ตอนที่ 253 กินไม่ไหว
………………..
“หลิวลี่ ขั้นสองอันดับที่สิบสาม เป็นผลสอบที่ดีมาก ยินดีด้วย!” ฉินเหยายิ้มกล่าวกับหลิวลี่
หลิวลี่ตื่นเต้นจนยิ้มให้ฉินเหยา เขาไม่รู้ว่าจะทำตัวอย่างไรดีจึงมองชื่อบนป้ายประกาศ เพื่อยืนยันซ้ำแล้วซ้ำเล่า
พวกซื่อเหนียงสี่พี่น้องไม่เชื่อว่าท่านพ่อจะไม่สามารถติดอันดับรายชื่อได้ จึงดูทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบสองรอบ สุดท้ายก็ต้องยอมรับความจริง
การสอบจริงไม่ใช่แค่โชคดีก็จะสอบผ่านได้ ต้องอาศัยความรู้ความสามารถที่แท้จริงด้วย
ส่วนท่านพ่อแท้ๆ ของพวกเขา ในท้องกลับมีน้ำหมึกอยู่เพียงแค่ไม่กี่หยด
“เฮ้อ~” แฝดชายหญิงถอนหายใจ
ต้าหลางและเอ้อร์หลางสบตากัน ทำได้เพียงมองหลิวลี่ด้วยความอิจฉา “ยินดีกับท่านลุงลี่ที่ติดอันดับรายชื่อด้วยขอรับ”
“ขอบคุณ ขอบคุณ!” หลิวลี่กล่าวขอบคุณอย่างยินดี
เขาไม่คิดว่าตนเองจะสอบผ่านได้ในครั้งเดียว รู้สึกว่าทุกอย่างช่างไม่เหมือนจริง ยังดีที่ต้าจ้วงดึงไว้ มิฉะนั้นก็ไม่รู้ว่าจะถูกฝูงชนพัดพาไปที่ใดแล้ว
ฉินเหยามองหลิวจี้แวบหนึ่ง “เจ้าไม่กล่าวคำแสดงความยินดีกับคนอื่นหน่อยหรือ”
เมื่อครู่หลิวลี่ยังปลอบใจเขาว่าครั้งหน้าค่อยพยายามใหม่อยู่เลย พวกเราก็ไม่อาจไม่อวยพรผู้อื่นเพียงเพราะตนเองไม่ติดอันดับรายชื่อกระมัง
หลิวจี้ปฏิเสธที่จะพูด!
หลายวันมานี้เขาฝันอยู่เสมอ ฝันเห็นใต้เท้าผู้คุมสอบที่ยืนจ้องตนเองอยู่หน้าโต๊ะสอบ ชี้หน้าเขาแล้วพูดว่า ข้าผู้นี้ดูเจ้าแล้วเห็นว่ามีหวังยิ่งนัก จะต้องทำให้เจ้าติดอันดับรายชื่อให้ได้!
ผลคือ แค่นี้?
แม้จะรู้ว่าตนเองเพียงแค่มาลองสนาม สัมผัสถึงความรู้สึกของการสอบจริง แต่พอมันเป็นแค่การลองสนามจริงๆ ความรู้สึกผิดหวังนั้นก็ยังคงรับได้ยากยิ่งนัก
ฉินเหยาเห็นหลิวจี้ไม่ยอมพูดเสียทีก็ขี้เกียจจะพูดกับเขาอีก
ระหว่างทางกลับ ฉินเหยาหันกลับไปมอง ห้าพ่อลูกทำสีหน้าเหมือนกัน นั่นคือถอนหายใจ “เฮ้อ~” ออกมา
เด็กน้อยดีๆ กลับมาทำท่าทางแก่ก่อนวัย ราวกับคนแก่ตัวเล็กๆ เสียอย่างนั้น
เดิมทีฉินเหยาอยากจะปล่อยผ่านพวกเขาไป แต่ทนบรรยากาศหดหู่นี้ไม่ไหวจริงๆ พอเดินมาถึงหน้าโรงเตี๊ยมนางก็หยุดแล้วหันหลังกลับ
“หลิวจี้ การยอมรับข้อบกพร่องของตนเองมันยากถึงเพียงนั้นเชียวหรือ” นางขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย
หลิวจี้ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ครู่ใหญ่จึงเงยหน้าขึ้น พยักหน้า จากนั้นก็ยกมือชี้ไปที่ป้ายน้ำแข็งไสที่แขวนอยู่ในห้องโถงใหญ่ “กินน้ำแข็งไสสักถ้วย ประเดี๋ยวก็ดีขึ้น”
เด็กสี่คนที่อยู่ข้างๆ แสดงสีหน้าดูถูกทันที รีบกลับไปยืนข้างท่านแม่ มองพ่อแท้ๆ ของตนด้วยสายตาที่ยากจะบรรยาย
พวกเขาไม่เคยเห็นคนหน้าหนาไร้ยางอายเช่นนี้มาก่อน!
ฉินเหยาเห็นเขายังสามารถเสนอคำขอที่ไร้เหตุผลเช่นนี้ได้ก็รู้ว่าคนผู้นี้ไม่เป็นอะไรแน่นอนจึงแค่นเสียงอย่างเย็นชาพูดว่า “ข้าว่าเจ้าไปกินตดเสียเถอะ!”
หลิวจี้เอ่ย “เมียจ๋า อย่าพูดคำหยาบสิ”
ดวงตาของฉินเหยาหรี่ลงอย่างอันตราย กล่าวเสียงเข้มว่า “ผลสอบประกาศออกมาแล้ว เตรียมตัวให้พร้อม มะรืนนี้ตอนเช้าตรู่เราจะออกจากเมือง กลับบ้านกัน!”
หลิวจี้เห็นนางกำลังจะโกรธก็รีบถอยเมื่อเห็นท่าไม่ดี รีบตอบรับพลางเดินตามแม่ลูกห้าคนกลับห้องพักไปอย่างว่าง่าย
แต่ตอนเดินผ่านโถงใหญ่ สายตาก็อดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองน้ำแข็งไสตรงหน้าแขกคนอื่น
แต่พอมองราคาบนป้าย ก่อนหน้านี้ยังถ้วยละแปดสิบเหวินอยู่เลย ตอนนี้กลับขึ้นราคาเป็นถ้วยละหนึ่งร้อยแปดสิบเหวินแล้ว
หลิวจี้จุ๊ปากแล้วส่ายหน้าช้าๆ “กินไม่ไหว กินไม่ไหว…”
วันนี้ราคาข้าวในเมืองก็พุ่งขึ้นอีกแล้ว ชาวเมืองหลวงของมณฑลนั้นมีเงิน ไม่เพียงแต่กินข้าวราคาสูงไหว ยังกินเนื้อกินน้ำแข็งไสไหวอีกด้วย
แต่สภาพนอกเมืองเป็นเช่นไรก็ไม่กล้าคิดแล้ว
ช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนอันแสนยิ่งใหญ่นั้น ยิ่งเห็นได้ชัดเจนในเมืองหลวงของมณฑล อาหารมื้อธรรมดาของชาวเมืองมื้อเดียว เทียบเท่ากับอาหารหลายมื้อของคนในชนบท
ข้าว แป้ง น้ำมัน ธัญพืช ผลไม้ ผักสดเหล่านี้ ทุกวันล้วนมีผู้คุ้มกันและบ่าวชายขนมาจากไร่นานอกเมือง ใช้ชีวิตกันอย่างสุขสบายเสียนี่กระไร
หลิวจี้มองแล้วทั้งอิจฉาทั้งริษยา แค้นที่ตนเองไม่มีวาสนาเช่นนี้
แต่ตอนนี้พูดไปก็ไร้ประโยชน์ ภรรยาใจร้ายจะออกเดินทางมะรืนนี้แล้ว เขายังมีเรื่องให้ยุ่งอีกเยอะ
อาหารการกินของครอบครัวหกคนระหว่างเดินทาง ต้องเตรียมให้ดีๆ
แป้งห้าสิบจินที่นำมาในตอนแรก ในที่สุดก็ต้องนำออกมาใช้แล้ว ราคาข้าวในเมืองตอนนี้ ต่อให้หลิวจี้สมองมีปัญหาก็ไม่ซื้อแน่นอน
ข้าวสารอย่างดีหนึ่งจินราคาปาเข้าไปเก้าสิบเหวินแล้ว
ทุกวันที่ไปซื้อของที่ตลาดสด เขาต้องตกใจกับราคาข้าวนี้ทุกครั้ง
แต่พอกลับมาบอกภรรยาใจร้ายที่บ้าน นางกลับไม่ร้อนรนเลยแม้แต่น้อย ยังยิ้มแล้วพูดว่า
“ยังพอมีข้าวราคาสูงให้ซื้อก็แสดงว่าปัญหายังไม่ใหญ่หลวงเกินจะแก้”
รอจนร้านข้าวสารปิดหมดแล้ว นั่นแหละถึงจะน่ากลัว ตอนนี้มันเพิ่งจะถึงขั้นไหนกันเชียว
ฉินเหยากำชับหลิวจี้ให้เตรียมเสบียงแห้งสำหรับเดินทางให้พร้อม แล้วให้เด็กสี่คนรีบทำการบ้านของวันนี้ให้เสร็จ จากนั้นตนเองก็เก็บสัมภาระของตนล่วงหน้า
จัดการเรื่องพ่อลูกหลายคนเสร็จ ฉินเหยาก็ออกไปข้างนอกอีกครั้ง
ไปที่ร้านค้าไม้ก่อนเพื่อหาเถ้าแก่ฟาง ยืนยันสถานะการขนส่งไม้ชุดแรก พอทราบว่าไม้เริ่มถูกส่งเข้าไปที่หมู่บ้านตระกูลหลิวแล้วก็วางใจไปไม่น้อย
ทั้งสองคนยืนยันปริมาณไม้และกำหนดส่งมอบในครั้งต่อไปอีกครั้ง หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฉินเหยาจึงจากไป
จากนั้นก็ไปที่ห้างการค้าฟู่หลง ไม่ได้พบกับรองผู้ดูแลเจี่ยงเหวินจึงทำได้เพียงฝากเด็กช่วยงานให้ช่วยแจ้งข่าวว่านางจะกลับหมู่บ้านแล้ว
ออกจากห้างการค้าก็รีบไปที่สำนักคุ้มภัยก่อนที่จะปิด ใช้เงินหลายสิบเหวินสอบถามสถานการณ์ภายนอกในตอนนี้ ฉินเหยาจึงกลับมายังโรงเตี๊ยม
หลิวจี้นำผู้ช่วยตัวน้อยสองคนซึ่งก็คือต้าหลางและเอ้อร์หลางทำเสบียงแห้งอยู่ในครัว
เพียงแต่มันแห้งเกินไป พอเย็นแล้วก็แข็งโป๊กเหมือนหมวกเกราะ
แต่เดินทางแค่สี่ถึงห้าวัน ทนๆ หน่อยก็ผ่านไปแล้ว
หลิวจี้ยังอุตส่าห์ไปเรียนรู้วิธีจากท่านป้าโจวในครัวมาสองอย่าง กินแผ่นแป้งย่างกับน้ำหวาน หรือไม่ก็บิดเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ลงในน้ำแกงเนื้อให้เป็นเนื้อเละๆ แล้วโรยต้นหอมหนึ่งหยิบมือ รสชาติก็ไม่เลวทีเดียว
ฉินเหยามาหาพ่อลูกสามคนที่ห้องครัว พอได้ยินหลิวจี้พูดเช่นนี้ก็หัวเราะแห้งๆ สองครั้ง
“เจ้าคิดสวยหรูเสียจริง รู้หรือไม่ว่าข้างนอกตอนนี้สถานการณ์เป็นอย่างไร อย่าว่าแต่น้ำแกงเนื้อโรยต้นหอมเลย แค่ทำกลิ่นหอมออกมาจนถูกหมายตา กลางคืนก็จะถูกคนล้อมฆ่า จับเจ้าไปต้มกินก็ยังเป็นไปได้”
หลิวจี้ตกใจจนเกือบจะโยนก้อนแป้งในมือทิ้งลงไปในเตาไฟ พอตั้งสติได้ ก็รู้สึกว่าฉินเหยาจงใจขู่ตนเอง เขาบ่นพึมพำอย่างไม่พอใจว่า
“เมียจ๋า ฟ้ายังไม่มืดสนิทเลย เจ้าเล่าเรื่องผีอะไร…”
“ไม่ใช่เรื่องผี” สีหน้าของฉินเหยาจริงจัง “มีผู้อพยพหลั่งไหลเข้ามาจากมณฑลข้างเคียงเป็นจำนวนมาก เมืองหลวงของมณฑลอยู่ทางทิศใต้ ดังนั้นทางนี้จึงยังไม่ค่อยเห็นคน”
“แต่เมื่อพวกเราเดินทางกลับ เส้นทางมุ่งหน้าไปทางทิศเหนือ ตลอดทางจะต้องเจออย่างแน่นอน”
“หา” หลิวจี้ตกใจอย่างมาก เขารีบถามต่อ “เมียจ๋า เจ้าไปสืบข่าวมาจากไหน เหตุใดข้าจึงไม่รู้”
ฉินเหยาตบไหล่เอ้อร์หลาง เด็กน้อยก็รีบเลือกแผ่นแป้งย่างที่ทั้งกรอบทั้งหอมแถมยังที่ใหญ่ที่สุดยื่นส่งไปให้นาง
ฉินเหยากินแผ่นแป้งย่างไปพลางแค่นเสียงใส่หลิวจี้ไปพลาง “เจ้าก็เอาแต่ฝันกลางวันเรื่องสอบผ่าน จะมีแก่ใจไปสนใจความทุกข์ยากของผู้คนได้อย่างไร”
หลิวจี้ “…”
“ข้าไปสอบถามข่าวล่าสุดมาจากสำนักคุ้มภัย การเดินทางกลับครั้งนี้ ทางที่ดีควรหาคนร่วมเดินทางไปด้วยหลายๆ คน ข้าเตรียมจะไปหานายน้อยติงเพื่อเดินทางกลับด้วยกันพรุ่งนี้”
ฉินเหยาส่งสายตาให้ต้าหลางอีกครั้ง แผ่นแป้งแห้งเกินไป กินแล้วติดคอ
หนุ่มน้อยเข้าใจความหมาย รีบหยิบชามออกมา ตักน้ำแกงกระดูกหมูให้นางครึ่งชาม ยังโรยต้นหอมสีเขียวสดใสอีกหนึ่งหยิบมือ เมื่อกินกับแผ่นแป้งย่าง อร่อยเลิศรสยิ่ง
ฉินเหยาพยักหน้าให้หลิวจี้ “ระหว่างทางกินเจ้านี่ก็ไม่เลวจริงๆ”
หลิวจี้ถึงกับพูดไม่ออก บางคนลืมไปแล้วหรือว่าเมื่อครู่นางเพิ่งบอกว่ากินเจ้านี่ระหว่างทางจะถูกคนหมายตาและล้อมฆ่าน่ะ?
ฉินเหยากินแผ่นแป้งย่างกับน้ำแกงจนหมดชามในรวดเดียว นางวางชามเปล่าลง ตบไหล่หลิวจี้หนักๆ อย่างพึงพอใจ “ทำเยอะๆ หน่อย อร่อย”
หากมีใครตาไม่ถึงกล้ามาหมายตาแผ่นแป้งย่างและน้ำแกงกระดูกหมูของนางล่ะก็ ก็อย่าโทษว่านางอำมหิตโหดเหี้ยมก็แล้วกัน!
………………..
MANGA DISCUSSION