเหยาในช่วงนี้แล้ว รู้ว่านี่คือโรงงานที่สามารถดำเนินกิจการไปได้อีกยาวไกล ภายหน้ายังมีคำสั่งซื้อหลั่งไหลมาไม่ขาดสาย หัวใจที่เคยแขวนอยู่บนเส้นด้าย ในที่สุดก็วางลงได้ รอยยิ้มที่มุมปากไม่อาจสะกดกลั้นไว้ได้อีกต่อไป
หัวหน้าตระกูลกำลังงอนิ้วนับคำนวณ หีบหนังสือหนึ่งหมื่นใบ นั่นมันควรจะเป็นเงินกี่ตำลึงกันนะ?
ยังไม่ทันที่ท่านผู้เฒ่าจะคำนวณเสร็จ ทางด้านหลิวฉีก็ลุกขึ้นยืนอย่างตื่นเต้น ถามอย่างไม่อยากจะเชื่อว่า
“ผู้จัดการฉิน หีบหนังสือหนึ่งหมื่นใบ เช่นนั้นโรงงานเรามิใช่ว่าจะได้กำไรหลายพันตำลึงหรอกรึ”
ฉินเหยาพยักหน้า บัญชีนี้ขอเพียงคำนวณเลขเป็นก็สามารถคิดออกมาคร่าวๆ ได้ นางบอกทุกคน ณ ที่นั้นว่า นี่เป็นคำสั่งซื้อขนาดใหญ่ที่มียอดเงินลงทุนรวมสูงถึงสองพันตำลึง
“แค่ลงทุนก็ต้องใช้สองพันตำลึงแล้วรึ” ช่างไม้หลิวตกตะลึง เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้ตัวเลขนี้เช่นกัน
ก่อนหน้านี้เห็นฉินเหยาส่งเงินมาห้าสิบตำลึง ในจดหมายยังบอกว่าเป็นคำสั่งซื้อใหญ่ เขาคิดว่าสี่ห้าร้อยตำลึงก็ถือว่าสูงสุดแล้ว ใครจะคิดว่าที่จริงคือหลายพันตำลึง
ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนในที่นั้นทั้งอยากหัวเราะทั้งอยากร้องไห้ หัวเราะเพราะดีใจ อยากร้องไห้ก็เพราะดีใจเกินไป
ฉินเหยารีบหยุดพวกเขา การประชุมยังไม่จบนะ ดำเนินการต่อ!
“ตอนนี้กิจการของเราขยายใหญ่ขึ้นแล้ว ต้องการคนงานผู้ทำบัญชีมืออาชีพหนึ่งคน และยังมีการจัดการคลังสินค้าอีกในภายหลัง หลิวจ้ง หลิวเฝย หน่วยคุ้มกันของพวกเจ้ายกให้พวกเจ้ารับผิดชอบไปก่อนชั่วคราว”
ฉินเหยารู้ดีว่าเรื่องการหาคนทำบัญชีนี้พึ่งพาพวกเขาไม่ได้จึงรับมาทำด้วยตนเอง “ข้าจะไปหาคนทำบัญชีด้วยตนเอง ก่อนที่จะหาคนมาได้ งานบัญชียังคงให้ข้าเป็นผู้รับผิดชอบไปก่อนชั่วคราว”
“ต่อไป ข้าจะพูดถึงเรื่องการจัดตั้งขบวนรถม้าของเราเอง”
ในที่สุดก็พูดถึงข้อเสนอที่ตนเองหยิบยกขึ้นมา หลิวจ้งนั่งตัวตรง เตรียมตั้งใจฟังอย่างดี
………………..
MANGA DISCUSSION