ตอนที่ 238 ทายปริศนาโคมไฟ
………………..
เหล่าสตรีบนท้องถนนต่างก็ถูกดึงดูดความสนใจไปในทันที อยากจะดูว่าจะมีใครซื้อโคมไฟหรูหราราคาสูงนี้หรือไม่และจะสามารถทายปริศนาได้หรือไม่
หากทายไม่ถูก เพียงแค่ได้โคมไฟบ๊ะจ่างเรือมังกรขนาดใหญ่ยักษ์นั้นไป ก็ไม่ถือว่าขาดทุนมากนัก
โคมไฟสีสันสดใสระยิบระยับ พวกต้าหลางและน้องๆ ที่อาศัยอยู่ในชนบทไม่เคยเห็นมาก่อน
เพิ่งทานอาหารอิ่ม เรี่ยวแรงก็กลับมาเต็มเปี่ยม พวกเขามองฉินเหยาตาละห้อย “ท่านแม่ พวกเราไปดูกันบ้างเถอะนะ?!”
ฉินเหยาพยักหน้า สี่พี่น้องจึงส่งเสียงโห่ร้องออกมาด้วยความยินดี เตรียมจะวิ่งออกไป
ทว่าพี่ชายทั้งสองกลับไม่ลืมที่จะจูงมือน้องเล็กคนละคน
ผู้ใหญ่ก็เดินตามหลังไม่ห่างจึงไม่ต้องกังวลว่าจะพลัดหลง
เมื่อครู่คนยังไม่มากนัก ตอนนี้พอครอบครัวทั้งหกคนมุงเข้าไปก็มีผู้คนแห่มามุงดูเพิ่มขึ้นอีกมาก
แต่ด้วยความที่ตัวเล็ก มองไม่เห็นอะไรเลย ซานหลางกับซื่อเหนียงจึงร้อนรนวิ่งวุ่นไปทั่ว หวังจะหาเสาไม้หรือแท่นหินให้ปีนขึ้นไป
สุดท้ายฉินเหยาจึงต้องอุ้มขึ้นข้างละคน คู่แฝดจึงได้เห็นโคมไฟบ๊ะจ่างเรือมังกรสุดหรูหราที่อยู่ข้างหน้า
ต้าหลางและเอ้อร์หลางก็อยากให้อุ้มบ้าง แต่เมื่อหันไปมองท่านพ่อที่หน้าตาอับจนสิ้นหวังก็ส่ายหน้า เลือกที่จะเบียดเสียดเข้าไปข้างหน้าสุดของฝูงชนด้วยตัวเอง
ฉินเหยาช่วยเหลือเล็กน้อย ครอบครัวหกคนจึงมาถึงแถวหน้าสุดได้สำเร็จ มองเห็นโคมไฟบ๊ะจ่างเรือมังกรทั้งหมด
โคมไฟทำเป็นรูปเรือมังกร ขนาดเกือบเท่าของจริง บนเรือยังวางซ้อนกันด้วยบ๊ะจ่างหลากหลายรูปแบบ มีทั้งแบบสี่เหลี่ยม แบบหมอน แบบสามเหลี่ยม และแบบสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน…แทบจะทุกรูปแบบของบ๊ะจ่างที่เคยเห็น มารวมอยู่ในนี้หมดแล้ว
รูปทรงและสีสันของโคมไฟต่างๆ นั้นก็หลากหลายและแตกต่างกันออกไป ท่ามกลางนั้นยังมีโคมกุ้ยฮวา โคมบัว และโคมตำหนักหญิงงาม ล้วนวิจิตรบรรจง เมื่อโคมทั้งหมดถูกจุดขึ้นพร้อมกันก็งดงามตระการตายิ่งนัก
“ใหญ่มากเลย!” ซานหลางเงยหน้ามองโคมไฟบ๊ะจ่างเรือมังกรที่สูงกว่าสามเมตรด้วยความตกใจ รู้สึกว่าตนเองสามารถนั่งบนนั้นได้เลย
ซื่อเหนียงกะพริบตากลมโต มองจนตะลึง
หลิวจี้และลูกชายทั้งสองก็ลืมเรื่องไม่พอใจที่เกิดขึ้นในตรอกมืดเมื่อครู่ไปชั่วขณะ จมดิ่งอยู่ในบรรยากาศเชื่อมหวานแบบโบราณอันเป็นเอกลักษณ์นี้
โคมไฟหรูหราขนาดใหญ่นั้นดูเอาสนุกก็พอ แต่โคมไฟเล็กๆ นั้นสามารถเล่นได้
เมื่อเห็นสีหน้าปรารถนาของสี่พี่น้อง หลิวจี้ก็กระแอมไอเบาๆ สองครั้ง ดึงดูดความสนใจของเมียจ๋าได้สำเร็จ เขายื่นมือออกไปอย่างไม่กลัวตาย “เอ่อ เด็กๆ นานๆ จะได้มาเที่ยวที ให้ทายปริศนาคนละอันคงไม่มากเกินไปใช่หรือไม่”
ฉินเหยายกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ทำเอาหลิวจี้เหงื่อผุดเต็มหน้าผาก รีบอธิบายทันทีว่า “ก็ข้าไม่มีเงินนี่ ถ้ามีข้าจะออกเงินให้เด็กๆ เล่นแน่นอน”
พูดไปพลางยิ้มให้สี่พี่น้อง ทำท่าทางราวกับว่าถ้าพ่อมีเงิน พ่อใจกว้างกว่าแม่แน่นอน
ฉินเหยามองเขาแล้วยิ้มไม่พูดอะไร
หลิวจี้ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย หมายความว่าอย่างไร? แม้แต่โคมไฟสี่อันก็ไม่ยอมซื้อให้รึ?
“ท่านพ่อ!” เอ้อร์หลางดึงแขนเสื้อของท่านพ่อ แต่เพราะเผลอออกแรงมากไปหน่อย หลิวจี้จึงรู้สึกเจ็บแปลบที่แขน เขาสูดลมหายใจเย็นๆ เข้าปอด กัดฟันแล้วถามว่า “ทำ! อะไร!”
ปรากฏว่าเอ้อร์หลางตบหน้าอกตัวเองเบาๆ แล้วพูดเสียงเบาว่า “ท่านแม่ให้เงินพวกเรามาแล้ว”
ทุกเดือนพวกเขาจะมีเงินค่าขนมคนละห้าสิบเหวิน ทุกเดือนก็มีเงินเหลือ ตอนนี้แต่ละคนเก็บเงินได้เกือบหนึ่งร้อยเหวินแล้ว
ดังนั้น ภายใต้สายตาอิจฉาริษยาของหลิวจี้ สี่พี่น้องจึงจูงมือกัน พาฉินเหยาไปยังร้านค้าที่มีคนน้อยกว่าข้างๆ ซื้อโคมไฟคนละอันเพื่อเตรียมทายปริศนาโคมไฟ
ซื่อเหนียงกล่าวอย่างใจกว้างเป็นพิเศษ “พี่รอง ท่านใช้เงินของข้าซื้อให้ท่านแม่ด้วย เอาอันที่เป็นดอกเหมย ท่านแม่ถือคงสวยมากแน่ๆ”
หลิวจี้ค่อยๆ เข้ามาใกล้ “ซื่อเหนียงเอ๋ย เจ้าซื้อให้พ่อด้วยได้หรือไม่ เอาอันที่เป็นลายเยว่จี้นั่นนะ”
ซื่อเหนียงตอบตกลงทันที “ได้สิเจ้าคะ”
หลิวจี้ ฮือๆๆๆ เสื้อบุนวมตัวน้อยช่างเอาใจใส่จริงๆ
ซื่อเหนียงถามเจ้าของร้านว่าโคมไฟเยว่จี้ราคาเท่าไหร่ เจ้าของร้านตอบว่า “สามสิบเหวิน”
ซื่อเหนียงตกใจรีบโบกมือทันที “ไม่ๆๆ ไม่เอาแล้ว เอาอันที่สิบเหวินก็พอ”
เด็กหญิงตัวน้อยมองหลิวจี้ที่กำลังรอคอยด้วยแววตาเจ็บปวดใจ “ท่านพ่อ ท่าน ท่านเลือกใหม่เถอะ”
เจ้าของร้านยิ้มแล้วเตรียมจะหยิบ เอ้อร์หลางก็รีบถามขึ้นว่า “ลายดอกเหมยโคมละเท่าไหร่หรือขอรับ”
“ยี่สิบเหวิน” เจ้าของร้านยิ้มแล้วกล่าว “ไม่แพงหรอก ถ้าทายปริศนาถูกยังสามารถเลือกเครื่องประทินผิวหรือปิ่นปักผมได้อีกด้วยนะ”
ซื่อเหนียงรีบร้อนกล่าวว่า “ท่านลุงเจ้าของร้าน ท่านหยิบอันที่ถูกที่สุดให้ท่านพ่อของข้าเถอะเจ้าค่ะ เอาดอกเหมยแค่โคมเดียว”
นางยังต้องเก็บเงินอีกมากเพื่อซื้อเครื่องประทินผิวและเครื่องประดับให้ท่านแม่ ท่านพ่อคนเดียวใช้เงินสิบเหวินก็มากแล้ว!
เจ้าของร้านเห็นนางน่ารักเช่นนี้ก็ไม่ได้ถือสาที่เด็กหญิงตัวน้อยเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ยิ้มร่าเริงเลือกโคมไฟสองอันส่งให้นาง
อันหนึ่งเป็นดอกเหมย งานฝีมือค่อนข้างประณีต
ส่วนอีกอันเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว จะว่าหยาบก็ไม่ได้ จะว่าตั้งใจทำแบบขอไปทีก็คงไม่ผิด
ซื่อเหนียงดีใจแล้วให้พี่รองช่วยหักเงินห้าสิบเหวินของนางออกไป
นางกับท่านแม่ได้โคมไฟดอกเหมยเหมือนกัน แล้วยื่นโคมไฟรูปพระจันทร์เสี้ยวให้ท่านพ่อที่ยิ้มไม่ออก
“ท่านพ่อทายก่อนนะ” ซื่อเหนียงกล่าวด้วยความคาดหวัง
หลิวจี้ลูบศีรษะเล็กๆ ของลูกสาวอย่างจนใจ “ได้ พ่อทายก่อน”
เสื้อบุนวมตัวน้อยของตน แม้จะร้อนจนเหงื่อออกก็ต้องใส่!
แม่ลูกห้าคนมองมา หลิวจี้ก็นำปริศนาในกระบอกไม้ไผ่ออกมา
“บนหัวมีขนสองเส้น สวมเสื้อคลุมหลากสีสัน เริงระบำในหมู่บุปผา สุขสำราญเสรี……” หลิวจี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง มองไปยังเจ้าของร้านด้วยความไม่แน่ใจนัก “ผึ้งหรือ”
ซื่อเหนียงเห็นเจ้าของร้านส่ายหน้าก็รีบร้อนกล่าวว่า “ท่านพ่อโง่จัง เป็นผีเสื้อต่างหาก!”
“พรืด~” ฉินเหยาหัวเราะออกมาอย่างไม่เกรงใจ
หลิวจี้มองฉินเหยาอย่างไม่ยอมแพ้ “เมียจ๋า เจ้าอย่ามัวแต่หัวเราะข้า ดูปริศนาของเจ้าบ้างสิว่าเป็นอะไร”
ภายใต้สายตาอยากรู้อยากเห็นของพ่อลูกห้าคน ฉินเหยาดึงปริศนาออกมา คิดในใจว่าแย่แล้ว “ทายตัวอักษร”
【ไม่ใช่ทั้งฟืน ข้าวสาร น้ำมัน หรือเกลือ】
เมื่อเห็นปริศนานี้ ทั้งหกคนในครอบครัวต่างก็งงงัน
ฉินเหยาเดาสุ่มไปคำหนึ่ง เจ้าของร้านก็ส่ายหน้า บอกนางว่าคำตอบที่ถูกต้องคือคำว่า ‘ความผิด’ (罪)
“ฮ่าฮ่าฮ่า คนโง่ ทายแค่นี้ก็ทายไม่ได้!” หลิวจี้หัวเราะเสียงดัง…เอิ้ก! อันตราย อันตราย หยุดไว้ก่อนดีกว่า
ฉินเหยาเก็บสายตาคมกริบกลับมา มองต้าหลางและน้องๆ ทั้งสี่อย่างอ่อนโยน “พวกเจ้ามา”
โคมไฟยิ่งแพง ของรางวัลก็ยิ่งแพง ปริศนาก็ยิ่งยาก
ตรงกันข้าม ปริศนาของโคมไฟราคาสิบเหวินค่อนข้างง่าย ส่วนใหญ่เป็นการทายสิ่งของ
ต้าหลางและเอ้อร์หลางเลือกโคมไฟราคาสิบเหวิน พวกเขาทายถูกติดต่อกัน ซานหลางเลือกโคมไฟราคายี่สิบเหวิน ดวงไม่ดีเจอทายตัวอักษรเลยทายไม่ถูก
ซื่อเหนียงรีบร้อนคลี่ปริศนาของตนเองออกมา ทันใดนั้นก็ถอนหายใจ “เฮ้อ” อีกแล้ว ปริศนาตัวอักษรอีกแล้ว
【จำได้ครึ่งหนึ่ง ลืมไปครึ่งหนึ่ง】
หลิวจี้ตื่นเต้น เขารู้คำตอบ นั่นคือคำว่า ‘ห้าม’ (忌)
น่าเสียดายที่พ่อลูกไม่มีโทรจิต พ่อแก่ๆ ตาแทบจะถลนออกมาอยู่แล้ว ซื่อเหนียงน้อยเกาศีรษะ แล้วก็พูดออกมาว่า “ไก่ (鸡) หรือ?”
เจ้าของร้านหัวเราะเสียงดัง “ผิดแล้ว คือคำว่า ‘ห้าม’ (忌) ต่างหาก”
ซื่อเหนียงและท่านพ่อมองหน้ากัน ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างพร้อมเพรียง
ทว่าต้าหลางและเอ้อร์หลางกลับทายถูกกันทั้งคู่ ต่างก็สามารถเลือกของรางวัลได้คนละหนึ่งชิ้น อย่างน้อยก็ไม่ถึงกับพ่ายแพ้หมดสิ้นกันทั้งคณะ
………………..
MANGA DISCUSSION