ตอนที่ 96 เข้าใจเจ้าสาม
คนในเรือนตระกูลหลิวได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวแล้ว เมื่อฉินเหยาเดินเข้าประตูใหญ่มา นางจางที่นั่งอยู่ใต้ชายคาก็รีบเรียกนาง
“รีบเข้ามานั่งก่อน เที่ยงวันร้อนขนาดนี้ ทำไมยังออกมาข้างนอกอีก ไม่พักอยู่ที่บ้านสักหน่อยเล่า”
ฉินเหยานั้นยึดหลัก ‘น้ำดีไม่ไหลออกนอกนา’ ช่างไม้หลิวรับผิดชอบกังหันน้ำ ส่วนของนางต้องทำหินโม่อันใหญ่สองก้อนกับหินบดหนึ่งก้อน นางคนเดียวทำไม่ทันแน่
นางเดินเข้าไปในโถงบ้านแต่ไม่ได้นั่งลง ใช้คานหาบที่ถือมาเป็นหลักพยุงตัวแล้วกล่าวถึงจุดประสงค์ของตน
“ข้ากับช่างไม้หลิวจะสร้างโรงโม่น้ำให้หมู่บ้านเซี่ยเหอ ตอนนี้ข้าขาดคนช่วยงาน พี่ใหญ่ พี่รอง น้องเล็ก ช่วงนี้พวกท่านมีเวลาว่างไปช่วยข้าทำหินโม่หรือไม่”
ฉินเหยาเอ่ยเสริม “ค่าแรงวันละสามสิบห้าเหวิน ไม่รวมอาหาร เป็นงานใช้แรงงาน ข้าคิดว่ามีคนในบ้านให้ใช้งานอยู่เลยมาถามก่อน แต่หากพวกท่านไม่ว่าง ข้าจะไปหาคนที่บ้านอื่น”
บ้านของท่านลุงก็มีลูกพี่ลูกน้องชายหลายคน ตอนสร้างบ้านคราวก่อน พวกเขาก็ช่วยออกแรงอย่างเต็มที่
สามพี่น้องยังเกรงใจอยู่ แต่นางเหอและนางชิวกลับเผยรอยยิ้มด้วยความยินดี
นางเหอกล่าว “ว่างสิ ช่วงนี้ในนาไม่มีงานอะไร ให้พี่ใหญ่ของเจ้าตามไปช่วยเถอะ!”
นางชิวผลักแขนหลิวจ้งเบาๆ หลิวจ้งจึงเกาศีรษะด้วยความเขินอายเล็กน้อยก่อนพูดว่า “ข้าไปด้วย”
ส่วนหลิวเฝยไม่ต้องพูดถึง เขาเข้าไปหยิบคานหาบกับค้อนจากห้องเก็บของเรียบร้อยแล้ว ยืนอยู่กลางลานบ้านพร้อมอุปกรณ์เต็มมือ ก่อนจะถามเสียงดังว่า “พี่สะใภ้สาม พวกเราจะไปขนหินกันที่ไหนกันหรือ”
หลิวเหล่าฮั่นเพิ่งจะได้สติจากเรื่องที่ว่าค่าแรงวันละสามสิบห้าเหวินซึ่งสูงมาก เขาจึงรีบกล่าวว่า
“ก็พี่น้องกันทั้งนั้น จะพูดถึงค่าแรงทำไม แค่เจ้าจัดข้าวให้พวกเขาสามมื้อก็พอแล้ว”
หลิวไป่กับหลิวจ้งเองก็รีบเอ่ยตาม “แค่มีข้าวให้พวกเรากินก็พอแล้ว” แต่ก็เกือบจะถูกภรรยาหยิกแขนจนเนื้อเขียว
ฉินเหยามองหลิวเหล่าฮั่นด้วยรอยยิ้มขบขัน “ท่านพ่อ พี่น้องต้องคิดบัญชีให้ชัดเจน เท่าไหร่ก็ต้องเท่านั้น เวลามีน้อย พวกเรารีบไปทำงานกันเถอะ วันนี้ก็ถือว่าเป็นค่าแรงครึ่งวันแล้วกัน”
พูดจบ นางเรียกพี่ใหญ่กับพี่รองให้หยิบเครื่องมือแล้วพาแรงงานสามคนออกเดินทาง
หลิวเฝยดีใจจนเหมือนคนโง่ “พี่สะใภ้สาม ท่านอย่ามองว่าข้าไม่บึกบึนแต่ความจริงแล้วข้ามีแรงเยอะมากนะ! ท่านไม่ต้องสงสารข้า ข้าจะต้องออกแรงช่วยงานอย่างเต็มที่แน่นอน”
หลิวจ้งยังคงเก้อเขินเรื่องที่เคยสงสัยในวิธีปลูกข้าวของฉินเหยาอยู่ ฉินเหยาจึงเป็นฝ่ายถามขึ้นว่า “พี่รอง ท่านรู้ไหมว่าบริเวณนี้ที่ไหนมีหินก้อนใหญ่เยอะที่สุด?”
หลิวจ้งโล่งใจทันทีแล้วชี้ไปที่ภูเขาไกลๆ อย่างจริงจัง “ในแม่น้ำหาหินก้อนใหญ่ลำบาก ต้องขึ้นไปเจาะบนภูเขาเท่านั้น”
“ตกลง ท่านรู้ทาง ท่านนำไปเลย” ฉินเหยาตัดสินใจให้เขาเดินนำอย่างไม่อิดออด
หลิวจ้งก้าวยาวๆ อยู่ข้างหน้าด้วยย่างก้าวย่างที่มั่นคง หลิวไป่เดินเคียงกับเขาและเริ่มปรึกษากันว่าควรไปส่วนไหนของภูเขา
การขุดหินเป็นเรื่องง่าย แต่ปัญหาคือจะขนกลับมาอย่างไร ดังนั้นยิ่งใกล้เส้นทางหลักยิ่งดี
หลิวไป่เป็นคนละเอียดอ่อน เขาถามฉินเหยาว่า “ที่ที่พวกเราจะขุดหินอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านเซี่ยเหอเท่าไหร่ หากแบกกลับไปหมู่บ้านเราจะเป็นงานหนักอีกส่วนหนึ่ง ถ้าอย่างนั้นพวกเราขุดหินแล้วสร้างเพิงเล็กๆ ข้างทางเพื่อขัดหินที่นั่นเลยดีไหม ถึงเวลาก็ลากไปหมู่บ้านเซี่ยเหอได้โดยตรง จะช่วยประหยัดแรงไปได้มาก”
ยิ่งไปกว่านั้น หินพวกนี้หนักมาก วางไว้ข้างทางก็ไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครขโมยไป
ใครกันจะว่างมากพอมาขโมยหินโม่ หนักก็หนัก คนที่ไม่ต้องการยังรังเกียจว่ามันเกะกะอีกต่างหาก
ฉินเหยาคิดแผนนี้ไว้ตั้งแต่แรกแล้ว พอได้ยินหลิวไป่เสนอขึ้นมาก็พยักหน้าตกลง
จากหมู่บ้านตระกูลหลิวเดินไปทางหมู่บ้านเซี่ยเหอราวครึ่งชั่วโมงก็มาถึงแหล่งหิน
ที่นั่นเป็นภูเขาหินที่ไม่มีต้นหญ้าแม้แต่ต้นเดียว พื้นด้านล่างเต็มไปด้วยเศษหินที่ถูกลมและฝนกัดเซาะจนร่วงลงมา
บนหน้าผามีร่องรอยการสกัดหินชัดเจน ที่นี่เป็นจุดที่ชาวบ้านรอบๆ มักมาขุดหินกัน
คุณภาพของหินพอใช้ได้ เพียงพอสำหรับทำโม่หิน
ฉินเหยาต้องการโม่หินขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางแปดสิบเซนติเมตรสองก้อน และหินบดทรงกระบอกยาวหนึ่งเมตร เส้นผ่านศูนย์กลางหกสิบเซนติเมตรอีกก้อน
ตลอดช่วงบ่าย ทั้งสี่คนช่วยกันเลือกหิน ใช้ก้อนหินสีจากริมน้ำขีดเส้นแบ่งพื้นที่หินที่เหมาะสมออกมา
วันนี้ไม่มีเวลาสกัดหิน หลังจากเลือกหินเสร็จแล้ว หลิวไป่กับหลิวเฝยก็ไปตัดต้นไม้ ส่วนฉินเหยารับหน้าที่ขนไม้มายังถนนใหญ่ จากนั้นร่วมมือกับหลิวจ้งสร้างเพิงไม้แบบง่ายๆ เพื่อกันแดดกันฝน
พอทำเพิงเสร็จ ทั้งสี่คนก็เดินกลับบ้านพร้อมแสงอาทิตย์ยามเย็น
หลังจากพักผ่อนกันหนึ่งคืน เช้าวันถัดมาตอนฟ้ายังไม่สว่างดี หลิวเฝยก็วิ่งมาหน้าบ้านฉินเหยา เคาะประตูปลุกนาง
เห็นพลังความกระตือรือร้นของหนุ่มน้อย ฉินเหยาที่กำลังแทะแป้งอบไส้เนื้อที่หลิวจี้ทำไว้เมื่อคืน ในมือยังถือหม้อดินใบเล็กที่ใส่หมั่นโถวกับกับข้าวไว้ส่ายหน้าพลางถอนหายใจเบาๆ “พลังเยอะจริงๆ”
นางเหอกับนางชิวตื่นแต่เช้า เตรียมอาหารเช้าให้พี่น้องทั้งสามแล้วยังห่อข้าวกลางวันให้พวกเขาอีกด้วย
แต่รวมชามข้าวของพวกเขาสามคนเข้าด้วยกัน ยังไม่เท่าหม้อดินใบเล็กที่ฉินเหยาถืออยู่เลย
ปกติยามทุกคนกินข้าวด้วยกันพวกเขาก็เห็นฉินเหยากินทีละชามจึงไม่ได้ตระหนักถึงความแตกต่างของปริมาณข้าวมากนัก
แต่วันนี้พอได้เห็นหม้อดินใบนั้น ดวงตาของพวกเขาก็เบิกกว้าง
“อย่ามองข้าแบบนั้น มันเยอะขนาดนั้นเลยรึ” ฉินเหยาหยิบหม้อดินของตนขึ้นพร้อมเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย
พี่น้องหลิวไป่พยักหน้าพร้อมกัน จริงๆ แล้วมันเยอะเกินไปมากเลยต่างหาก!
แต่พอมาถึงจุดหมายแล้วเริ่มลงมือทำงาน พอเห็นฉินเหยาถือจอบขึ้นมาแล้วเจาะลงไปทีเดียวลึกตั้งสิบกว่าเซนติเมตรก็รู้สึกว่าที่นางกินเยอะขนาดนั้นสมเหตุสมผลมาก
ตลอดทั้งวัน ทั้งหุบเขาเต็มไปด้วยเสียง ติ๊งๆๆ ของโลหะกระทบกับหิน ฟังดูเป็นจังหวะดี
ทุกครั้งที่ฉินเหยาเงยหน้ามองแขนที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของสามพี่น้องตระกูลหลิวที่กำลังทำงานอย่างขยันขันแข็งก็อดคิดไม่ได้ว่า…มีบิดาคนเดียวกันแท้ๆ แต่เหตุใดบุคลิกถึงได้แตกต่างกันถึงเพียงนี้นะ
หรือว่าหลิวจี้เป็นลูกที่เก็บมาเลี้ยง?
ไม่หรอก เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด แม้ว่าพี่น้องทั้งสี่จะเกิดจากมารดาคนละคน แต่ยีนของหลิวเหล่าฮั่นนั้นแข็งแกร่งมาก ใบหน้าของพวกเขาจึงคล้ายคลึงกันมากทีเดียว
บางทีหลิวจี้อาจจะเหมือนมารดาของเขามากกว่า รูปลักษณ์เลยโดดเด่นกว่าคนอื่น
พอมองดูดีๆ หลิวไป่กับหลิวจ้งก็ดูดีไม่เบา ส่วนหลิวเฝยอาจจะด้อยกว่านิดหน่อย แต่หากดูเดี่ยวๆ ก็ยังถือว่าเป็นหนุ่มรูปงามอยู่ดี
แม้ว่าจิตใจจะล่องลอยคิดเรื่องไร้สาระไปเรื่อย แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการทำงานของฉินเหยา นางเป็นคนแรกที่สกัดหินก้อนใหญ่ลงมาได้ จากนั้นก็เดินไปช่วยหลิวเฝย
หนุ่มน้อยแม้ดูผอมเพรียว แต่เรี่ยวแรงมีไม่น้อยเลย ทว่าการสกัดหินต้องอาศัยเทคนิคเป็นหลัก เขายังอายุน้อยเกินไป ใจร้อน พอทุบหินไม่ได้ดั่งใจก็โมโหไปหมด
โชคดีที่มีฉินเหยาช่วย ค่อยๆ ปรับจังหวะให้ถูกต้อง ก่อนตะวันตกดินก็สกัดหินก้อนใหญ่ที่สมบูรณ์มาได้อีกก้อน
ส่วนหลิวไป่กับหลิวจ้งสกัดหินก้อนที่ใหญ่กว่ามาก สกัดทั้งวันได้แค่ครึ่งเดียว ต้องใช้เวลาอีกวันถึงจะเสร็จ
สี่คนใช้เวลาสองวัน สกัดหินออกมาได้ก้อนใหญ่หนึ่งก้อน ขนาดกลางสองก้อนและก้อนเล็กอีกหนึ่งก้อน
ที่ต้องใช้มีเพียงสามก้อน อีกก้อนหนึ่งเตรียมไว้เผื่อฉุกเฉิน
หินยักษ์สี่ก้อนที่หนักอึ้งถูกวางบนฐานไม้ซุงสองต้น ใช้อีกต้นลากแล้วกลิ้งหินไปตามท่อนไม้ทีละส่วนจนถึงข้างถนน สุดท้ายก็ใช้เชือกยกขึ้นไปบนถนนใหญ่
กระบวนการนี้ เพราะมีฉินเหยาผู้มีกำลังเหนือมนุษย์อยู่จึงง่ายกว่าการสกัดหินเสียอีก
นางถึงกับสามารถยกหินสำรองก้อนเล็กที่หนักเกือบพันจินขึ้นมาด้วยตัวคนเดียวแล้วโยนขึ้นไปบนถนนใหญ่ได้อย่างสบายๆ
สามพี่น้องตระกูลหลิวยืนอึ้งเป็นไก่ไม้ กว่าจะดึงสติกลับมาได้ก็ใช้เวลานาน
จู่ๆ ก็เข้าใจเลยว่า เหตุใดเจ้าสามถึงได้ว่าง่ายเพียงนั้น!
MANGA DISCUSSION