เถ้าแก่เนี้ยมองมาด้วยความกังวล “น้องชาย เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
หลิวจี้พยักหน้า
ฉินเหยายิ้มเล็กน้อยพลางส่ายหน้า “เขาไม่เป็นอะไรหรอก”
“เถ้าแก่เนี้ย กระเบื้องที่ร้านท่านขายอย่างไรหรือ” ฉินเหยาสอบถามราคา
การค้าสำคัญกว่า เถ้าแก่เนี้ยจึงละความห่วงใยในตัวหลิวจี้แล้วพาฉินเหยาไปดูแผ่นกระเบื้องพลางกล่าวว่า “ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าจะซื้อเท่าไหร่ ที่นี่เป็นเตาเผากระเบื้องของหมู่บ้าน ในหมู่บ้านก็มีขายปลีกอยู่ แต่หากซื้อเกินสองร้อยแผ่นขึ้นไป ราคาก็จะถูกลงหน่อย”
ก่อนหน้านี้ลุงเก้าเคยช่วยฉินเหยาคำนวณเอาไว้ หากมุงหลังคาบ้านทั้งหมดจะต้องใช้ประมาณสองพันแผ่น อาจเหลือบ้างเล็กน้อย แต่ก็ไม่มากเกินไป
ฉินเหยาจึงถามเถ้าแก่เนี้ยว่าหากนางซื้อไปเยอะๆ แล้วเหลือจะสามารถคืนได้หรือไม่
นางจำได้ว่า ก่อนวันสิ้นโลกตอนพ่อแม่นางจะซ่อมบ้านก็ซื้อวัสดุก่อสร้างแบบนี้ และคิดว่าที่นี่ก็น่าจะทำได้เช่นกันกระมัง
ถือว่าฉินเหยาโชคดี เถ้าแก่เนี้ยบอกว่ายังไม่เคยมีใครซื้อไปแล้วขอคืนมาก่อน แต่หากฉินเหยาสามารถรับประกันว่ากระเบื้องที่ส่งคืนอยู่ในสภาพสมบูรณ์ก็พอจะรับคืนได้
“แต่หากแตกหักแล้ว ทางเราไม่รับผิดชอบนะ”
เถ้าแก่เนี้ยเตือนด้วยความหวังดี “ทางที่ดีควรซื้อเผื่อไว้หน่อย เพราะระหว่างขนส่งอาจมีแตกเสียหายได้”
“งั้นพวกท่านมีบริการส่งไหม” ฉินเหยาถาม
เถ้าแก่เนี้ยพยักหน้า “บ้านเจ้าอยู่ที่ไหนล่ะ ข้าจะได้ดูว่าไกลไหม หากไม่ออกนอกเมืองจินสือก็ส่งได้ทั้งหมด”
ฉินเหยากล่าวว่า “ไม่ไกล อยู่ที่หมู่บ้านตระกูลหลิวนี่เอง”
เถ้าแก่เนี้ยยิ้มพลางรับรองว่าไม่มีปัญหา พร้อมถามฉินเหยาว่าจะเอาเท่าไหร่
“สองพันแผ่น ราคาเท่าไหร่”
“เอาอย่างนี้แล้วกัน หากเจ้าซื้อเยอะ ข้าจะให้ราคาสี่แผ่นสามเหวิน รวมสองพันแผ่นก็หนึ่งตำลึงห้าเฉียน นี่ถือว่าถูกที่สุดแล้วนะ ยังรวมค่าขนส่งให้ด้วย รถม้าเองก็มีค่าใช้จ่ายไม่น้อย พวกเราเองก็ต้องมีกำไรบ้าง”
เถ้าแก่เนี้ยเอ่ยอย่างจริงใจ ฉินเหยาคิดว่าราคาใช้ได้จึงจ่ายมัดจำสามส่วนทันทีแล้วบอกให้เถ้าแก่เนี้ยส่งของมาให้พรุ่งนี้
กระเบื้องสองพันแผ่นส่งรอบเดียวไม่หมด ต้องไปกลับหลายรอบ ยิ่งส่งเร็วได้เท่าไหร่ก็ยิ่งดี
เถ้าแก่เนี้ยจดบันทึกเอาไว้แล้วมอบแผ่นไม้แผ่นหนึ่งให้ฉินเหยาแทนใบรับรอง ตอนส่งของครบแล้วก็ให้ยืนยันกับลูกจ้างที่ส่งของก่อนแล้วค่อยจ่ายส่วนที่เหลือ
เมื่อเห็นฉินเหยาเดินออกมาจากเตาเผากระเบื้องแล้ว หลิวจี้ที่ยืนพิงประตูพลางเป่าหลังมืออยู่ก็รีบลดมือลง ยืดตัวตรงเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มว่า “เสร็จแล้วหรือ”
ฉินเหยาพยักหน้าอย่างเย็นชา
นางไปที่ร้านช่างเหล็กก่อนเพื่อถามว่าอาวุธของตนทำเสร็จถึงไหนแล้ว
ช่างเหล็กยังเข้าใจผิดคิดว่านางรีบมากจึงมาถาม เขารีบเอ่ยรับรองว่า “รออีกสองวัน อีกสองวันมารับได้เลย ข้าจะทำให้เสร็จอย่างแน่นอน”
“ได้ เช่นนั้นข้าจะมาใหม่ในอีกสองวัน”
เมื่อเห็นช่างเหล็กยุ่งจนแทบไม่มีเวลาพูดคุย ฉินเหยาจึงจากมา
“เมียจ๋า จะกลับแล้วหรือ” หลิวจี้ที่เดินตามหลังมาถามด้วยความแปลกใจ
แหงนมองท้องฟ้า นี่ยังไม่เที่ยงเลย ได้ออกมาทั้งที กลับไปแค่เตาเผากระเบื้องกับร้านช่างเหล็กที่แสนน่าเบื่อ นี่ไม่ใช่การมาเสียเที่ยวหรอกหรือ
ฉินเหยายังคงก้าวเท้าต่อ “รู้ไหมว่าทำไมข้าถึงเรียกเจ้ามาด้วย”
“ทำไมหรือ” หลิวจี้ถามอย่างจริงจัง
ฉินเหยาอธิบาย “เดิมข้าคิดว่าเจ้าของร้านกระเบื้องไม่มีบริการส่งของเลยว่าจะพาเจ้ามาเป็นคนช่วยแบกของเสียหน่อย”
“ดังนั้น เจ้าโชคดีไม่น้อยเลยล่ะ” ที่รอดตัวไปได้
หลิวจี้อยากจะยิ้ม แต่ก็ยิ้มไม่ออก ได้แต่เป่าหลังมือที่ยังแสบร้อนเดินตามฉินเหยากลับบ้านไปอย่างจำใจ
ทั้งสองเดินเงียบกันมาตลอดทาง
หลายวันนี้ท้องฟ้าสดใส ทางในหุบเขาจึงยังพอเดินได้สะดวก
กลิ่นอายฤดูใบไม้ร่วงเข้มข้น สองข้างทางของป่าในหุบเขาถูกย้อมด้วยสีทองอมส้ม พอลมพัดมา ใบไม้ก็ปลิวว่อนไปหมด
ทิวทัศน์งดงามมาก แต่เงียบสงัดเกินไป แม้ในยามกลางวันก็ยังชวนให้รู้สึกเสียวสันหลัง
หลิวจี้เหลือบมองหญิงสาวที่ก้าวยาวๆ เดินนำอยู่ด้านหน้า ลอบคิดอย่างโล่งใจที่ไม่ต้องเดินบนเส้นทางในภูเขานี้คนเดียว
เขามองไปรอบด้าน ป่ารอบข้างถูกลมพัดจนเกิดเสียงซ่าๆ เขารีบเร่งฝีเท้าไปเดินเคียงฉินเหยา
“เมียจ๋า เจ้าว่าทางนี้มันเงียบเกินไปหรือเปล่า เจ้าดูสิยังไม่ถึงฤดูหนาวเลยนะ เหตุใดคนอื่นถึงไม่ออกมาข้างนอกกันเลย เดินมาตั้งนานยังไม่เจอใครสักคน”
ฉินเหยามองไปรอบด้าน ไม่ได้รู้สึกว่าเงียบเหงาอะไร ก่อนหน้านี้นางก็เคยเดินคนเดียวมาแล้ว นอกจากใบไม้ที่เหลืองกว่าเดิมก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
แต่เมื่อเห็นหลิวจี้พยายามชวนคุย นางจึงถามเหน็บว่า “เจ้ากลัวหรือ”
“อะ อะไรกัน ข้าจะกลัวได้อย่างไร!” หลิวจี้ทำท่าทางไม่ยี่หระ “ข้าแค่ได้ยินมาว่าปีนี้แถวนี้มีพวกโจรป่ามาก เลยกังวลว่าจะเจอโจรปล้นกลางทางก็เท่านั้น”
“ช่างเถอะ หวังดีแท้ๆ กลับถูกเจ้าเข้าใจผิด!” ปากพูดอย่างนั้น แต่กลับเร่งฝีเท้าเพื่อก้าวไปเดินเคียงนางอย่างซื่อสัตย์
ทั้งสองเดินต่อไปอีกช่วงหนึ่ง ผ่านช่องเขาแคบๆ เข้าสู่หุบเขาแคบยาวอีกแห่ง
ลมพัดผ่านหุบเขาเสียงดังหวีดหวิว พระอาทิตย์เหนือศีรษะไม่รู้ว่าหลบซ่อนในชั้นเมฆตั้งแต่เมื่อไหร่ ทั่วทั้งหุบเขามืดสลัว
หลิวจี้มองซ้ายมองขวา รู้สึกเหมือนมีบางอย่างแปลกๆ อยู่ตลอดเวลา
เขาไม่ใช่คนที่เก็บคำพูดไว้ได้ คิดอะไรก็พูดออกมาหมด
“เมียจ๋า เจ้าไม่รู้สึกจริงๆ หรือว่าทางเส้นนี้มันดูวังเวงชอบกล”
หลังพูดจบ หลิวจี้ก็เตรียมใจที่จะโดนเยาะเย้ยไว้แล้ว
ไม่คิดเลยจริงๆ ว่าคนข้างกายจะหยุดเดินกะทันหัน
นางหันกลับมามองเขาแล้วกล่าวว่า “รู้สึก”
“อะ…อะไรนะ?”
หลิวจี้ขนลุกซู่ขึ้นทันที
กำลังจะถามว่านางแกล้งขู่เขาหรือเปล่า เสียงฝีเท้าก็ดังแว่วมาจากเนินเขาด้านซ้ายเสียก่อน
เมื่อเห็นโจรป่าห้าหกคนวิ่งลงจากภูเขามาดักอยู่ข้างหน้า ร่างของหลิวจี้ก็แข็งทื่อ
มีโจรจริงๆ ด้วย!
จบสิ้นแล้วๆ ทีนี้จะทำอย่างไรดี?
สวรรค์! พวกเขามีดาบด้วย!
“เมียจ๋า เจ้าพกเงินมาเท่าไหร่ก็ให้พวกเขาไปเถอะ ชีวิตของพวกเราสำคัญกว่า ข้าได้ยินมาว่าโจรพวกนี้ต้องการแค่ทรัพย์สิน หากเรายอมมอบเงินให้ก่อน อาจจะยังพอมีทางรอดอยู่บ้าง” หลิวจี้พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
ตามหลักเหตุผลแล้ว ในสถานการณ์เช่นนี้ เขายังคิดถึงวิธีนี้ได้ แม้ว่าจะขี้ขลาดไปบ้าง แต่ก็ถือว่าเป็นทางรอดที่ดีที่สุดที่คนธรรมดาจะคิดออก
แต่ฉินเหยาไม่ได้อยู่ในขอบเขตของเหตุผลทั่วไป
นางยกมือขึ้นอย่างไม่พอใจ เป็นสัญญาณให้เขาหุบปาก
หลิวจี้มองไปยังเส้นทางด้านหลัง คิดในใจว่าหากหันหลังวิ่งหนี อีกฝ่ายไม่มีม้า บางทีเขาอาจรอดไปได้ก็ได้
แต่ยังไม่ทันที่เขาจะขยับตัว ฉินเหยาก็เอ่ยถามโจรทั้งหกที่อยู่ตรงหน้าว่า “ทางโจรงั้นรึ”
ฝ่ายตรงข้ามเหมือนไม่คิดว่าสามีภรรยาคู่นี้จะใจเย็นเช่นนี้ ชายคนหนึ่งหัวเราะเสียงดังแล้วตอบว่า “แม่นางน้อย ก็เห็นกันอยู่ไม่ใช่รึ!”
ฉินเหยาถามต่อ “พวกเจ้าต้องการเงินหรือชีวิต”
ฝ่ายโจรหัวเราะอย่างหยิ่งผยอง ขณะเดินเข้ามาทางพวกเขาแล้วพูดว่า “เงินก็เอา ชีวิต…ก็เอา!”
ทันทีที่พูดจบ ชายสองคนในกลุ่มก็ชักดาบพุ่งเข้าหาพวกเขาทั้งคู่ทันที
พวกเขามีจำนวนมากกว่า อีกทั้งสองคนนี้อย่างไรก็ต้องตายอย่างแน่นอน เรื่องเช่นการปล่อยให้คนมีชีวิตรอดไปสร้างปัญหาให้ตนประเภทนี้พวกเขาไม่มีทางทำเด็ดขาด
“ได้”
ฉินเหยาเข้าใจแล้ว
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ นางก็ไม่จำเป็นต้องลังเลอีก
แววตาที่เคยสงบนิ่งพลันเปลี่ยนเป็นคมกริบเหนือประมาณ มือที่จับมีดกำแน่น สะบัดมีดฟันออกไปที่ลำคอโจรคนหนึ่งราวกับสายฟ้าแลบ!
เลือดฉีดพุ่งออกมาจากลำคออีกฝ่ายราวกับสายน้ำ นางเบี่ยงตัวหลบ
มีดในมือนางกลายเป็นเคียวเกี่ยวชีวิต ขณะที่พุ่งผ่านร่างของพวกเขาอย่างรวดเร็วและแม่นยำ หนึ่งมีด หนึ่งชีวิต!
MANGA DISCUSSION