ต้าหลางและน้องอีกสามคนรีบวิ่งไปยังร้านพ่อค้าหาบเร่หลิวพร้อมเงินในมือ
แต่พ่อค้าหาบเร่ยังไม่กลับมา ภรรยาของเขาอวิ๋นเหนียงเป็นคนดูแลร้านแทน
นี่เป็นครั้งแรกที่เด็กทั้งสี่คนมายืนอยู่หน้าร้าน เคาะไม้กระดานแล้วส่งเงินเข้าไปเพื่อซื้อน้ำตาลข้าว
อวิ๋นเหนียงมองเด็กทั้งสี่ด้วยความประหลาดใจ ปกติไม่เคยเห็นพวกเขามีเงิน พวกเขามักสวมเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งทั้งยังไม่ดูแลตัวเอง สกปรกเหมือนขอทานก็ไม่ปาน
แต่บัดนี้ พวกเขาไม่เพียงมีเงินมาซื้อน้ำตาลยังแต่งตัวสะอาดเรียบร้อยจนอวิ๋นเหนียงประหลาดใจเมื่อพบว่าลูกๆ ของหลิวจี้ทั้งสี่คนนั้นหน้าตาดีเลยทีเดียว
ครั้งแรกที่มา ต้าหลางยังดูเกร็งๆ ส่วนอีกสามคนยิ่งไม่กล้าพูด ได้แต่มองพี่ชายด้วยความคาดหวัง
อวิ๋นเหนียงรับเงินสี่เหรียญมาแล้วถามด้วยความไม่แน่ใจ “เอาสี่แท่งใช่หรือไม่”
“ใช่ สี่แท่ง” ต้าหลางตอบ
อวิ๋นเหนียงพยักหน้า เปิดโถน้ำตาลแล้วใช้ไม้เล็กๆ สี่แท่งจุ่มน้ำตาลจนเป็นแท่งก่อนจะส่งให้
ต้าหลางแจกแท่งน้ำตาลให้กับน้องๆ ทีละแท่งก่อนจะถือแท่งสุดท้ายไว้เอง เด็กทั้งสี่คนหัวเราะอย่างดีใจ รีบแลบลิ้นออกมาเลีย แท่งน้ำตาลนั้นหวานและหอมกลิ่นข้าว อร่อยกว่าที่คิดไว้มาก
ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดทุกคนถึงชอบกินมัน ต้าหลางคิดในใจอย่างมีความสุข
เอ้อร์หลางพูดเสียงเบาว่า “หากพรุ่งนี้ท่านพ่อถามพวกเราว่าทำอาหารอย่างไรอีกก็คงดี”
“เขาต้องถามอีกแน่” ต้าหลางที่รู้จักความสามารถของบิดาตนเป็นอย่างดีเอ่ยด้วยความมั่นใจ
แต่หากจะให้แบ่งเงินจากท่านพ่อมาอีก เกรงว่าคงไม่ง่ายเพียงนั้นแล้ว
“นี่ ต้าหลาง พวกเจ้ารอก่อน!”
อวิ๋นเหนียงนึกถึงรองเท้าฟางที่ฉินเหยาฝากขายไว้ขึ้นมาได้จึงรีบเรียกเด็กทั้งสี่กลับมาและส่งเงินยี่สิบห้าเหวินให้ต้าหลางพร้อมกำชับให้เก็บไว้ดีๆ อย่าทำหาย
“นี่คือเงินที่ท่านแม่ของพวกเจ้าขายรองเท้าฟางได้ เจ้าบอกนางว่ารองเท้าขายไปหมดแล้ว ทั้งหมดยี่สิบห้าเหวิน รู้หรือไม่”
ต้าหลางและพวกพี่น้องต่างก็รู้เรื่องนี้ดีจึงรีบพยักหน้าตอบว่าเข้าใจแล้ว จากนั้นต้าหลางก็เก็บเงินไว้ในอกก่อนถามอวิ๋นเหนียงว่ามีเรื่องอะไรอีกหรือไม่ เมื่อนางตอบว่าไม่มี พวกเขาจึงออกจากร้าน
ระหว่างเดินกลับ ซื่อเหนียงและเอ้อร์หลางก็กินน้ำตาลจนหมดแล้ว
ของต้าหลางยังเหลืออีกคำหนึ่ง เมื่อเห็นทั้งสองจ้องเขาตาไม่กะพริบก็ยิ้มอย่างจนปัญญาแล้วส่งส่วนที่เหลือให้ทั้งสองคน
แต่ทั้งสองกลับส่ายหน้าอย่างรู้ประสา ซื่อเหนียงมองพี่ใหญ่ด้วยแววตาเป็นประกายพลางเอ่ยว่า “พี่ใหญ่ ท่านกินเถอะ”
เอ้อร์หลางอยากกินจนกลืนน้ำลาย แต่ก็ยังยืนยันให้พี่ชายกินจนหมด
สุดท้ายก็เหลือแค่ซานหลาง มือเล็กๆ ข้างหนึ่งกำแท่งไม้ไว้ อีกข้างคอยกันไว้ปกป้องน้ำตาล เลียไปสองครั้งก็ไม่กินต่อแล้ว
เอ้อร์หลางถามด้วยความสงสัยว่าทำไมไม่กิน เขาก็ตอบว่า “ข้าจะค่อยๆ กิน”
พวกเขาจึงไม่ได้สนใจอีก
ตอนเดินผ่านริมแม่น้ำ เอ้อร์หลางอยากจะอยู่ที่นั่นเพื่อเก็บหินกับจินเป่า แต่จริงๆ แล้วเป็นเพราะเขาอยากอยู่เล่นมากกว่า
ซานหลางรีบบอกทันทีว่าเขาเองก็อยากอยู่เล่นที่นี่เหมือนกัน
ต้าหลางหันไปถามซื่อเหนียง นางส่ายหน้า ทั้งสองคนจึงกลับบ้านก่อน
ตอนจะจากไป ต้าหลางยังกำชับเอ้อร์หลางให้ดูแลซานหลางให้ดี อย่าให้ตกลงไปในแม่น้ำเชียว
แต่นี่เป็นฤดูแล้ง น้ำในแม่น้ำลดลงไปมากแล้ว อีกทั้งยังมีคนอยู่รอบๆ มากมายจึงไม่ต้องกังวลเกินไปนัก
บริเวณนี้มีแต่พื้นแม่น้ำแห้งๆ มีหินก้อนเล็กใหญ่เต็มไปหมด ซึ่งหลิวเฝยและจินเป่ากำลังเก็บหินเหล่านี้อยู่
ฉินเหยารับหน้าที่ขนหินเหล่านี้กลับไปให้ลุงเก้าสำหรับสร้างฐานกำแพง
นางยุ่งมาก เพียงเหลือบมองเอ้อร์หลางและซานหลางที่กำลังเก็บหินกับจินเป่าที่ริมแม่น้ำ ก่อนแบกหินหนักๆ ขึ้นฝั่ง เดินข้ามสะพานไม้และเดินขึ้นทางลาดกลับไปถึงบ้าน เที่ยวเดียวใช้เวลาถึงยี่สิบนาที ไปกลับเกือบครึ่งชั่วโมง
ที่ริมแม่น้ำ จินเป่าเห็นน้ำตาลที่ซานหลางป้องเอาไว้ในมือก็อยากลองชิมด้วย แต่ซานหลางไม่ตอบรับแสดงท่าทีปฏิเสธ
จินเป่ากลืนน้ำลายด้วยความอิจฉา แต่เมื่อเห็นว่าซานหลางไม่แบ่งให้ เขาก็แค่นเสียง “ข้าไม่เห็นอยากได้เลย เมื่อวานแม่ข้าก็ซื้อให้กินจนเบื่อแล้ว!”
พูดจบ เมื่อเห็นว่าซานหลางยังไม่สนใจตนก็ฮึดฮัดกระชากเอ้อร์หลางไปคุ้ยหาก้อนหินก้อนกลมมนต่อ
หินเหล่านี้เหมาะสำหรับปูทางเดินที่สุด แถมเก็บก็สนุก เด็กสองคนเก็บไปเล่นไปอย่างร่าเริง
ซานหลางกลับมองสะพานไม้อย่างครุ่นคิด ก่อนก้มมองน้ำตาลในมือที่เริ่มละลาย เขารีบหมุนแท่งไม้ในมือ พอน้ำตาลคงตัวแล้วก็หันมองสะพานอีกครั้ง
ฉินเหยาแบกกระบุงเปล่ากลับมา ซานหลางตัวเล็กเกินไป เขายืนหลบอยู่ใต้ต้นหลิว รอบๆ มีหญ้ารกสูงกว่าตัวเขาเต็มไปหมด
ฉินเหยาไม่ได้สังเกต นางเดินผ่านพงหญ้าลงมายังริมแม่น้ำ วางกระบุงเปล่าแล้วเปลี่ยนไปแบกกระบุงหินที่หลิวเฝยและพวกเก็บไว้จนเต็มแล้ว
เมื่อเห็นนางเดินผ่านหน้าไปอีกครั้ง ซานหลางก็เหมือนจะรู้ว่าตำแหน่งตัวเองไม่ดีจึงขยับไปยืนที่หัวสะพาน
ผ่านไปอีกยี่สิบนาที คราวนี้ฉินเหยามองเห็นเขาแล้วจึงถามด้วยความแปลกใจว่า “ซานหลาง เจ้ามาทำอะไรตรงนี้หรือ”
เด็กชายตัวน้อยที่หันหลังอยู่รีบหันกลับมาทันที ดวงตาโตสว่างวาบด้วยความดีใจแล้วยื่นน้ำตาลในมือให้นาง
แต่ไม่คิดเลยว่า ผ่านมานานขนาดนี้ น้ำตาลจะเริ่มละลายจนดูเลอะเทอะไปหมด
ยังไม่ทันที่ฉินเหยาจะตอบสนอง เด็กน้อยก็ก้มหน้าลงด้วยความเสียใจ
“เจ้าเก็บน้ำตาลไว้ให้ข้ากินหรือ” ฉินเหยานั่งยองๆ ลงตรงหน้าเขา วางตะกร้าลงแล้วยื่นมือไปรับน้ำตาลในมือเด็กชายด้วยความประหลาดใจ
เด็กน้อยที่ดูซึมเศร้าเงยหน้ามองนางทันที เขาพยักหน้าตอบรับ
ฉินเหยาถามด้วยความสงสัย “แล้วเจ้าจะไม่กินเองหรือ”
ซานหลางส่ายหน้าเอ่ยว่า “ท่านกินเถอะ”
ปากเล็กๆ ขยับไปมาโดยไม่รู้ตัวพลางกลืนน้ำลายลงคอ
น้ำตาลเละเทะแท่งนี้ สำหรับซานหลางแล้วมันคือของที่ดีที่สุด
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้กิน แล้วเขาจะไม่อยากกินได้อย่างไร
“เจ้าตั้งใจเก็บไว้ให้ข้าหรือ”
ซานหลางพยักหน้าอย่างเขินอาย
ฉินเหยามองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความคาดหวังนั้นแล้วยิ้มบางๆ “งั้นเรามากินด้วยกันเถอะ”
ซานหลางไม่ยอม ยืนยันจะให้ฉินเหยากิน ฉินเหยาจะไปแย่งของเด็กได้อย่างไร เลยทำทีชิมน้ำตาลไปคำหนึ่งแล้วคืนที่เหลือให้เขา บอกว่านางกินพอแล้ว ขอให้เขาช่วยกินที่เหลือแทน
ซานหลางไม่ได้สงสัยอะไร รับน้ำตาลที่เหลือไปกินคำเล็กๆ เดินตามหลังฉินเหยาไปพลาง ยิ้มเขินอายและพอใจให้นางเป็นระยะ
ฉินเหยามองออกว่าเด็กน้อยอยากอยู่กับนาง แต่ไม่กล้าพูดเลยบอกให้เขาดูทางดีๆ จะได้ไม่ล้ม แล้วปล่อยให้เขาตามไป
ฉินเหยาหาบหินกลับบ้านอีกครั้ง ซานหลางเดินตามมาส่งนางถึงสะพานไม้แล้วรอนางกลับมา จากนั้นก็เดินตามไปที่แม่น้ำ ทำแบบนี้ซ้ำไปมา
น้ำตาลข้าวกินหมดไปนานแล้ว แต่ความสุขยังคงเหลืออยู่
ขาสั้นๆ ของเด็กน้อยเดินได้ไม่เร็ว ฉินเหยาไม่ได้ตั้งใจเดินช้าลงเพราะเขา ระยะห่างระหว่างคนตัวใหญ่กับตัวเล็กอย่างน้อยก็หนึ่งลี้ มองจากไกลๆ เหมือนฉินเหยามีหางเล็กๆ ติดตามอยู่ด้วย
ตะวันคล้อยลง ญาติพี่น้องที่มาช่วยทำงานเหนื่อยกันมาทั้งวัน พอลุงเก้าตะโกนบอกให้หยุด ทุกคนก็พากันเก็บเครื่องมือกลับไปกินข้าวที่บ้านอย่างพร้อมเพรียง
ในครัว หลิวจี้ยกชามข้าวใบใหญ่เต็มไปด้วยเนื้อเข้าไปในห้องโถงด้วยความตื่นเต้น จัดวางจานชาม และวางหม้อข้าวที่มีข้าวไหม้นิดหน่อยไว้บนโต๊ะแล้วเรียกเด็กๆ มานั่ง รอเพียงฉินเหยามาถึงก็เริ่มกินข้าวได้
MANGA DISCUSSION