ตอนที่ 92 ร่วมกันสร้างโรงโม่น้ำ
ฉินเหยาจุปาก “อย่างนั้นเกรงว่าแม้แต่ยี่สิบหรือสามสิบตำลึงก็คงไม่พอ!”
“เพราะอย่างไรก็ไม่ใช่ทุกคนจะสามารถทำได้แบบข้าที่สามารถสร้างหินโม่ใหญ่ขนาดนี้ได้เพียงลำพัง หากพวกเจ้าจะทำกันเอง อย่างน้อยต้องใช้คนสิบคนขึ้นไปถึงจะสร้างหินโม่แบบนี้ออกมาได้แผ่นหนึ่ง การขนส่งและติดตั้งก็จะเป็นงานที่ยุ่งยากมากทีเดียว”
การจะติดตั้งหินโม่ที่หนักเป็นพันจิน ไม่ใช่แค่ให้คนสิบคนช่วยกันยกขึ้นลงก็ทำได้
หินนั้นเปราะบาง หากพลาดเพียงนิดเดียวแล้วทำให้แผ่นหินแตก งานทั้งหมดที่ทำมาก่อนหน้านี้ก็จะสูญเปล่า
เมื่อเห็นหวังอวี่มีสีหน้าลำบากใจ ฉินเหยายิ้มอย่างจนใจ “แน่นอน ข้ากับซุ่นจื่อก็รู้จักกันดี หากมิใช่ว่าช่วงนี้งานในบ้านข้ายุ่งมาก ข้าก็คงสามารถไปช่วยยกให้พวกเจ้าได้”
“แต่ช่วยไม่ได้จริงๆ สามีของข้าตอนนี้หมกมุ่นอยู่กับการเรียน ส่วนที่บ้านก็มีงานมากมายเพียงนี้ ข้าปลีกตัวไปไหนไม่ได้จริงๆ”
“พี่สามเรียนหนังสือหรือ” ซุ่นจื่อถึงกับคิดว่าตนเองหูฝาด “พี่สะใภ้ ท่านหมายความว่าพี่สามกำลังจะเรียนหนังสือหรือ”
ฉินเหยาพยักหน้า “เพิ่งตัดสินใจกันเมื่อไม่กี่วันก่อน เจ้าก็รู้ว่าพี่สามเจ้าทำอะไรก็ไม่ได้เรื่อง ข้าเลยคิดจะให้เขากลับไปเรียนต่อ อย่างน้อยอาจจะได้อะไรดีๆ ติดตัวมาบ้าง”
ซุ่นจื่อถึงกับตะลึง สภาพพี่สามเช่นนั้น จะเรียนหนังสือออกมาเป็นตัวอะไรได้?
แต่เขาก็รู้ดีถึงความสามารถของฉินเหยา เห็นนางมั่นใจถึงเพียงนี้ เขาจึงไม่พูดอะไรให้เสียบรรยากาศ ยิ้มแย้มแล้วบอกให้ฉินเหยาไปบอกพี่สามว่า หากวันหน้าร่ำรวยขึ้นมาก็อย่าลืมพี่น้องอย่างเขาด้วย
ฉินเหยายิ้มให้เขา “ลืมใครก็ลืมได้ แต่ลืมซุ่นจื่อไม่ได้แน่นอน”
เพราะนี่เป็นการค้าใหญ่ที่เขาหาให้ หากทำสำเร็จ นางจะได้กำไรอย่างน้อยห้าตำลึงเชียว!
เมื่อมีความแตกต่างของราคามากถึงเพียงนี้ หากชาวบ้านเซี่ยเหอไม่โง่ก็ย่อมต้องเลือกให้ฉินเหยาและช่างไม้หลิวเป็นผู้ดำเนินงานนี้
เห็นหวังอวี่ยังลังเล ฉินเหยาจึงแนะนำให้เขาไปสอบถามปัญหาด้านทักษะจากช่างไม้หลิวโดยตรง
หากหมู่บ้านเซี่ยเหอมีคนที่สามารถแก้ปัญหาได้จริง นางกับช่างไม้หลิวก็แค่เก็บค่าที่ปรึกษาก็พอ
แน่นอนว่าคำพูดนี้เป็นเพียงมารยาท ในความเป็นจริงแล้ว ช่างไม้หลิวเองก็ไม่ใช่คนโง่ พวกเขาร่วมงานกันมาหลายครั้ง ความเข้าใจที่มีต่อกันนั้นแน่นแฟ้น
เอาเป็นว่า หลังจากหวังอวี่ได้ฟังฉินเหยาพูดถึงเรื่องพลังขับเคลื่อน เพลา และหลักการต่างๆ เขาก็รู้แล้วว่าโรงโม่นี้ไม่ใช่สิ่งที่สร้างได้ง่ายๆ
แต่เพื่อให้สามารถกลับไปอธิบายกับชาวบ้านได้ดี เขาก็ยังต้องไปสอบถามที่บ้านของช่างไม้หลิวอยู่ดี
ฉินเหยาตั้งใจบอกว่าตนเองยุ่งอยู่กับงานในนาแล้วให้ซุ่นจื่อนำทางหวังอวี่ไปหาช่างไม้หลิวแทน
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ซุ่นจื่อก็วิ่งมาหาฉินเหยาที่นาเพียงลำพังแล้วบอกนางว่า “พี่สะใภ้ ข้ากับพี่หวังต้องกลับไปปรึกษากับชาวบ้านก่อน แต่ดูท่าแล้ว สุดท้ายก็คงต้องรบกวนพี่กับช่างไม้หลิวอยู่ดี”
ฉินเหยายิ้มพยักหน้า “ได้เลย หากต้องการอะไรก็มาหาข้าได้”
“ว่าแต่ พี่สามของเจ้าก็อยู่บ้านนะ เห็นเขาบ่นถึงเจ้าหลายครั้งแล้ว เจ้าจะไปนั่งที่บ้านข้าหน่อยหรือไม่”
“ไม่ล่ะ ไม่ล่ะ ข้าต้องรีบกลับ ไว้วันหลังค่อยไปเยี่ยมบ้านพี่แล้วกัน” ซุ่นจื่อโบกมือปฏิเสธ เขารีบกลับจริงๆ
อีกอย่าง เพิ่งได้ยินว่าพี่สามกำลังอ่านหนังสืออยู่ เขาจะกล้าไปรบกวนได้อย่างไร
ในเมื่อพี่สะใภ้สามารถตัดสินใจได้ เขาจะต้องไปพบพี่สามให้เสียเวลาทำไม
นึกถึงซาลาเปาเนื้อที่เคยได้กินเพราะฉินเหยา ซุ่นจื่อก็ยิ้มออกมาก่อนเดินจากไป
ช่างไม้หลิวผู้นั้นก็เป็นพวกนิสัยประหลาด บอกว่าช่างฝีมือย่อมมีหลักการของตน เขาจะไม่มีวันถ่ายทอดทักษะกังหันน้ำให้คนนอกอย่างเด็ดขาด
ก่อนมา หวังอวี่ไม่เคยคาดคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน ดังนั้นจึงทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจเข้า
เมื่อกลับถึงหมู่บ้านเซี่ยเหอ ทั้งสองก็รีบเรียกชาวบ้านมารวมตัวกันและเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง พร้อมทั้งบรรยายสรรพคุณและประสิทธิภาพของเครื่องโม่น้ำด้วยความตื่นเต้น คนในหมู่บ้านที่เคยถูกเครื่องโม่มือทรมานแทบอยากจะไปชิงโม่น้ำของหมู่บ้านตระกูลหลิวมาเสียเลย
แน่นอนว่าการปล้นมานั้นเป็นไปไม่ได้ ก็แค่การพูดล้อเล่นเท่านั้น หมู่บ้านตระกูลหลิวนั้นถึงขั้นขับไล่พวกโจรภูเขาออกไปได้เมื่อช่วงต้นปี คนพวกนั้นดุยิ่งกว่าอะไร ใครจะกล้าไปหาเรื่องพวกเขา
“เช่นนั้นก็เชิญพวกเขามาทำให้หมู่บ้านเราสิ! ให้แต่ละบ้านช่วยกันลงขัน นอกจากประหยัดแรงงานแล้ว ยังสะดวกกว่าอีก” มีชาวบ้านคนหนึ่งเสนอขึ้น
ซุ่นจื่อที่ยืนอยู่ในฝูงชนรีบตะโกนเสริม “นั่นสิ! คนในหมู่บ้านเรามีเยอะ แบ่งกันออกแค่ครอบครัวละสองเฉียนเอง! พวกเจ้าไม่เคยเห็นเครื่องโม่นั้นกับตา ข้าเห็นมาแล้ว ข้าบอกเลยว่าคุ้มค่า!”
เมื่อเห็นทุกคนหันมามองเขา ซุ่นจื่อก็รีบเสริมว่า “หากทำให้แม่กับเมียข้าไม่ต้องทรมานกับเครื่องโม่มือไปได้ตลอดชีวิต ให้ข้าออกเงินสองตำลึงข้าก็ยอม!”
ทันทีที่พูดจบก็มีคนเอ่ยเยาะขึ้นมา “หากเจ้าซุ่นจื่อมีปัญญาควักเงินออกมาสองตำลึง ข้าให้เจ้าตัดหัวเลย!”
ทันใดนั้น ทุกคนก็พากันหัวเราะฮ่าๆๆ เสียงดัง
ซุ่นจื่อถลึงตาใส่คนพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ทำไมจะจ่ายไม่ไหว หากข้าขายตัวเองอย่างไรก็คงได้สักยี่สิบสามสิบตำลึง! อย่างมากข้าก็แค่ขายตัวเอง ขอแค่แม่กับเมียข้าไม่ต้องลำบากอีกต่อไป!”
เมื่อซุ่นจื่อเริ่มพล่าม คนอย่างเขาใครจะเถียงสู้ได้? อีกทั้งเขายังหน้าด้านสุดๆ ชาวบ้านจึงขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงกับเขาต่อ
หากเขาถอดเสื้อแล้วลงไปนอนบนพื้นตะโกนว่าขายตัวขึ้นมาจริงๆ พวกสาวน้อยสาวใหญ่ที่อยู่รอบๆ จะทำหน้ากันอย่างไร
ผู้ใหญ่บ้านหวังรีบตะโกนเรียกชาวบ้านให้สงบ ก่อนจะถามความเห็นของทุกคนว่าอยากร่วมกันสร้างโรงโม่น้ำหรือไม่
“ใครเห็นด้วยให้ยกมือขึ้น ใครไม่เห็นด้วยก็บอกมา ดูว่าฝ่ายไหนมีมากกว่าแล้วเราจะตัดสินตามนั้น”
คนส่วนใหญ่ยกมือเห็นด้วย ซุ่นจื่อถึงกับปีนขึ้นไปยืนบนก้อนหินแล้วยกมือสูงสุด ทุกคนรู้ว่าเขาเป็นพวกชอบร่วมวงสนุกจึงไม่มีใครสงสัยว่าเขามีเจตนาอะไรแอบแฝง
ผู้ใหญ่บ้านเห็นว่าคนส่วนใหญ่เห็นด้วยจึงตัดสินใจลงมือสร้างโรงโม่น้ำทันที
“ผู้ใหญ่บ้าน เราต้องรีบหน่อยนะ อีกไม่นานก็เก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงแล้ว หากสร้างโรงโม่ทันก่อนถึงตอนนั้น ทุกคนในหมู่บ้านจะสบายขึ้นมากเลย” พี่น้องหยางต้าเร่งเร้า
พวกเขาเป็นนายพราน ที่บ้านเพิ่งเตรียมที่ดินไว้ไม่กี่หมู่สำหรับทำไร่นาและปลูกข้าว แต่เพราะไม่เคยชินกับงานในนาจึงทนรับความลำบากเช่นนี้ไม่ไหวจริง ๆ
เมื่อคิดถึงความยากลำบากในการโม่ข้าว พวกเขาก็หวังว่าโรงโม่น้ำจะสร้างเสร็จเร็วๆ จะได้พ้นจากความทุกข์นี้เสียที
นี่เป็นสิ่งที่สะท้อนความคิดของพวกชาวบ้านโดยแท้ ใช้เงินไปแล้วก็ต้องได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าถึงจะถูก
ดังนั้น ผู้ใหญ่บ้านจึงสั่งให้บุตรชายหวังอวี่รีบไปหมู่บ้านตระกูลหลิวอีกครั้ง เพื่อเร่งดำเนินการให้เสร็จสิ้น
ในเมื่อช่างไม้หลิวไม่ยอมถ่ายทอดทักษะให้คนนอก พวกเขาก็ไม่มีทางเลือก นอกจากให้เขาเป็นคนสร้าง
“ว่าแต่ หากจะสร้างหินโม่ก็ต้องไปหาหญิงตระกูลหลิวผู้นั้นหรือ” ผู้ใหญ่บ้านถามบุตรชาย
หวังอวี่พยักหน้า “ใช่แล้ว ช่างไม้หลิวเองก็บอกว่า จริงๆ แล้วกังหันน้ำนี้เป็นแบบร่างที่ฉินเหนียงจื่อวาดให้เขา สิ่งนี้ความจริงแล้วก็มาจากท่านลุงของนาง”
เรื่องที่กังหันน้ำเป็นผลงานของฉินเหยานั้น ผู้ใหญ่บ้านกลับไม่แปลกใจเลย
เพราะเขาเคยได้ยินชื่อเสียงของฉินเหนียงจื่อมาก่อน ผู้ใหญ่บ้านกับหัวหน้าตระกูลของหมู่บ้านตระกูลหลิวเคยพูดถึงนางหลายครั้ง
เมื่อต้นปีหมู่บ้านตระกูลหลิวถูกกลุ่มโจรภูเขาบุกโจมตี โชคดีที่สตรีผู้นี้มีรยุทธ์สูงส่งนำคนออกมาต่อสู้จนสามารถขับไล่โจรไปได้ นางเป็นคนที่เก่งกาจยิ่ง
ดังนั้น ผู้ใหญ่บ้านจึงกำชับบุตรชายว่า “เจ้าไปหาฉินเหนียงจื่อโดยตรงเลย ไปถามให้แน่ชัดว่าโรงโม่น้ำครบวงจรนี้จะต้องทำอย่างไร ใช้เวลานานแค่ไหนและต้องใช้เงินเท่าไร”
หวังอวี่รับคำสั่ง คราวนี้เขาไม่ได้พาซุ่นจื่อไปด้วย แต่เลือกพาผู้อาวุโสที่มีอิทธิพลในหมู่บ้านไปแทน เพื่อป้องกันไม่ให้ชาวบ้านคิดว่าเขาคิดเงินเกินจริงหรือโกงเงินหมู่บ้าน
MANGA DISCUSSION