ตอนที่ 223 โจรร้าย
………………..
สีหน้าของฉินเหยาพลันแข็งกร้าว รีบดึงมือที่เตรียมเปิดประตูคืน หันกายพุ่งออกจากสถานีพักม้า ตรงไปยังคอกม้าข้างเคียง
หลิวลี่ที่อยู่หน้าประตูเพียงรู้สึกราวมีลมวูบผ่านหน้าไป ครั้นเมื่อได้สติก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย “ฉินเหนียงจื่อ เกิดสิ่งใดขึ้นหรือ”
ส่วนฉินเหยาที่มาถึงหน้าคอกม้าแล้ว เห็นชัดเจนว่ามีร่างเงาหนึ่งวิ่งตื่นตระหนกเข้าไปในป่าไผ่ด้านหลังคอกม้า
ดูเหมือนมิคาดคิดว่านางจะสามารถสังเกตเห็นเขาได้ ทั้งยังตามมาถึงเร็วเพียงนี้ เขาจึงหันกลับมามองนางด้วยความประหลาดใจปนดุดัน
เมื่อหลิวลี่ตามมาถึงก็บังเอิญสบเข้ากับสายตาที่ดุดันนั้น กระดูกสันหลังพลันรู้สึกเย็นเยียบ
เขาเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจว่า “ฉินเหนียงจื่อ คนผู้นั้นเป็นใครน่ะ”
ฉินเหยาส่ายหน้า “ข้าไม่รู้ แต่คงมิใช่คนดีเป็นแน่ เจ้าหน้าที่ประจำสถานีพักม้าคงประสบเคราะห์ร้ายแล้ว”
กล่าวจบ มิได้ใส่ใจปลอบประโลมจิตใจที่ตกตะลึงของหลิวลี่ หันศีรษะไปยังคอกม้าด้านข้าง
หลิวลี่ก็มองตามไปด้วยความสงสัย เห็นว่าใต้เท้าของม้าแก่นั้นมีกองฟางส่วนหนึ่งยุบลงไป
ดังนั้น บุรุษที่เพิ่งวิ่งหนีไปผู้นั้นกลับซ่อนตัวอยู่ที่นี่ตลอด คอยจับตาดูทุกการกระทำของพวกเขาอย่างนั้นหรือ
ฉินเหยาราวกับรับรู้ถึงความสงสัยในใจของเขาจึงให้คำตอบยืนยัน “คนผู้นั้นซ่อนตัวอยู่ตรงนี้มาตลอด”
เพราะเสียงของม้ากลบเสียงลมหายใจของอีกฝ่าย นางจึงมิได้สังเกตเห็นการมีอยู่ของคนผู้นี้ในทันที
หลิวลี่มองกองฟางที่ยุบลงไปนั้นแล้วมองไปยังป่าไผ่ที่ดูวังเวง ขนแขนของเขาพลันลุกชันขึ้นทันที!
“เมียจ๋า เกิดสิ่งใดขึ้น!” หลิวจี้ตะโกนถามมาจากด้านหลัง
เดิมทีคิดจะไปตรวจสอบประตูหลังต่อ เกรงว่าที่นั่นอาจมีร่างไร้วิญญาณของเจ้าหน้าที่ประจำสถานีพักม้า เมื่อฉินเหยาได้ยินเสียงร้องนั้นจึงตัดสินใจหยุดเท้า ละทิ้งความสงสัยนั้น
นางส่งสัญญาณให้หลิวลี่ที่ตกใจมากตามมา ทั้งสองรีบกลับไปยังข้างรถม้า
“ผู้ที่เพิ่งวิ่งเข้าไปในป่าไผ่คือใครหรือ” หลิวจี้ถามด้วยความสงสัย
ฉินเหยาส่งสัญญาณให้ต้าจ้วงและหลิวลี่ขึ้นรถม้า พลางตอบว่า “ฆาตกร”
“อะไรนะ” หลิวจี้ร่างสั่นสะท้าน ความรู้สึกหวาดผวาแล่นเข้าครอบงำ ทั่วทั้งร่างพลันเกิดขนลุกชัน
หลิวลี่รีบถามตาม “ฉินเหนียงจื่อ พวกเราจะไปทางใดหรือ”
ฉินเหยารีบตอบ “ย้อนกลับไปทางเดิม กลับไปยังเมืองที่เพิ่งผ่านมา”
นางมิรู้ว่าเบื้องหน้าคือที่ใด ในเวลาเช่นนี้มิควรเสี่ยงโชค เลือกไปยังสถานที่ที่ตนเองคุ้นเคย แม้จะไกลกว่า แต่ก็ปลอดภัยที่สุด
หลิวลี่พยักหน้า สั่งต้าจ้วงหันรถม้ากลับ
ต้าจ้วงยังคงงุนงงอยู่บ้าง มิรู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น แต่เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของฉินเหยาและคุณชายรอง ทั้งยังเห็นเงาร่างที่วิ่งออกไปเมื่อครู่ จึงตัดสินใจเชื่อมั่นในการตัดสินใจของฉินเหยา
เดิมทีรถม้าของพวกเขาอยู่ด้านหลัง ครั้นหันหัวกลับจึงกลายเป็นนำอยู่ด้านหน้า เมื่อเห็นว่าทั้งฉินเหยาและสามีขึ้นรถม้าแล้ว ต้าจ้วงจึงสะบัดแส้ ม้าก็ควบทะยานออกไปข้างหน้า
ล้อรถม้าหมุนอย่างรวดเร็ว ต้าหลางที่อยู่ในรถม้าปลอบประโลมน้องชายและน้องสาวด้วยความสงบ สั่งให้พวกเขายึดราวที่ยื่นออกมาบนรถให้มั่นคง จากนั้นก็มุดออกจากประตูรถมาอยู่ด้านหลังบิดามารดา
หลิวจี้ขับรถม้า ฉินเหยาคุกเข่าอยู่บนที่นั่งหน้าห้องโดยสารครึ่งตัว จับขอบตัวรถม้าไว้ข้างหนึ่ง ร่างกายส่วนใหญ่ยื่นออกไปนอกรถ สอดส่ายสายตามองไปยังป่าไผ่โดยรอบ
เมื่อเห็นต้าหลางออกมา ฉินเหยาก็ตวาดเสียงต่ำ “เจ้าออกมาทำไม? เข้าไป!”
“ข้าอยากช่วยด้วย” ในดวงตาของต้าหลางเต็มไปด้วยความกังวล
หลิวจี้แค่นเสียงเยาะเย้ยทันที “เจ้าจะช่วยสิ่งใดได้ แค่ไม่สร้างความวุ่นวายเพิ่มก็ดีถมไปแล้ว รีบเข้าไป!”
ด้วยน้ำเสียงที่อาจจะหนักหน่วงเกินไป ต้าหลางจึงเศร้าใจและก้มหน้าลง ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด คิดว่าตนเองไร้ประโยชน์
ในขณะนั้นเอง ฝ่ามืออุ่นร้อนข้างหนึ่งก็วางลงบนบ่าของเขา ฉินเหยาน้ำเสียงมิได้อ่อนโยนนัก ทว่ากลับมองเขาด้วยสายตาของคนในระดับเดียวกัน “ข้ามอบซื่อเหนียงและน้องๆ ให้เจ้าแล้ว เจ้าดูแลพวกเขาได้หรือไม่”
ในดวงตาที่หม่นแสงลงของต้าหลางพลันมีประกายขึ้นมา เขากำหมัดแน่น พยักหน้าหนักๆ “ข้าทำได้!”
ฉินเหยายกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มบาง “ดีมาก เช่นนั้นเรื่องในรถม้าข้ามอบให้เจ้า ข้าจะมุ่งมั่นจัดการกับภัยอันตรายข้างนอกเอง”
“อื้มๆ!” เด็กหนุ่มตอบรับอย่างหนักแน่น รวบรวมความมั่นใจแล้วกลับเข้าไปในตัวรถม้าทันที
ภายในตัวรถม้าที่ปิดสนิท ยังคงได้ยินเสียงแว่วมาว่าเขากำลังปลอบประโลมน้องชายและน้องสาวมิให้ต้องกังวล
ต้าจ้วงและหลิวลี่ขับรถม้าอยู่ด้านหน้า ช่วงเวลาเพียงครึ่งก้านธูป พวกเขารู้สึกราวกับวิ่งมานานถึงหนึ่งชั่วยาม ทั้งที่แท้จริงแล้วขณะนี้อยู่ห่างจากโรงเตี๊ยมป่าไผ่เพียงพันกว่าเมตรเท่านั้น
ทันใดนั้นเอง เงาคนหลายสายพลันพุ่งออกมาจากรอบด้านของป่าไผ่ ดาบสีเงินสะท้อนแสงเย็นเยียบ ส่องสะท้อนเข้าที่ดวงตาของม้า
ต้าจ้วงและหลิวลี่ร้องอุทานเสียงลั่น “ฉินเหนียงจื่อ!”
“ข้าอยู่นี่ อย่าตระหนกไป”
หญิงสาวตอบเสียงต่ำ ทว่าน้ำเสียงกลับแฝงไปด้วยความรู้สึกที่ชวนให้ผู้คนจิตใจสงบ
ในเวลานั้นเอง หลิวจี้ก็สังเกตเห็นว่ามีเงาร่างพุ่งออกมาจากป่าไผ่ทั้งสองด้าน เหลือบเห็นดาบที่ส่องประกายเย็นเยียบราวกับยังมีคราบโลหิตติดอยู่ ก็อดมิได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าลึก
เห็นได้ชัดว่าบุรุษที่เพิ่งจากไปผู้นั้นได้แจ้งข่าวแก่พรรคพวกแล้ว คนเหล่านี้มิคิดจะปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ
ประการแรก เกรงว่าพวกเขาจะไปแจ้งความ ประการที่สองคือต้องการที่จะกอบโกยเงินทองอีกสักก้อน
ฉินเหยายกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ผู้ใดจะกอบโกยจากผู้ใด ยังมิอาจกล่าวได้แน่ชัด!
“อย่าหยุดรถม้า พุ่งตรงไปเลย!” ฉินเหยากล่าวเสียงดัง
ต้าจ้วงได้ยินดังนั้นจึงกัดฟัน พุ่งชนไปยังเงาร่างที่ชูดาบส่องแสงวาววับตรงเข้ามา
หลิวจี้ก็มิกล้าเฉื่อยชา จับสายบังเหียนไว้แน่น
ฉินเหยาใช้มือข้างเดียวปีนขึ้นไปบนหลังคารถม้า กวาดสายตามองโดยรอบ พบว่ามีคนทั้งหมดเก้าคนจากทั้งด้านหน้า ด้านหลัง ด้านซ้าย และด้านขวา
นางดึงลูกศรขึ้นเหนี่ยวสายธนู ลูกศรแหลมพุ่งออกจากคันธนู ตรงไปยังบุรุษที่อยู่ด้านหน้าใกล้กับต้าจ้วงที่สุด เสียงหวีดแหลมแหวกอากาศดังขึ้น
ลูกศรดอกแรกยังไม่ทันถึงเป้า ลูกศรดอกที่สองและสามก็ติดตามมาติดๆ ด้วยความเร็วเช่นนี้ อีกฝ่ายจึงมิทันตั้งตัว คนสามคนล้มลงโดยไม่มีแม้แต่สัญญาณเตือน
ด้วยแรงเฉื่อยที่พุ่งไปข้างหน้า สองคนในนั้นจึงชนเข้ากับล้อรถม้าของหลิวลี่ที่พุ่งขึ้นไป แล้วกระเด็นออกไปอีกครั้ง
หลิวลี่อุทานเสียงต่ำ “เกือบไปแล้ว!”
ผลปรากฏว่าเห็นหลิวจี้กำลังขับรถม้า ส่วนฉินเหยาถือคันธนูยืนอยู่บนหลังคารถม้า ยิงธนูออกไปอีกหกดอกติดต่อกัน ทุกดอกล้วนเข้าเป้า บุรุษที่เหลืออีกหกคนล้มหน้าคว่ำลงกับพื้นทั้งหมด
มีผู้เคราะห์ร้ายถูกคมดาบในมือตนเองบาดจนเลือดไหลอาบต้นขา
เพียงชั่วพริบตา นางก็ลงมือเก็บกวาดโจรร้ายถือดาบทั้งเก้าคนในคราวเดียว มันช่างดูง่ายดายเสียจนทำให้นายบ่าวหลิวลี่อึ้งจนแทบลืมหายใจ
แข็งแกร่ง ช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก!
“หยุดรถ!” ฉินเหยาสั่งจากบนหลังคารถม้า กล่าวจบก็กระโดดลงมา พุ่งตรงไปยังบุรุษทั้งเก้าที่ล้มอยู่
นางมิได้ยิงถูกจุดสำคัญของพวกเขา ยังคงไว้ชีวิต เพราะเด็กๆ ยังอยู่ด้วย มิอาจโหดเหี้ยมเกินไป
เมื่อมาหยุดอยู่ต่อหน้าบุรุษทั้งเก้า ภายใต้สายตาตกตะลึงไม่อยากเชื่อของอีกฝ่าย นางก็ซัดหมัดใส่ไปคนละที บุรุษทั้งเก้าก็พลันสลบเหมือดไปด้วยความเจ็บปวดอย่างไม่เต็มใจ
หลิวจี้จอดรถม้าเรียบร้อยก็รีบตามมา เรื่องเช่นนี้เขาคุ้นเคยดี ฉินเหยาทำให้ผู้ใดสลบ เขาก็จะเข้าไปค้นตัวผู้นั้น ไม่ว่าสิ่งใดก็จะคว้ายัดใส่ในอกเสื้อทั้งหมด
อ๊ะ กริชเล่มนี้ดูดีทีเดียว
ว้าว ถึงกับมีเงินด้วย!
จุ๊ๆๆ คนผู้นี้หน้าตาอัปลักษณ์ไปหน่อย ทว่ารองเท้าหุ้มข้อกลับทำจากหนัง เก็บไว้ๆ…
………………..
MANGA DISCUSSION