ตอนที่ 247 เศรษฐีนีอุ้มชูข้าด้วย
………………..
เมื่อเห็นเงินสิบสองตำลึงถูกยื่นออกไปต่อหน้าต่อตา หลิวจี้ก็รู้สึกย่ำแย่ไปทั้งร่าง
“ดูนี่สิ พวกเราเดิมทีก็ไม่มีเงินอยู่แล้ว เจ้ายังจะดึงดันเลี้ยงข้าวคนอื่น แถมยังต้องเป็นสำรับระดับเดียวกับอีกฝ่ายอีก หน้าใหญ่ใจโตเช่นนี้มีประโยชน์อันใดกับพวกเรากัน…” เขาพิงกรอบประตู พร่ำบ่นไม่หยุดเหมือนกับหญิงแก่ขี้บ่น
ฉินเหยาทนไม่ไหวอีกต่อไป ตวาดว่า “ปิดประตู หุบปากซะ!”
หลิวจี้ “ได้จ้า!”
เขาปิดประตูห้องลงอย่างคล่องแคล่วพร้อมกับยกมือขึ้นปิดปากตนเอง แต่หัวใจยังคงปวดหนึบๆ สิบสองตำลึงเชียวนะ! นี่มันสำรับเทวดาอันใดกัน! เขาไม่คู่ควรที่จะได้กิน!
ฉินเหยาไล่ให้หลิวจี้ไปหามุมสงบๆ อยู่ อย่ามารกหูรกตานาง
ซานหลางและซื่อเหนียงที่นั่งเล่นโคมไฟอยู่บนฟูกที่พื้น กวักมือเรียกท่านพ่ออย่างร่าเริงยิ่ง มาเล่นด้วยกันเถิด
หลิวจี้ไม่ยอม เหตุใดเขาต้องเล่นกับเด็กเท่านั้นด้วย? เขาไม่ยอมเด็ดขาด!
หลิวจี้หย่อนก้นนั่งลงตรงข้ามกับฉินเหยา จ้องมองหีบไม้ใบเล็กในมือนาง เขาอยากจะดูนักว่า ข้างในนี้มีเงินอยู่เท่าใดกันแน่
ฉินเหยาเห็นเขาคิดแข็งข้อก็ลุกขึ้นชักดาบเล่มใหญ่ที่ซ่อนอยู่ใต้เตียงออกมา
ตอนเข้าเมืองเพื่อหลีกเลี่ยงความยุ่งยาก นางจึงพกเพียงหนังยางดีดและธนูให้เห็นเท่านั้นส่วนดาบซ่อนไว้ตลอด หลายวันแล้วที่ไม่ได้นำออกมาเช็ดถู ฝุ่นเกาะเสียแล้ว
ฉินเหยาเปิดฝักดาบแล้วเป่าลมลงไปบนคมดาบ แสงเทียนสาดส่องสะท้อนประกายเย็นเยียบ
พอช้อนตาขึ้นมองอีกครั้ง คนบางคนก็กลิ้งไปเล่นโคมไฟกับบุตรชายและบุตรสาวบนฟูกที่พื้นเรียบร้อยแล้ว
ฉินเหยาแค่นหัวเราะ เช็ดคมดาบอย่างละเอียดหนึ่งรอบแล้วถือเล่นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเก็บดาบเข้าฝักซ่อนไว้ใต้เตียง
นางลุกขึ้นเดินมาที่โต๊ะ เปิดหีบไม้ออก
ข้างในนอกจากสัญญาและเอกสารรับรองแล้ว ยังมีตั๋วเงินจากโรงแลกเงินสี่ใบ มูลค่าหน้าตั๋วใบละห้าร้อยตำลึง
โรงแลกเงินมีชื่อว่าฮุ่ยเฟิง ในหกเมืองเอกของมณฑลใหญ่ทางเหนือของแม่น้ำฉางเจียงมีสาขาอยู่หลายสิบแห่งและทุกอำเภอล้วนมีสาขา ผู้ถือตั๋วเงินสามารถนำไปขึ้นเงินตามจำนวนบนตั๋วที่สาขาในอำเภอท้องถิ่นได้ตลอดเวลา
ทว่าแตกต่างจากยุคหลัง ในโรงแลกเงินของแคว้นเซิ่งฝากเงินไม่มีดอกเบี้ยให้ กลับกันต้องจ่ายค่าประกันความเสี่ยงเป็นสัดส่วนที่แน่นอนทุกปี
ยิ่งจำนวนเงินมาก ค่าประกันก็ยิ่งสูง
สาเหตุคือการขนส่งไม่สะดวก ต้นทุนการหมุนเวียนสูง
แต่เพราะใช้งานได้สะดวกอย่างยิ่ง ห้างการค้าใหญ่ๆ เมื่อทำการค้าโดยพื้นฐานแล้วจึงล้วนใช้ตั๋วเงินพวกนี้
บางรายเพื่อความสะดวกก็ไปที่โรงแลกเงินโดยตรง ทำการเพิ่มลดบัญชีต่อหน้าสองฝ่ายซึ่งลดความยุ่งยากและความเสี่ยงในการขนส่งเงินลงอย่างมาก
สำหรับฉินเหยาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเงินสดหรือตั๋วเงินก็ไม่ต่างกัน ขอเพียงพ่อค้าและชาวบ้านยอมรับในมูลค่าของมันก็พอ
ตั๋วเงินบางเบาสี่ใบ ถืออยู่ในมือกลับให้ความรู้สึกหนักอึ้งอย่างน่าประหลาด
ฉินเหยามองดูอยู่หลายรอบจึงวางลง
วันนี้อาหารมื้อเดียวใช้ไปสิบสองตำลึง นางก็เสียดายเงินอย่างมากเช่นกัน
แต่นี่คือการแสดงท่าทีของนาง นางกินอาหารของเจี่ยงเหวินได้ก็เลี้ยงเขาได้เช่นกัน ทั้งสองคนมีความสัมพันธ์แบบร่วมมือที่เท่าเทียมกัน นางมิใช่ลูกน้องของเขา
หักสิบสองตำลึงนี้ออกไป เงินเก็บที่มีอยู่แต่เดิมก็เหลือเพียงห้าสิบเจ็ดตำลึงแล้ว
เงินเจ็ดตำลึงที่ได้จากโจรร้ายและเจ็ดตำลึงที่ได้จากการแข่งเรือมังกร ใช้ไปแล้วครึ่งหนึ่ง ยังเหลืออีกเจ็ดตำลึง
เงินหกสิบสี่ตำลึงนี้ บวกกับข้าวสาลีหนึ่งหมื่นจินที่บ้าน คือเงินเก็บทั้งหมดของนางในตอนนี้
นางก้มหน้าลง มองตั๋วเงินสองพันตำลึงในหีบอีกครั้ง นี่ยังมิใช่ของของนางอย่างแท้จริง
ฉินเหยาสูดลมหายใจเข้าลึก ระงับความตื่นเต้นแล้วเก็บสัญญาและเงินทองเหล่านี้ให้ดี จากนั้นจึงดึงหลิวจี้ที่แอบมองอยู่ตลอดเข้ามา
“ข้าจะอ่าน เจ้าเขียน”
นางต้องการเขียนจดหมายส่งกลับไปยังหมู่บ้านตระกูลหลิว ให้ช่างไม้หลิวเตรียมพร้อมสำหรับการยกระดับโรงงานครั้งใหญ่ พร้อมทั้งปฏิบัติตามสัญญา หยุดขายผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
ไม้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ต้องรีบส่งไปยังหมู่บ้านตระกูลหลิวโดยเร็ว ถึงจะสามารถรับประกันการผลิตในภายหลังได้
ทั้งสองฝ่ายตกลงกันไว้แล้วว่าหีบสามพันใบแรก จะต้องส่งมอบภายในปลายเดือนเจ็ด ส่วนที่เหลืออีกหกพันใบจะทยอยส่งมอบเป็นงวดๆ ก่อนเดือนสิบ หรือก็คือภายในเดือนเก้า
ฉินเหยายังต้องอยู่ในเมืองหลวงของมณฑลจนถึงสิ้นเดือนห้า ถึงจะสามารถกลับไปยังหมู่บ้านเพื่อควบคุมสถานการณ์โดยรวมได้ เท่ากับว่าเดือนหกจึงจะสามารถเริ่มการผลิตได้อย่างเต็มที่
ในแง่ของเวลา ถือว่ากระชั้นชิดมาก
สิ่งที่นางต้องทำในตอนนี้คือ ให้ช่างไม้หลิวขยายโรงงาน รับสมัครคนงาน และดำเนินการฝึกอบรม
ส่วนตัวนางเอง ในช่วงเวลาที่อยู่ในเมืองหลวงของมณฑลนี้ จะต้องซื้อวัตถุดิบที่จำเป็นสำหรับการผลิตทั้งหมดแล้วส่งไปยังหมู่บ้านตระกูลหลิว
ฉินเหยารู้สึกว่าการที่นางอยู่ในเมืองหลวงของมณฑลในตอนนี้เป็นเรื่องที่ดีมาก ในเมืองหลวงของมณฑลมีห้างร้านมากมาย หากได้เจี่ยงเหวินช่วยประสานงาน ปัญหาเรื่องวัตถุดิบในการผลิตก็จะแก้ไขได้ง่ายกว่าอยู่ในอำเภอไคหยางมาก
ไม้จำนวนน้อยนิดในอดีต ในหมู่บ้านยังพอแก้ไขได้ หากมากขึ้นอีก ในเมืองจินสือก็ยังสามารถรับประกันได้
แต่ตอนนี้ปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้น พ่อค้าไม้รายย่อยในอำเภอไคหยางไม่สามารถจัดหาให้ได้เพียงพอ
มีเพียงร้านค้าไม้ขนาดใหญ่ในเมืองหลวงของมณฑลเท่านั้นที่จะแก้ไขปัญหานี้ได้
เรื่องวัตถุดิบ นางจะเป็นผู้จัดการเอง ส่วนในหมู่บ้านมีช่างไม้หลิวเป็นผู้ดูแล หากได้หลิวฉี ซุ่นจื่อ และสามพี่น้องหลิวไป่มาช่วย ก็คงจะสามารถเตรียมทุกอย่างให้พร้อมก่อนที่นางจะกลับถึงหมู่บ้านได้
เมื่อถึงเดือนหกที่นางกลับบ้านก็จะสามารถเริ่มการผลิตได้อย่างเต็มกำลัง
“จริงสิ ต้องเขียนจดหมายถึงผู้ใหญ่บ้านอีกฉบับ” ฉินเหยาบอกให้หลิวจี้เขียนต่อไป
โรงงานเครื่องเขียนแห่งนี้เมื่อขยายใหญ่ขึ้นก็จะเกี่ยวข้องกับทั้งหมู่บ้าน จะขาดการสนับสนุนจากผู้ใหญ่บ้านและคนในหมู่บ้านตระกูลหลิวไปได้อย่างไร
ดังนั้นประโยคแรกที่ฉินเหยาเขียนคือ ‘ท่านลุง ท่านยังจำภาพฝันอันสวยงามที่เราเคยให้คำมั่นสัญญาว่าจะหลุดพ้นจากความยากจนและมุ่งสู่ความมั่งคั่งได้หรือไม่’
หลิวจี้ขมวดคิ้ว ใบหน้ายับยู่ยี่ เขาไม่รู้จะประเมินคำเริ่มต้นนี้อย่างไรดี
แต่การที่สตรีอำมหิตหาเงินได้ก็เท่ากับหลิวจี้หาเงินได้ ผู้มีเงินคือเจ้านาย สั่งให้เขียนอะไรก็ต้องเขียน
เมื่อเขียนจดหมายสองฉบับเสร็จ หลิวจี้ก็วางกระดาษบนโต๊ะผึ่งให้หมึกแห้งแล้วสะอึก “เอิ้ก” ออกมา
แป้งทอดแผ่นใหญ่ที่ฉินเหยาวาดไว้ในจดหมายให้ผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านหมู่บ้านตระกูลหลิวนั้นทั้งใหญ่ทั้งหอมจนเขาอิ่มอกอิ่มใจ
หลิวจี้ยกนิ้วโป้งให้ฉินเหยา ลืมความเจ็บปวดใจที่ต้องกินข้าวราคาสิบสองตำลึงไปแล้ว กล่าวชมด้วยใจจริงว่า “เมียจ๋า กลวิธีของเจ้านั้น ช่างสูงส่งยิ่งนัก!”
“เลิกประจบประแจง พรุ่งนี้ก็ต้องเข้าสอบแล้ว วันนี้พักผ่อนเร็วหน่อย ตั้งใจสอบให้ดี สอบอย่างจริงจัง พยายามทำให้ครอบครัวนี้เจริญรุ่งเรืองโดยเร็วแล้วข้าจะให้รางวัลเจ้าอย่างงาม”
ตะบองใหญ่หนึ่งอันบวกด้วยพุทราหวานอีกลูก เช่นนี้ผู้ใดจะทนไหวกันเล่า
หลิวจี้ถึงกับยืดอกขึ้นด้วยความตื่นเต้น ตบอกตนเองพลางให้คำมั่นว่า “เมียจ๋า คอยดูเถอะข้าจะคว้าตำแหน่งซิ่วไฉกลับมาให้เจ้า!”
ตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว บ้านเขาจะกลายเป็นเศรษฐีอันดับหนึ่งของหมู่บ้านในไม่ช้า ไม่ใช่เพราะอะไร เพียงเพื่อลดหย่อนภาษีที่ดินและทรัพย์สินของบ้านจากทางการ เขาจะต้องสอบเป็นบัณฑิตซิ่วไฉให้ได้
ฉินเหยาอมยิ้มเล็กน้อยแล้วยื่นแครอทล่อใจอีกครา “รอให้จัดการกับรายการสั่งซื้อจำนวนมากนี้เสร็จก่อน ข้าจะให้ท่านลุงเก้าสร้างห้องหนังสือใหม่ให้เจ้าโดยเฉพาะ เอาไว้ให้เจ้าอ่านหนังสืออย่างเป็นส่วนตัว ทั้งใหญ่ทั้งโปร่งสบาย ทากำแพงสีขาว ปูพื้นไม้ลื่นๆ แล้วสุดท้ายก็จะปลูกต้นเหมย ต้นกล้วยไม้ ต้นไผ่ และต้นเบญจมาศไว้หน้าประตู ให้เจ้าได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศ”
หลิวจี้คว้ามือฉินเหยามาบีบแน่น ในใจร้องตะโกนว่า เศรษฐีนี ช่วยอุ้มชูข้าด้วย!
ปากก็พูดว่า “เมียจ๋า เจ้าช่างมีน้ำใจนักหนา สามีผู้นี้จะไม่มีวันทรยศเจ้า!”
เด็กทั้งสี่คนที่แอบมองอยู่รีบเอามือปิดตาแล้วพึมพำ ไม่ควรมองสิ่งที่ไม่ควร ไม่ควรฟังสิ่งที่ไม่ควร…
………………..
MANGA DISCUSSION