ตอนที่ 245 เจรจาอีกครั้ง
………………..
“เจรจาไม่สำเร็จ เขาไปแล้ว” ฉินเหยาตอบตามความจริง
พวกต้าหลางสี่พี่น้องต่างถอนหายใจ “เฮ้อ” ออกมาพร้อมกันด้วยความเสียดาย แต่ก็มิได้ยึดติดอันใดมากนัก อย่างไรเสียคืนนี้ก็ได้กินอาหารมื้ออร่อยเป็นพิเศษ เนื้อถูกยกมาจานใหญ่ๆ พวกเขาล้วนกินกันจนแน่นท้อง
ปฏิกิริยาแรกของหลิวจี้คือ “เมียจ๋า เจ้าข่มเหงคนเกินไปหรือเปล่า”
พูดจบ เมื่อเห็นรอยยิ้มของฉินเหยาหายวับไปก็ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องจึงรีบเอ่ยแก้สถานการณ์ “ความหมายของข้าคือ การค้าขายนั้น ควรยอมลดผลกำไรบ้าง หากต้องการไปเสียทุกอย่าง ฝ่ายนั้นก็คงไม่พอใจ”
ฉินเหยาแค่นเสียงหัวเราะคราหนึ่ง ใช้มือข้างหนึ่งเท้าคางแล้วเอียงศีรษะถาม “เจ้ากำลังสอนข้าทำงานหรือ”
“ไม่ๆๆ!” หลิวจี้รีบโบกมือพัลวัน “เมียจ๋าก็คือเมียจ๋า เจ้าทำเช่นนี้ย่อมต้องมีเหตุผลของเจ้า ข้าเป็นเพียงบัณฑิต ไม่เข้าใจเรื่องเหล่านี้ก็ไม่ขอเป็นกังวลแล้ว เมียจ๋าราตรีสวัสดิ์ เมียจ๋าลาก่อน!”
หลิวจี้พลันเอนกาย ล้มตัวลงนอนบนฟูกซึ่งปูอยู่ทันที ห่มผ้าห่มแล้วหลับตาในทันที
ดวงตาของซานหลางและซื่อเหนียงเป็นประกาย รู้สึกว่าท่านพ่อที่ทำเช่นนี้น่าสนุกยิ่งนัก สองพี่น้องจึงส่งเสียงร้องออกมาทีหนึ่ง เลียนแบบตามเขาแล้วฟุบตัวลงไปบนพื้น ทับนิ้วเท้าของหลิวจี้ทำเอาเขาเจ็บจนต้องลุกขึ้นนั่ง คว้าตัวเจ้าตัวแสบทั้งสองไว้แล้วตีก้นไปคนละที
คู่แฝดไม่เพียงไม่ร้องไห้กลับหัวเราะฮ่าๆ อย่างมีความสุข คิดว่าท่านพ่อกำลังเล่นกับพวกตนอยู่
ฉินเหยาได้แต่ยกมือกุมหน้าผากอย่างจนใจ โบกมือให้เด็กๆ เป่าเชิงเทียนให้ดับ เข้านอน!
การสอบฝู่ซื่อใกล้เข้ามาแล้ว เพื่อให้เด็กทั้งสี่คนเข้าใจถึงกระบวนการเหล่านี้ การตั้งแผงขายของจึงหยุดลงชั่วคราว ฉินเหยาสองสามีภรรยาพาลูกๆ ตามตัวแทนไปจัดการเรื่องเอกสารขั้นสุดท้ายให้เรียบร้อย
เหล่าผู้เข้าสอบในโรงเตี๊ยมล้วนเก็บตัวไม่ออกมา เริ่มทบทวนตำราอย่างเต็มที่ในช่วงสุดท้าย เพื่อให้มั่นใจว่าจะสอบผ่าน
ภายใต้บรรยากาศเช่นนี้ ฉินเหยาได้พบปะกับผู้ดูแลร้านขายของชำ ผู้ดูแลร้านค้าและผู้ดูแลร้านหนังสือที่มาหาที่โรงเตี๊ยมตามลำดับแล้วพูดคุยธุระกัน
หลังจากแยกย้ายกันหลังมื้ออาหารเย็นคืนนั้น วันรุ่งขึ้นเจี่ยงเหวินก็มิได้ปรากฏตัว ฉินเหยาคิดว่าอย่างน้อยก็คงต้องรออีกห้าหกวันเขาถึงจะกลับมา
เผอิญว่าฉินเหยากำลังส่งผู้ดูแลร้านค้าออกนอกประตูโรงเตี๊ยมด้วยรอยยิ้มพอดี ท่าทางทั้งสองฝ่ายเหมือนจะเจรจากันได้อย่างราบรื่นก็พบกับเจี่ยงเหวินที่เดินสวนเข้ามา
บรรยากาศค่อนข้างกระอักกระอ่วนไปชั่วขณะหนึ่ง ผู้ดูแลร้านค้าถามอย่างประหลาดใจ “รองผู้ดูแลมาได้อย่างไรกัน”
สัญญาณเตือนภัยในใจดังขึ้นทันที!
พวกเขามาเพราะเห็นว่าฉินเหนียงจื่อเจรจากับห้างการค้าฟู่หลงไม่สำเร็จ เห็นอยู่กับตาว่าการค้านี้กำลังจะสำเร็จแล้ว ผู้ใดจะคาดคิดว่าอีกฝ่ายกลับหวนกลับมาแบบไม่ทันตั้งตัว เช่นนี้จะเล่นต่อไปได้อย่างไรกัน
เจี่ยงเหวินยิ้มให้ผู้ดูแลร้านค้าอย่างสงบพลางประสานมือคารวะ แต่กลับมิได้ตอบอันใด
ผู้ดูแลร้านค้าหันไปมองฉินเหยาอย่างกังวล “ฉินเหนียงจื่อ เรื่องของเราจะคุยกันอีกสักรอบไหม ข้าเพิ่งจะคิดออกเมื่อครู่ เงื่อนไขที่ท่านพูดมาเมื่อครู่นี้ พวกเราก็ใช่ว่าจะให้ไม่ได้……”
ยังไม่ทันสิ้นเสียง เจี่ยงเหวินก็ยกมือผลักเขาออกไป “เด็กรับใช้บ้านท่านกำลังตามหาท่านไปทั่ว ดูท่าเหมือนจะมีเรื่องด่วนแน่ะ”
“หา?” ผู้ดูแลร้านค้าร้อนใจขึ้นมาทันที คงต้องรีบไปดู แต่ก่อนไปก็ไม่ลืมที่จะบอกฉินเหยาว่า “ฉินเหนียงจื่อ ท่านรอสักครู่นะ ข้าไปแล้วจะรีบกลับมา พวกเรามาเจรจากันใหม่!”
ฉินเหยายิ้มพลางมองส่งเขาจากไปไกล จากนั้นจึงยกมือผายมือเชิญเจี่ยงเหวิน “รองผู้ดูแล เชิญนั่งด้านใน”
เจี่ยงเหวินเดินตามนางเข้าไปด้านใน เมื่อมาถึงหน้าโต๊ะ พบว่าบนนั้นมีถ้วยชาเปล่าหลายใบวางอยู่ก็หัวเราะอย่างจนใจ “การค้าของท่านช่างดีเสียจริง”
“ของดีไม่กลัวขายไม่ออก เป็นเรื่องธรรมดา” ฉินเหยามิได้ถ่อมตนเลยแม้แต่น้อย บอกให้เขานั่งลงแล้วเรียกเสี่ยวเอ้อร์ของร้านมาเก็บกวาดโต๊ะให้สะอาด
“รองผู้ดูแลทานมื้อกลางวันมาแล้วหรือยัง” ฉินเหยาถามอย่างสุภาพ
เจี่ยงเหวินส่ายหน้า ฉินเหยาก็กล่าวกับเสี่ยวเอ้อร์ของร้านว่า “อาหารชุดที่รองผู้ดูแลเลี้ยงเมื่อคราวก่อน ยกมาให้ข้าชุดหนึ่ง”
“คราวก่อนได้ทานอาหารรสเลิศของรองผู้ดูแล ครานี้เปลี่ยนเป็นข้าเลี้ยงท่านบ้าง” ฉินเหยายิ้มเอ่ยกับเจี่ยงเหวิน
เจี่ยงเหวินภายนอกกล่าวอย่างเกรงใจว่าสิ้นเปลืองแล้ว แต่ในใจกลับรู้สึกกังวลอีกครั้ง แอบถอนหายใจในใจว่า สตรีผู้นี้ช่างรับมือยากเสียจริง!
“รองผู้ดูแลมาหาข้าคราวนี้ ตัดสินใจได้แล้วใช่หรือไม่” ฉินเหยาเป็นฝ่ายถามขึ้นก่อน
เจี่ยงเหวินพยักหน้า “ตัดสินใจได้แล้ว ให้ข้ากล่าวให้ฉินเหนียงจื่อฟังดีหรือไม่”
ฉินเหยาผงกศีรษะ ยกถ้วยชาขึ้นจิบน้ำชาเย็น ส่งสัญญาณให้เขาพูด
“เรื่องความร่วมมือ ทางห้างการค้าของข้าเห็นว่าสามารถทำได้ ราคาต่อชิ้นนี้พวกเราไม่ต้องเจรจากันอีก ตามความต้องการของฉินเหนียงจื่อ สี่ร้อยเหวินต่อชิ้น ตกลง”
“แต่สิทธิ์ในการกำหนดราคา ฉินเหนียงจื่อมิอาจเข้ามายุ่งเกี่ยวได้และภายในห้าปี หีบหนังสือพลังเซียนห้ามขายให้แก่ห้างการค้าหรือร้านค้าอื่นใดนอกจากห้างการค้าฟู่หลงของข้า”
ฉินเหยามิได้แสดงความเห็น ถามต่อไปว่า “แล้วเงินมัดจำเล่า”
เจี่ยงเหวินพยักหน้ารับอย่างจริงจัง “สามารถจ่ายเงินมัดจำล่วงหน้าห้าส่วนได้”
ฉินเหยายิ้มออกมา เพียงสามารถจ่ายเงินมัดจำล่วงหน้าห้าส่วนได้ เรื่องที่เหลือก็ล้วนเจรจาง่าย
“ยังมีอันใดอีกหรือไม่ ท่านกล่าวต่อเถิด” ฉินเหยารินน้ำชาเย็นให้เขาด้วยตนเองเพื่อแสดงไมตรีจิต
เจี่ยงเหวินลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก กล่าวต่อว่า “ยังมีข้อสุดท้ายอีกหนึ่งข้อ นับตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญา โรงงานเครื่องเขียนหมู่บ้านตระกูลหลิวห้ามขายสินค้าใดๆ ออกไปภายนอกอีก จนกว่าห้างการค้าของข้าจะได้รับสินค้าชุดแรกไปแล้วหนึ่งเดือน จึงจะสามารถขายสินค้าอื่นได้”
ฉินเหยายกมือส่งสัญญาณให้เขาหยุดครู่หนึ่งแล้วถามว่า “สินค้าใดๆ ในที่นี้หมายถึงสิ่งใด”
“หีบหนังสือพลังเซียน หีบเดินทางพลังเซียน กล่องเครื่องเขียน สามสิ่งนี้ ก่อนส่งมอบสินค้าห้ามนำออกขาย ส่วนภายหลัง นอกจากหีบหนังสือพลังเซียนแล้ว สองสิ่งที่เหลือจะขายอย่างไรพวกเราไม่ยุ่งเกี่ยว” เจี่ยงเหวินรู้สึกว่าฉินเหยาคงไม่ปฏิเสธ ด้วยเรื่องนี้ส่งผลกระทบไม่ใหญ่นัก
ฉินเหยาพยักหน้า สามารถตกลงได้ ถือโอกาสถามขึ้นอีกประโยค “หีบเดินทาง ทางห้างการค้าไม่พิจารณาหรือ”
เจี่ยงเหวินหัวเราะเก้อๆ หนึ่งครั้ง “หีบเดินทางนี้สำหรับชาวบ้านแล้วก็เหมือนซี่โครงไก่ กินไปไร้รสชาติ แต่จะทิ้งก็น่าเสียดาย จะมีหรือไม่มีก็ได้ สำหรับคนร่ำรวยแล้ว มันไม่มีประโยชน์อันใด เดินทางก็มีรถม้า มีบ่าวไพร่ ไม่จำเป็นต้องใช้”
หีบหนังสือกลับไม่เหมือนกัน เดิมทีก็เป็นของจำเป็นสำหรับบัณฑิต แม้แต่บัณฑิตที่มีฐานะยากจน เพื่อที่จะเข้ากลุ่มได้ก็ยังต้องกัดฟันซื้อสักใบ
ฉินเหยา “ได้เรียนรู้แล้ว สมกับที่เป็นผู้ดูแลใหญ่ของห้างการค้า รู้เยอะจริงๆ”
คำชมอย่างกะทันหันของนางนี้ ทำให้เจี่ยงเหวินไม่เพียงไม่ยินดีแต่กลับรู้สึกอึดอัดไปทั้งตัว โบกมือส่งสัญญาณให้ฉินเหยาหยุดชม เขากลัวแล้ว
ทั้งสองคนกล่าวถึงเรื่องสำคัญสุดท้ายต่อ นั่นคือ วันส่งมอบสินค้า
ฉินเหยากล่าวว่า “ในเมื่อก่อนที่ห้างการค้าจะได้รับสินค้า ไม่อนุญาตให้พวกเราขายผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องใดๆ เช่นนั้นกำหนดส่งมอบสินค้าช้าหน่อย ให้พวกเรามีเวลาเพียงพอที่จะยกระดับคุณภาพก็น่าจะไม่มีปัญหาใช่หรือไม่”
“ยังมีอีกข้อหนึ่ง ห้างการค้าของท่านแน่ใจหรือว่าจะซื้อขาดหีบหนังสือพลังเซียนทั้งหมดที่พวกเราผลิตได้ภายในห้าปี”
ข้อแรก เจี่ยงเหวินสามารถให้เวลาเพิ่มได้
แต่ข้อหลังนี้ ต้องกล่าวให้ชัดเจน
“ภายในห้าปี ยึดตามยอดสั่งซื้อของห้างการค้าข้าเป็นหลัก”
ความหมายก็คือ พวกเขาสั่งซื้อเท่าใด โรงงานก็ผลิตเท่านั้น ส่วนที่เกินมาไม่สามารถขายออกไปได้
คิ้วของฉินเหยาขมวดเข้าหากันแน่น “เช่นนี้ไม่ได้ เว้นแต่ห้างการค้าของท่านจะรับประกันกับพวกเราด้วยว่า ภายในห้าปีนี้จะไม่ไปรับสินค้าจากโรงงานอื่น และปริมาณการสั่งซื้อต้องเป็นไปตามยอดขายจริง หากยอดขายไม่ดี ควรแจ้งล่วงหน้าเพื่อลดกำลังการผลิตหรือยกเลิกสัญญา”
มิฉะนั้น นางเปิดโรงงานใหญ่โต แต่กลับส่งสินค้าได้เพียงน้อยนิด ไม่เพียงพอแม้แต่จะเลี้ยงดูคนงานของตนเอง เช่นนั้นนางก็คงทำได้เพียงมองดูโรงงานพังพินาศไปต่อหน้าต่อตา โดยไม่อาจทำสิ่งใดได้เลย
………………..
MANGA DISCUSSION