ตอนที่ 208 บุรุษเมาสามส่วน
………………..
หลิวจี้ก็ต้องรับมันด้วยเช่นกัน เดิมทีสองตระกูลคิดที่จะแยกกันไป กลับก้าวเท้าเข้าสู่ที่ว่าการอำเภอแทบจะพร้อมกัน
ฉินเหยาและหลิวกงสบตากัน ต่างรู้สึกกระอักกระอ่วนใจไม่น้อย
หลังจากได้รับเอกสารรับรองสถานะถงเซิงแล้ว และได้รับสิทธิ์ในการเข้าสอบเคอจวี่อย่างเป็นทางการ ทั้งสองตระกูลจึงแยกทางกันจริงๆ
หลิวจี้ไปขอลาหยุดจากอาจารย์ใหญ่ของสำนักศึกษาสามวัน ซึ่งอีกฝ่ายก็เข้าใจดีว่าเขาต้องกลับบ้านไปแจ้งข่าวดีจึงอนุญาตอย่างง่ายดาย
ไม่เพียงเท่านั้น ยังกล่าวแสดงความยินดีกับหลิวจี้เป็นพิเศษ พลางลูบเคราแล้วเดินไปส่งเขาถึงประตูสำนักศึกษา ท่าทางเต็มไปด้วยความชื่นชม
แต่ไหนแต่ไรมา เขาไม่เคยคาดหวังสิ่งใดจากเด็กหนุ่มผู้นี้เลย คิดไม่ถึงว่าเพิ่งเข้าเรียนได้ไม่ถึงปีก็สามารถสอบผ่านถงเซิงได้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อมองดูหลิวจี้ที่มีรูปลักษณ์สง่างาม อาจารย์ใหญ่ก็คิดในใจว่า บางทีนี่อาจเป็นอัจฉริยะที่จรัสแสงช้ากว่าผู้อื่นก็เป็นได้
สายตาร้อนแรงของอาจารย์ใหญ่ทำให้หลิวจี้รู้สึกร้อนตัวไม่น้อย
โชคดีที่มีเพียงเขากับฉินเหยาที่รู้ว่าเขาสอบผ่านการสอบรอบแรกนี้มาได้อย่างไร ต่อหน้าชาวบ้านตระกูลหลิวที่ไม่รู้เรื่องซับซ้อนเหล่านี้ เขายังสามารถวางท่าได้อยู่
เมื่อขอลาหยุดเสร็จ ฉินเหยาก็ซื้อเนื้อหมูสดใหม่หลายชิ้น ตั้งใจจะกลับบ้านไปฉลองกับคนที่เรือนเก่าด้วยกัน สองสามีภรรยาตามหลังพี่น้องหลิวลี่ออกจากเมืองเพื่อกลับหมู่บ้าน
ห่างบ้านไปเพียงสี่วัน แต่เมื่อกลับมา ฐานะกลับแตกต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิงแล้ว
ด้วยกลัวว่าหลิวจี้จะลำพองใจจนเกินไป ฉินเหยาจึงคอยกำชับเขาตลอดทางให้วางตัวถ่อมตน พูดให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อป้องกันไม่ให้เผลอพูดอะไรผิดพลาดออกไป
หลิวจี้ตอบรับ แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะเฝ้ารอภาพใบหน้าตกตะลึงของชาวบ้านหมู่บ้านตระกูลหลิว
ใครเล่าจะคาดคิดว่าอันธพาลไม่เอาไหนที่พวกเขาด่าว่าประจำจะสามารถสอบผ่านการสอบรอบแรกได้และได้รับสิทธิ์เข้าร่วมสอบเคอจวี่?
เมื่อจินตนาการถึงภาพนั้น มุมปากของหลิวจี้ก็ยกขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้
ฉินเหยาก็รู้สึกยินดีเช่นกัน เป้าหมายเล็กๆ ของนางเข้าใกล้ขึ้นไปอีกก้าวแล้ว หนึ่งปีครึ่งที่นางข้ามภพมาจนถึงวันนี้ นางได้เห็นความหวังที่จะก้าวต่อไปข้างหน้าแล้ว
“หลิวจี้ ต่อไปชีวิตของครอบครัวเราจะต้องดีขึ้นเรื่อยๆ” ฉินเหยากล่าวด้วยความมั่นใจ
“พวกเราหรือ” หลิวจี้ตกใจที่ได้รับความโปรดปรานเช่นนี้ เขาถือเป็นหนึ่งในครอบครัวนี้แล้วอย่างนั้นหรือ
หากอยากให้ม้าวิ่งต่อไปข้างหน้าก็ต้องมีน้ำตาลป้อนให้มันบ้าง
ฉินเหยาตบไหล่เขาด้วยท่าทางจริงจัง ย้ำคำเดิม “ใช่แล้ว พวกเรา”
“ตั้งใจเข้า ด่านต่อไปคือการสอบจริงที่กำลังรอพวกเราอยู่”
หลิวจี้พยักหน้าหนักแน่น “อื้มๆ!”
ตอนนี้เขารู้สึกเปี่ยมพลังไปทั้งตัว หากไม่ใช่เพราะรู้ระดับของตนเองดี เขาคงอยากจะกลืนตำราทั้งหมดลงท้องแล้วเร่งสอบให้ผ่านเสียในเดือนห้า คว้าตำแหน่งซิ่วไฉมาให้นางดู!
ฉินเหยายิ้มจางอย่างพึงพอใจ “แต่อย่ากดดันตัวเองมากเกินไป สอบผ่านรอบแรกได้ก็ถือว่าโชคดีแล้ว รอบต่อไปให้ถือว่าเป็นการไปสัมผัสบรรยากาศของการสอบเคอจวี่ล่วงหน้า กลับมาจะได้รู้แนวทางและเน้นฝึกฝนให้ตรงจุด”
ตอนนี้หลิวจี้ได้ลิ้มรสประโยชน์ของตารางเรียนฉินเหยาแล้ว เขาพยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว แล้วกล่าวด้วยความซาบซึ้ง “เมียจ๋า เจ้าว่าอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น ข้าเชื่อฟังเจ้าเท่านั้น”
เจ้าคนนี้ พอพูดจาฝืนใจเมื่อใดก็มักเผยพิรุธออกมาทุกที ฉินเหยาไม่อยากจะมอง แต่สุดท้ายก็ยังฝืนส่งยิ้มไปให้ อย่างไรเสียก็ต้องให้กำลังใจเขา ไม่อาจดับไฟแห่งความกระตือรือร้นของเขาได้
ยามโพล้เพล้ รถม้าคันหนึ่งแล่นเข้าหมู่บ้านตระกูลหลิวอย่างเงียบสงบ
แต่สิ่งที่ทำให้สองสามีภรรยาคาดไม่ถึงก็คือ เพียงแค่ผ่านบ่อน้ำกลางหมู่บ้าน เสียงประทัดก็ดังขึ้นกึกก้อง
เหล่าหวงสะดุ้งจนดีดตัวสูงถึงสามฉื่อ เกือบทำให้ฉินเหยาและหลิวจี้ที่นั่งอยู่บนรถม้าหลุดกระเด็นออกจากตัวรถ
ฉินเหยาพยายามควบคุมรถม้าให้มั่นคงอย่างสุดความสามารถ ทว่ารอบตัวกลับถูกรายล้อมไปด้วยเหล่าชาวบ้านหมู่บ้านตระกูลหลิว
หลิวเหล่าฮั่นน้ำตาคลอเบ้ายืนอยู่ด้านหน้าสุด เมื่อเห็นหลิวจี้ก็รีบดึงตัวเขาลงจากรถม้าทันที ก่อนจะตบไหล่เขาหนักๆ แล้วเอ่ยคำระลึกถึงเหล่าบรรพชน บอกว่าบรรพชนคุ้มครองคนตระกูลหลิว บัดนี้ตระกูลหลิวของพวกเขามีถงเซิงแล้ว
ผู้ใหญ่บ้านและหัวหน้าตระกูลเองต่างก็เข้ามาแสดงความยินดีไม่ขาดสาย ชาวบ้านก็พากันนำผัก ไข่ไก่ ข้าวสาร และน้ำมันมามอบให้ เพื่อแสดงความยินดีที่หลิวจี้สอบผ่านการสอบรอบแรก พร้อมกับขอร้องให้เขาช่วยเหลือพวกตนในภายภาคหน้า
หลิวต้าฝูเองก็ได้นำของขวัญมาแสดงความยินดีด้วยเช่นกัน เขาตั้งใจเดินมาหาฉินเหยา แล้วกล่าวเป็นนัยเกี่ยวกับเรื่องที่อยากให้หลิวลี่เดินทางไปเมืองหลวงของมณฑลพร้อมกับหลิวจี้ พร้อมฝากฝังให้ฉินเหยาช่วยดูแลสักหน่อย
แต่สถานการณ์ในที่นั้นวุ่นวายเกินไป ฉินเหยาไม่มีโอกาสตอบคำถามใดๆ ก็ถูกนางเหอและนางชิวลากเข้าไปกลางวงเพื่อรับคำอวยพร
ฉินเหยาอาศัยจังหวะแอบเงยหน้ากวาดตามองไปรอบๆ เห็นเด็กทั้งสี่ในบ้านของตนถูกชาวบ้านเบียดออกไปอยู่ข้างนอก พวกเขาอยากเข้ามาใกล้แต่ก็ถูกเหล่าผู้ใหญ่เบียดออกไปอีก
ต้าหลางเพียงยิ้มขมขื่น ก่อนจะรวบตัวน้องชายและน้องสาวแล้วพากันหลบออกไปให้ไกลกว่าเดิม
วันนี้ฉินเหยาได้สัมผัสถึงความกระตือรือร้นของชาวบ้านอย่างลึกซึ้ง
หลิวต้าฝูเป็นผู้นำ พาทุกคนไปร่วมกินข้าวที่บ้านของตน จะได้สร้างโอกาสให้ว่าที่นายท่านซิ่วไฉทั้งสองได้ทำความรู้จักกันให้มากขึ้น
สิ่งที่เกิดขึ้นนี้คล้ายกับภาพที่หลิวจี้จินตนาการไว้ก่อนหน้านี้ แต่ก็ไม่เหมือนกันเสียทีเดียว เดิมทีเขาเพียงต้องการให้ชาวบ้านให้ความเคารพตน หาใช่ถูกมองเป็นลิงแสดงละครให้ใครดูไม่
คำว่าช่วยข้าด้วยยังไม่ทันได้เปล่งออกจากปาก หลิวจี้ก็ถูกชาวบ้านลากไปยังบ้านของหลิวต้าฝู พร้อมกับหลิวลี่ที่ถูก ‘ทารุณ’ จนหมดสภาพไปแล้ว ทั้งสองได้แต่นั่งจ้องตากันปริบๆ
ฉินเหยาเห็นว่าความสนใจหลักของชาวบ้านถูกหลิวจี้ดึงไปหมดแล้วจึงรีบตวัดแส้ บังคับรถม้า แล้วคว้าตัวเด็กน้อยผู้น่าสงสารทั้งสี่ขึ้นมา เฆี่ยนม้าหนีไปยังบ้านราวกับกำลังหนีตาย
แต่ไม่อาจต้านทานความกระตือรือร้นของเหล่าชาวบ้านได้ พวกนางเหอถึงกับตามมาถึงบ้านของนาง ช่วยกันจอดรถม้าให้เรียบร้อย แถมยังช่วยลงกลอนประตูบ้าน ก่อนจะพาฉินเหยาและเด็กทั้งสี่ไปยังบ้านของหลิวต้าฝูด้วยกัน
หมู่บ้านนี้ไม่ได้มีเรื่องครึกครื้นเช่นนี้มานานแล้ว ทุกคนต่างเผยรอยยิ้มจริงใจ ดวงตาเป็นประกายจับจ้องมาที่เจ้าแล้วฉินเหยาจะปฏิเสธได้อย่างไร
หลิวต้าฝูเปิดไหสุราชั้นดี เมื่อหลิวจี้กระดกเข้าไปสองจอก อารมณ์ก็เริ่มฮึกเหิมขึ้นมา นิสัยเจ้าพ่อแห่งวงการเข้าสังคมที่ซ่อนอยู่ก็พลันถูกปลุกขึ้น เขาเดินไล่กอดท่านลุงท่านป้าทั่วหมู่บ้านรอบหนึ่ง
หลิวลี่เห็นแล้วถึงกับขนลุก รีบถอยห่างออกมาให้ไกล ทว่าบิดาของเขาหลิวต้าฝูกลับคอยดันเขาให้เข้าไปใกล้หลิวจี้ หวังให้ทั้งสองสนิทสนมกันไว้ วันหน้าจะได้พึ่งพากันได้
ฉินเหยากลัวว่าหลิวจี้จะเมาแล้วหลุดปากพูดอะไรที่ไม่ควร นางจึงรับเหล้าแทนเขาทุกจอก ดื่มลงไปไม่หยุด แต่ใบหน้ากลับไม่ขึ้นสีแดงแม้แต่น้อย
แม้ชาวบ้านทั้งหมู่บ้านจะร่วมกันมอมเหล้าแต่นางก็ยังไม่ล้มลง ทำได้พวกเขานับถือจนหมดใจ
เมื่อความครึกครื้นสงบลง ครอบครัวทั้งหกคนก็กลับถึงบ้าน มองดูใบหน้าของอีกฝ่ายที่ถูกชาวบ้านละเลงสีจนแดงแจ๋ ทันใดนั้นก็พากันหัวเราะพรืดออกมา
หัวเราะจนพอใจแล้ว ฉินเหยาก็ซัดเท้าใส่ก้นของหลิวจี้เต็มแรง “ลุกขึ้นไปต้มน้ำเดี๋ยวนี้!”
หลิวจี้พลิกตัวไปมาอยู่บนพื้น พึมพำอะไรบางอย่าง แต่ก็ยังคงไม่ขยับตัวแม้แต่น้อย
ฉินเหยาขมวดคิ้ว “อย่าบังคับให้ข้าต้องลงมือปลุกเจ้าด้วยการตบหน้านะ”
เพิ่งให้สีไปเพียงเล็กน้อยก็คิดอยากเปิดโรงย้อมผ้าซะแล้วหรือ?!
หลิวจี้สัมผัสได้ถึงความเย็นเยียบที่แผ่ซ่านออกมาจึงรีบลืมตาขึ้นทันที ก่อนจะลุกพรวดพุ่งเข้าไปในครัว จุดไฟต้มน้ำอย่างว่องไว ไร้ซึ่งอาการมึนเมาอีก
ซานหลางและซื่อเหนียงกะพริบตาปริบๆ ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง “ที่แท้ ท่านพ่อไม่ได้เมาหรอกหรือ”
ฉินเหยาหยิกแก้มกลมๆ ของทั้งสองเบาๆ “พวกเจ้ายังเยาว์วัยนัก”
บุรุษเมาสามส่วน สามารถแสดงจนเจ้าร่ำไห้ได้
“เอาล่ะ ล้างหน้าแล้วเปลี่ยนชุดเสีย อีกเดี๋ยวรายงานให้ข้าฟังด้วยว่าช่วงหลายวันที่ผ่านมาได้เรียนรู้อะไรบ้าง”
คำพูดนี้นางพูดกับสี่พี่น้อง
แต่ทั้งสี่กลับไม่แสดงอาการร้อนรน พวกเขาต่างก็ตั้งใจฟังคำสอนของอาจารย์
ตลอดสี่วันที่ผู้ใหญ่ไม่อยู่บ้าน ทุกคืนพวกเขาก็คอยดูแลกันและกัน ทบทวนตำราอย่างขยันขันแข็ง
ฉินเหยามองดูท่าทีสงบนิ่งของสี่พี่น้อง ก่อนจะเหลือบไปมองใครบางคนที่กำลังวุ่นวายในครัว หัวใจของนางราวกับได้รับการปลอบโยน
………………..
MANGA DISCUSSION