ตอนที่ 263 กลับมาก็ดีแล้ว
………………..
เมื่อมาถึงหมู่บ้านตระกูลหลิว ฟ้าเพิ่งจะมืดลง
หลิวต้าฝูนับวันรอ คิดว่าบุตรชายน่าจะกลับมาในไม่กี่วันนี้แล้ว ทุกวันยามเย็นหลังกินอาหารเสร็จก็จะไพล่มือเดินเล่นไปยังปากทางเข้าหมู่บ้าน
ด้านนอกยามนี้ล้วนเป็นผู้อพยพ หลิวต้าฝูค่อนข้างกังวลถึงความปลอดภัยของบุตรชาย แต่เมื่อเห็นว่าพวกช่างไม้หลิวหลายวันนี้ยังคงรับไม้ที่ขนส่งมาจากเมืองหลวงของมณฑลอยู่ตลอดและยังติดต่อกับฉินเหยาไม่ขาดจึงค่อยวางใจลงได้บ้างเล็กน้อย
เสียงล้อรถม้าเคลื่อนตัวดังมา หลิวต้าฝูที่ยืนคุยเล่นกับช่างไม้หลิวซึ่งยังไม่กลับบ้านอยู่ที่หน้าประตูโรงงานเครื่องเขียน พลันมองไปด้วยความตื่นเต้นทันที
ช่างไม้หลิวได้รับจดหมายก่อนแล้ว ทราบว่าฉินเหยาน่าจะถึงบ้านในวันสองวันนี้ จึงไม่ได้ประหลาดใจนัก แต่ใบหน้าก็เผยรอยยิ้มออกมา
ท่ามกลางราตรีอันเลือนราง สามารถมองเห็นโคมไฟสองสายที่แขวนอยู่หน้าซุ้มประตูโรงงานเครื่องเขียนส่องแสงอบอุ่นออกมา
ซานหลางและซื่อเหนียงมุดออกมาจากตัวรถม้า ยืนอยู่บนคานรถแล้วตะโกนเสียงดัง “ท่านปู่ฝู!”
เอ้อร์หลางเกาะอยู่ที่หน้าต่างรถพลางถามอย่างสงสัย “พวกเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเป็นท่านปู่ฝู มิใช่ท่านปู่คนอื่น”
ซานหลางยิ้มตอบ “ท่านปู่ฝูท้องป่องเหมือนลูกหนังใบใหญ่”
จากสภาพความเป็นอยู่ในหมู่บ้านการจะเลี้ยงดูคนจนมีท้องใหญ่ปานนี้ได้ ก็มีเพียงบ้านหลิวต้าฝูเท่านั้น เด็กในหมู่บ้านไม่มีใครไม่รู้
หลิวลี่ได้ยินเสียงเรียกของซานหลางและซื่อเหนียงก็มุดออกจากรถม้าด้วยความตื่นเต้น
หลิวต้าฝูรีบโบกมือ ทั้งที่ใจอยากจะก้าวเข้าไปหา แต่กลับแสร้งทำทีไม่ใส่ใจ ยืนรออยู่ที่เดิมให้หลิวลี่วิ่งเข้ามา
เมื่อบุตรชายมาถึงเบื้องหน้าก็สำรวจดูเสียรอบหนึ่ง ไม่เห็นว่าแขนขาขาดหายไป จึงทำหน้าเคร่งขรึมสั่งสอน “เป็นซิ่วไฉแล้ว ไฉนยังคงซุ่มซ่ามเหมือนเด็กหนุ่มเช่นนี้ รถยังจอดไม่สนิทก็กระโดดลงมาเสียแล้ว จริงๆ เลย…”
ผลการสอบขุนนางมาพร้อมกับจดหมายที่ฉินเหยาส่งมาถึงหมู่บ้านนานแล้ว ช่วงเวลาที่ตื่นเต้นยินดีที่สุดครอบครัวหลิวต้าฝูได้สัมผัสล่วงหน้าไปแล้ว ยามนี้เมื่อได้พบบุตรชายอีกครั้งจึงเพียงแค่อยากรู้ว่าตลอดการเดินทางเขาปลอดภัยดีหรือไม่ ร่างกายซูบผอมลงหรือไม่
ช่างไม้หลิวเห็นท่าทีอยากเป็นห่วงแต่ยังคงไว้ท่าของหลิวต้าฝู มุมปากก็ยกยิ้มเงียบๆ แล้วเดินเข้าไปหา
“เจ้ากลับมาเสียที หากไม่มาอีก ข้าคงต้องยุ่งจนคลั่งแล้ว”
พอได้พบหน้าฉินเหยาคราแรก ช่างไม้หลิวก็เปิดปากพรั่งพรูความคับข้องใจออกมาทันที เล่าถึงความเหนื่อยยากและความอัดอั้นตันใจของตนเองในช่วงหลายวันที่ผ่านมา
ทั่วทั้งโรงงานเครื่องเขียน มีเพียงเขาคนเดียวที่รู้กระบวนการทั้งหมด ด้านหนึ่งต้องรับสมัครคนงาน อีกด้านต้องฝึกสอนคนใหม่ อีกด้านยังต้อง….
ฉินเหยารีบยกมือห้ามเขาไว้ก่อนแล้วกล่าวอย่างขบขัน “อย่าเพิ่งรีบร้อนพูดเรื่องนี้ รอข้ากลับบ้านจัดแจงเรื่องต่างๆ ให้เรียบร้อยก่อนแล้วจะรีบมาหาท่านทันที หลังจากนี้ยังมีเรื่องอีกมากรอให้พวกเราไปทำ”
“แน่นอน…” ฉินเหยาถูนิ้วมือ “ผลตอบแทนย่อมทำให้ท่านพอใจเป็นแน่”
ขอให้นางเก็บงำไว้ก่อน รอให้มีเวลาว่างแล้วค่อยบอกรายละเอียดแก่เขา
ช่างไม้หลิวจะทำอย่างไรได้อีก ได้แต่ปล่อยนางไป
ช่างไม้หลิวยิ้มขื่นพลางกล่าวว่า “รีบกลับบ้านไปเถิด จัดการเรื่องเรียบร้อยแล้วก็รีบมาที่โรงงานด้วย ผู้ใหญ่บ้านกับหัวหน้าตระกูลยังมีเรื่องจะหารือกับเจ้าอีก”
เรื่องการขยายโรงงานเครื่องเขียนแทบจะดึงคนทั้งหมู่บ้านตระกูลหลิวเข้ามาเกี่ยวข้อง
ยึดตามความเห็นของฉินเหยา การรับสมัครคนงานใดๆ คนในหมู่บ้านตระกูลหลิวจะได้สิทธิ์ก่อน ด้วยเหตุนี้คนงานในโรงงานตอนนี้จึงเป็นคนในหมู่บ้านถึงเจ็ดส่วน
มีทั้งชายหญิงล้วนเป็นคนที่ค่อนข้างมีความสามารถในหมู่บ้าน พวกที่ไม่ได้เรื่องแม้จะได้รับสิทธิ์สัมภาษณ์ก่อน แต่หากเจ้าทำงานไม่ได้ก็โทษเราที่ไม่อยากรับเจ้าไม่ได้
เมื่อคนทำงานฝีมือมีมากขึ้น คนที่ทำงานในนาก็น้อยลง ผู้ใหญ่บ้านและหัวหน้าตระกูลจึงอยากจะได้คำตอบที่ชัดเจนจากฉินเหยาว่าโรงงานเครื่องเขียนของเจ้านี้ตั้งใจจะทำระยะยาว หรือจะเหมือนโรงโม่น้ำก่อนหน้านี้ที่ทำช่วงหนึ่งหยุดช่วงหนึ่ง
หากเป็นช่วงๆ คนในหมู่บ้านมากมายละทิ้งการเพาะปลูกเช่นนี้ ทางการจะต้องเอาความแน่
แต่เรื่องนี้จะว่าเร่งด่วนก็ใช่ จะว่าไม่เร่งด่วนก็ใช่ ด้วยสถานการณ์วุ่นวายนอกอำเภอไคหยางตอนนี้ ขุนนางย่อมไม่มีแก่ใจมาสนใจเรื่องเล็กน้อยของพวกเขาเป็นแน่
ฉินเหยาพยักหน้าอย่างจริงจังกล่าวว่าตนเองรับทราบแล้ว
ฟ้ามืดค่ำเพียงนี้แล้ว เห็นในโรงงานมีเพียงช่างไม้หลิวผู้เดียวที่ยังยุ่งอยู่ ฉินเหยาจึงเร่งว่า “ท่านก็กลับบ้านไปเถิด เวลายังมีเหลือเฟือ ไม่ต้องเร่งรีบเช่นนี้ ผ่อนคลายเสียบ้าง”
ฉินเหยาได้แต่มองเขาอย่างจนใจ
ช่างไม้หลิวเปิดปากได้ก็อยากจะพรั่งพรูเรื่องราวมากมายออกมาอีกครั้ง แต่ครานี้เขาได้สติทันท่วงทีจึงรีบโบกมือห้าม “ช่างเถิด ข้าควรจะเรียนรู้จากเจ้าบ้าง ผ่อนคลาย ผ่อนคลาย!”
ฉินเหยาแบมืออย่างใสซื่อ “ไฉนจึงกัดฟันกรอดเช่นนี้เล่า”
ช่างไม้หลิวไม่อยากเอ่ยปากอีกแล้ว เขาหันไปเก็บข้าวของ ดับโคมไฟ ปลอบใจตนเองให้คลายกังวลแล้วกลับบ้านไป
หลิวจี้ยิ้มพลางเรียกให้เขาขึ้นรถม้า บอกว่าจะไปส่งเขาสักช่วงหนึ่งกลับได้สายตาค้อนควักจากช่างไม้หลิว “ไปตามทางของพวกเจ้าเถิด”
หลิวจี้ยักไหล่ ก็ได้
เขาหันหน้าไปกล่าว “ท่านลุงต้าฝู พวกข้ากลับก่อนล่ะ!”
“ได้ๆ ไปเถิดๆ รอพวกเจ้าจัดการเรียบร้อยแล้วค่อยมากินข้าวที่บ้านข้าสักมื้อ” หลิวต้าฝูกำชับอย่างกระตือรือร้น
มุมปากของหลิวจี้พลันตกลง “กินข้าวอันใดกันก็แค่สอบได้ซิ่วไฉมิใช่รึ ตอนนี้ข้างนอกมีคนตั้งเท่าใดที่ไม่มีข้าวกิน ยังจะโอ้อวดเช่นนี้ ไม่กลัวโดนคนอื่นเพ่งเล็งหรือไร”
เขาบ่นพึมพำ สองพ่อลูกหลิวต้าฝูจึงไม่ได้ยิน แต่ฉินเหยาที่นั่งอยู่ข้างกายกลับได้ยินอย่างชัดเจน จึงถลึงตาใส่เขาเป็นเชิงเตือน
หลิวจี้รีบเปลี่ยนสีหน้าฉีกยิ้มออกมา อธิบายอย่างลนลานว่า “ข้าก็แค่แอบพูดเสียงเบาๆ ลับหลังเท่านั้นเอง”
เห็นสายตาเย็นชาของฉินเหยายังไม่คลายลง เขาก็รีบเม้มปากแน่น ไม่พูดแล้ว ไม่พูดอีกแล้ว!
ฉินเหยาจึงยอมปล่อยเขาไป
การเคลื่อนไหวของสองครอบครัวที่ทางเข้าหมู่บ้านนั้นไม่เบาเลย พอเดินมาถึงบ่อน้ำกลางหมู่บ้าน หลิวเหล่าฮั่นก็นำพาคนทั้งบ้านใหญ่จากเรือนเก่ามารออยู่แล้ว
หลิวจี้หยุดรถม้า สองสามีภรรยาก็นำลูกทั้งสี่คนลงมาเอ่ยทักทายทุกคนรอบหนึ่ง
“ท่านปู่ ท่านย่า ท่านลุงใหญ่ท่านป้าใหญ่ ท่านลุงรองท่านป้าสะใภ้รอง ท่านอาเล็ก จินฮวา จินเป่าแล้วต้าเหมาเล่า”
นางชิวยิ้มตอบ “หลับแล้ว อยู่ที่บ้าน”
หลิวเหล่าฮั่นรับคำพลางกล่าวซ้ำๆ ว่า “กลับมาก็ดีแล้ว กลับมาก็ดีแล้ว”
นางจางกำชับฉินเหยาและหลิวจี้ “เก็บของแล้วก็มากินข้าวเย็นที่บ้านนะ จะได้ไม่ต้องยุ่งยาก”
“ข้าจะทำบะหมี่น้ำใส่ไข่ให้พวกเจ้ากิน รับรองปริมาณเพียงพอแน่นอน!” นางเหอเอ่ยเสริมอยู่ด้านข้าง
คำว่า “ปริมาณเพียงพอ” สามคำนี้มีน้ำหนักยิ่งนัก ฉินเหยารีบพยักหน้า “เจ้าค่ะ พี่สะใภ้ใหญ่!”
เกรงว่านางเหอจะเสียดายขึ้นมาแล้วเกิดเปลี่ยนใจ
จินเป่าดึงต้าหลางกับเอ้อร์หลางพลางกล่าว “สำนักศึกษาหยุดครึ่งเดือน ไม่ต้องไปสำนักศึกษาแล้ว รอพรุ่งนี้พวกเราไปยิงนกบนเขากัน!”
สี่พี่น้องมองหน้ากันอย่างประหลาดใจ ไม่ต้องไปเรียนหรือ
ซานหลางพยายามยกมือขึ้น “พี่จินเป่า ข้าก็จะไปด้วย ข้าก็จะไปยิงนกด้วย”
“ได้สิ เจ้าเอาของอร่อยมาฝากข้าหรือไม่เล่า หากเอามาก็จะให้เจ้าไปด้วย” จินเป่าหัวเราะฮี่ๆ สิ้นเสียงก็โดนหลิวไป่เขกศีรษะไปทีหนึ่ง “พี่น้องบ้านเดียวกันยังจะถามหาผลประโยชน์อีกรึ ชักจะเอาใหญ่แล้วนะเจ้า!”
จินเป่ารีบกุมศีรษะหลบไปอยู่ด้านหลังท่านอาสะใภ้สาม หลิวไป่เห็นแก่หน้าฉินเหยา จึงเพียงชี้หน้าเจ้าเด็กไม่รักดีจากระยะไกล พอได้ยินจินเป่ากล่าวว่าผิดไปแล้วจึงยอมปล่อยเขาไป
………………..
MANGA DISCUSSION